ทำยังไต่อไปกับชีวิตนี้ดี

ตอนนี้ฉันอายุ 26 ย่าง 27 แต่ชีวิตมันไม่ได้เป็นอย่างที่ฝันเลย
คนทั่วไปคงเรียนจบ ป.ตรี มีงาน มีเงินเดือนมั่นคง แต่ตอนนี้ฉันคือคนว่างงาน..
 
ฉันเติบโตในต่างจังหวัด เรียนดีเกรดมาโดยตลอด จนจบม.3 ด้วยเกรดเฉลี่ย 3.9X ต้องเลือกเรียนต่อ ฉันรู้ตัวว่าชอบภาษาอังกฤษ จึงขอที่บ้านต่อม.ปลายสายศิลป์ ที่บ้านขอให้เรียนต่อสายวิทย์-คณิต เพราะสามารถเข้าคณะได้กว้างกว่า ฉันในวัยนั้นเห็นด้วยกับที่ครอบครัวบอก เพราะตอนนั้นยังไม่แน่ชัดว่าตัวเองจะเป็นอะไร (จุดเปลี่ยนชีวิตครั้งที่1)

พอม.ปลายเข้าเรียนโรงเรียนประจำจังหวัด สายวิทย์-คณิต ฉันทิ้งภาษาอังกฤษไปเลย เพราะภาษาอังกฤษมีแค่2คาบต่อสัปดาห์เพื่อนๆในห้องก็ไม่มมีใครให้ความสำคัญเท่าไหร่ เพราะโฟกัสแค่วิทย์-คณิต ที่เนื้อหาค่อนข้างหนัก จนแอดมิชชั่น ฉันมานั่งคิดว่าจะเข้าคณะอะไรอยากเป็นอะไร ฉันตัดสินใจจะเลือกเรียนคณะในสายวิทย์ที่ฉันเรียนมาอย่างหนัก3ปี
เพราะฉันรู้สึกว่าฉันเลือกมันแล้วจะทิ้งมันไปเลยฉันเสียดายเรียนมาตั้ง3ปี  บวกกับตอนนั้น ภาษาอังกฤษฉันไม่พัฒนาหยุดไว้ตั้งแต่ม.ต้น พ่อขอให้เรียนวิศวกรรม  ม.6ฉันไม่ชอบฟิสิกส์ฝังใจกับไฟฟ้า ฉันจึงเลือก4อันดับ ด้วยคณะสัตว์แพทย์2อันดับ และfood Science 2 อันดับ ฉันติดอันดับที่3  (จุดเปลี่ยนชีวิตครั้งที่ 2) ก่อนหน้านี้ฉันติดสอบตรงและโควต้า2ที่ ที่แรก food science ที่สองวิทยาศาสตร์สิ่งแวดล้อม แต่สละสิทธ์รอแอดมิชชั่น
 
จนจบม.6 ฉันก็สอบเข้ามหาวิทยาลัยมีชื่อเสียง top10 ของประเทศได้
และที่สำคัญ เป็น Top 3 ในสาขาที่ฉันเลือกเรียน นั้นก็คือ food science จบด้วยเกียรตินิยมอันดับ 2 
ฉันไม่เคยคิดว่าตัวเองเก่ง หัวดี แต่ฉันคือคนที่ขยัน อดทน มีวินัย และมีพื้นฐานที่ดี 
ฉันเรียนมันได้โดยที่ฉันไม่ได้ชอบแต่ก็ไม่ได้เกลียด ฉันแค่ไม่รู้ว่าฉันชอบอะไรอยากเป็นอะไร (นั่นคือความล้มเหลวของฉันเอง)
 
