JJNY : ชุมสายจี้เปิดทางแก้รธน./ชำนาญชี้รบ.แก้รธน.แค่ส่วนได้เปรียบ/โรมถามรักชาติสไตล์แดง/หวั่นหนี้เสียเข้มปล่อยกู้ทุบgdp

'ชุมสาย' ยก 8 ข้อ ส.ว.ต่างตอบแทน จี้เปิดทางแก้ไข รธน.
https://voicetv.co.th/read/r1FigA7uz
 
 
'ชุมสาย' ยก 8 ข้อ ส.ว.ต่างตอบแทน ควรฟังเสียงนักศึกษาประชาชน ย้อนถามเรามี ส.ว.แบบนี้ได้อย่างไรและเพื่อใคร จี้เปิดทางแก้รัฐธรรมนูญ
 
ชุมสาย ศรียาภัย รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สมาชิกวุฒิสภามีมาตั้งแต่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2489 โดยการเลือกตั้งทางอ้อม ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง ส.ส. ตรวจสอบกลั่นกรองกฎหมาย เมื่อย้อนไปดูที่มาที่ไปของ ส.ว.ชุดปัจจุบัน มีข้อพิจารณาดังนี้
 
1. ส.ว.ชุดปัจจุบัน 250 คน แม้จะมาจากคณะกรรมการสรรหาแต่สุดท้ายต้องผ่านมือหัวหน้าคณะ คสช.ที่ทำการปฏิวัติรัฐประหารมาเมื่อ 22 พ.ค. 2557 เกือบทั้งสิ้น ซึ่งไม่มีจุดยึดโยงอะไรกับประชาชนเลย
 
2. รธน.2560 บัญญัติให้อำนาจ ส.ว.ในการออกเสียงโหวต เลือกนายกรัฐมนตรีได้ ซึ่งไม่มีประเทศระบอบประชาธิปไตยที่ไหนในโลกนี้เขาทำกัน
 
3. เมื่อได้เป็น ส.ว.แล้ว ส.ว.ทั้ง 250 คนได้ลงมติโหวตให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช.เป็นนายกรัฐมนตรีโดยพร้อมเพรียงกันทุกคน
 
4. รธน.มาตรา 256 (3) บัญญัติว่า การจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องมีเสียง ส.ว.เห็นชอบ 3 ใน 4 หรือ 84 คน เห็นชอบในขั้นรับหลักการวาระที่ 1 จึงจะทำได้
  
5. รธน.มาตรา 269(1) ค.มีการกำหนดให้ ผบ.เหล่าทัพและ ผบ.ตร เป็น ส.ว.โดยตำแหน่ง ซึ่งถือว่ามีความยึดโยงกับกองทัพโดยตรง ถือเป็นการเปิดช่องในการก้าวก่าย แทรกแซง รัฐสภาจากกองทัพได้
 
6. ส.ว.จำนวนหนึ่งเป็นน้องชาย และเป็นบุคคลใกล้ชิดกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและคณะในฐานะหัวหน้า คสช.และหัวหน้าคณะปฏิวัติ
 
7. ในการประชุมและลงมติของ ส.ว.จำนวน 145 ครั้ง มี ส.ว.ประมาณ 10 คนขาดการประชุมและลงมติ 100 กว่าครั้งในจำนวนนี้ขาดประชุมและลงมติเกิน 140 ครั้ง จำนวน 5 คน โดยมีเงินเดือนและเงินประจำตำแหน่งรวมกันเฉลี่ยต่อคน จำนวน 113,560 บาท
 
8. มีอดีตรัฐมนตรีและ สนช.ที่มาจากการแต่งตั้งของคณะ คสช.ได้รับการสรรหากลับเข้ามาเป็น ส.ว.ในรัฐบาลชุดปัจจุบัน 
 
9. รธน.2560 มาตรา 269(4) บัญญัติให้ ส.ว.ชุดนี้ดำรงตำแหน่ง 5 ปี เท่ากับว่ามีสิทธิ์โหวตเลือกนายก 2 สมัย 
 
ชุมสาย ระบุว่า เมื่อเป็นดังนี้แล้ว ตนจึงขอถามท่าน ส.ว.ผู้ทรงเกียรติว่า ในเมื่อรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ รัฐธรรมนูญเป็นแบบนี้ประเทศเราจะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่
 
"ประเทศไทยปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทยคำถามคือ ประเทศไทยเรามี ส.ว.แบบนี้ได้อย่างไร และเพื่อใคร ส.ว.ชุดนี้ควรสนับสนุนข้อเรียกร้องของนักศึกษาและประชาชน หรือไม่" ชุมสาย กล่าว
 