หลังจากเรียนจบฉันก็หางานทำ ได้งานทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ระบบมาตรฐาน ทำงานด้านเอกสาร ทำได้2ปี เจ้านายชอบชมฉันทำงานดี แต่ฉันรู้สึกว่าฉันทนทำงาน หลังๆฉันเครียด ไม่มีความสุข นอนไม่หลับ ไม่อยากตื่นไปทำงาน บางวันเหงื่อออกตอนกลางคืน เป็นหนักขึ้นจนฉันรู้สึกว่าต้องพอ ประกอบกับที่บ้านแม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพ เขาป่วยเป็นเส้นเลือดสอมงตีบ เริ่มเดินไม่คล่องประกอบกับเกิดอุบัติเหตุทางมอเตอร์ไซต์สมองกระทบกระเทือน แม่กลายเป็นคนป่วยทางสมองจำไม่ได้มึนๆงงๆ ทางกายภาพเดินได้ไม่ดี  ฉันตัดสินใจลาออกแล้วย้ายกลับมาอยู่ที่บ้าน ลาออกมาดูแลแม่ตั้งแต่ต.ค.61จนธ.ค.62 เพื่อรอพ่อเกษียณอายุใน ธ.ค. 62 พอพ่อเกษียณ ฉันให้พ่อทำธุระของเขาก่อน เดือนมีนาจึงเริ่มหางาน

ได้งานที่ไกลจากบ้าน 77 กิโล เป็นงานตรงสายตำแหน่ง Production supervisor แต่ฉันไม่มีประสบการณ์ด้านนี้ เข้าไปไม่มีหัวหน้าแผนก ไม่มีคนสอนงาน ระบบภายในไม่ดี ไม่สามารถพูดต่อได้ ฉันพยายามเรียนรู้งานจากคนงานในไลน์ แต่ก็มีปัญหาเพราะงานไม่เป็นระบบ มีลูกน้อง40คน ที่ฉันต้องดูแล งาน2กะ กับปัญหาระบบที่ฉันแก้ไม่ได้และไม่มีคนช่วยซัพพอร์ต ฉันทำงาน3เดือนไปกลับบ้านทุกวัน155 กิโล ฉันเหนื่อย ฉันป่วยหาหมอ3รอบ ฉันไปทำงานสาย 3ครั้ง เพราะช่วงแรกยังเป็นช่วงล็อคดาวน์รถไม่ติด ต่อมารถติดขึ้นเรื่อยๆ บางครั้ง เกิดอุบัติเหตุหรือฝนตก ฉันไม่สามารถไปได้ทัน ทำได้3เดือนสิ้นเดือนก.ค. ฉันตัดสินใจลาออกโดยไม่มีงานรองรับ ( จุดเปลี่ยนชีวิตครั้งที่ 3)

ตอนนี้ฉันรู้สึกท้อนะ รู้สึกแย่ที่เราทำให้พ่อแม่ไม่ได้ เลี้ยงพ่อแม่ไม่ได้  ฉันพยายามส่งไปสมัครแต่ไม่มีการตอบรับใดๆ วันนี้ฉันไปสมัครงานที่ร้านชาบูแห่งหนึ่ง(ร้านนอกห้าง)  เขารับฉันในตำแหน่งเด็กเสิร์ฟ ฉันได้เงินเป็นรายวัน ชั่วโมงละ40บาท และยังต้องเสียค่าเสื้อพนักงานอีกด้วย  งานเข้ากะ ทุกกะจะเลิกเวลา 23.00น. เข้างาน10.00 /12.00 /18.00 น. วันหยุดคือไม่ได้เงิน ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันตัดสินใจถูกมั้ย แต่มันใกล้บ้าน ฉันสามารถมีเวลาดูแลแม่ได้  (ต้องอาบน้ำให้แม่ทุกวัน) ด้วยสาขาที่ฉันจบงานใกล้บ้านหาลำบากมาก ฉันควรทำยังไงกับชีวิตนี้ต่อดี ฉันไม่อยากให้ตัวเองรู้สึกแย่แบบนี้เลย จบป.ตรีแต่เงินไม่ถึงหมื่น ฉันท้อจริงๆนะ แต่ชีวิตก็ต้องเดินต่อไป...
ถ้าคุณเป็นฉัน คุณจะทำยังไงกับชีวิตคุณต่อไป ช่วยแนะนำฉันที

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ชีวิตยังอีกยาวไกล ชีวิตทุกคนมีขึ้นมีลง ยามขึ้นอย่าหลงยามลงอย่าท้อ ขอแค่ให้มองบวกไม่มีใครทำให้คุณรู้สึกต่ำต้อยได้ ถ้าคุณไม่อนุญาต ท้อให้มองคนที่ลำบากกว่า ถ้าไม่รู้จักลำบากแล้วจะรู้ความสบายได้ยังไง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่