 
'ชำนาญ' แย้ง 'วิษณุ' พ.ร.บ.ประชามติฯ ไม่ต้องร่างใหม่ ชี้ รบ.หวังแก้รธน.แค่ส่วนได้เปรียบ
https://www.matichon.co.th/politics/news_2296171
 
‘ชำนาญ’ แย้ง ‘วิษณุ’ พ.ร.บ.ประชามติฯ ยังมีผลบังคับใช้อยู่ ไม่ต้องร่างใหม่ ชี้ รัฐบาลออกอาการอยากแก้ รธน. แค่ส่วนได้เปรียบ
  
เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม จากกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ว่าหากจะทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 จะต้องร่างกฎหมายประชามติขึ้นมาใหม่เพราะกฎหมายเก่าบังคับใช้ไม่ได้แล้ว และรัฐธรรมนูญที่ออกกฎหมายประชามตินั้นยกเลิกไปแล้ว อีกทั้งกฎหมายประชามติที่ใช้กับรัฐธรรมนูญปี พ.ศ.2560 ก็ใช้เป็นการเฉพาะคราวนั้น
 
ล่าสุด นายชำนาญ จันทร์เรือง กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เปิดเผยถึงประเด็นดังกล่าวว่า สําหรับประเทศไทยนั้นได้มีการกําหนดให้มีการออกเสียงประชามติได้ และได้มีการนําเอาการออกเสียงประชามติมาบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหลายฉบับ เช่น ฉบับ พ.ศ.2492 ฉบับ พ.ศ. 2511 ฉบับ พ.ศ.2517 ฉบับ พ.ศ.2540 ฉบับชั่วคราว พ.ศ.2549 โดย 3 ฉบับแรกกําหนดให้ประชาชนมีสิทธิออกเสียงประชามติในกรณีที่เป็นการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเท่านั้น ส่วนฉบับ พ.ศ.2540 กําหนดให้นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.) สามารถขอให้ประชาชนออกเสียงประชามติในเรื่องที่อาจกระทบถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติหรือประชาชนตามหลักเกณฑ์ที่กําหนดไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ
 
แต่อย่างไรก็ตามประเทศไทยไม่เคยมีการดําเนินการออกเสียงประชามติตามรัฐธรรมนูญได้บัญญัติไว้
 
การออกเสียงประชามติระดับชาตินั้นสําหรับประเทศไทยนั้นได้มีขึ้น ตามมาตรา 29 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2549 ที่กําหนดให้สภาร่างรัฐธรรมนูญจัดทํา ร่างรัฐธรรมนูญและพิจารณาให้แล้วเสร็จ เมื่อจัดทําร่างรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว ให้เผยแพร่ให้ประชาชน ทราบและจัดให้มีการออกเสียงประชามติเพื่อให้ประชาชนได้ตัดสินใจ ให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 ซึ่งในการออกเสียงประชามติครั้งนั้นรัฐธรรมนูญกําหนดว่า ต้องทําและถือว่าเป็นการออกเสียงประชามติเป็นครั้งแรกของประเทศไทย
 
สําหรับประเทศไทยนั้น การออกเสียงประชามติในฐานะที่เป็นกลไกการมีส่วนร่วมทางการเมืองตามหลักประชาธิปไตยของประชาชน ก็ได้บรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยหลายฉบับ ดังบัญญัติไว้ในมาตรา 165 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ซึ่งก็ได้ตราพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552 ขึ้นมาบังคับใช้
 
นายชำนาญ กล่าวต่อว่า แต่ต่อมาได้มีการยึดอํานาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (สนช.) จึงส่งผลให้รัฐธรรมนูญ 2550 สิ้นสุดการบังคับใช้ไปด้วย แต่อย่างไรก็ดีคสช. ก็ได้ออกประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 57/2557 เรื่องให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญบางฉบับให้มีผลบังคับใช้ต่อไป โดยในข้อ 3 บัญญัติให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติ พ.ศ.2552 มีผลบังคับใช้ต่อเนื่องต่อไปโดยมิได้สะดุดลงจนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิกนั้น จึงส่งผลให้พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการออกเสียงประชามติพ.ศ.2552 มิได้มีผลสะดุดหยุดลงแต่ประการใด
 
นายชำนาญ กล่าวว่า “การที่นายวิษณุ แสดงความเห็นเช่นนี้แสดงว่า รัฐบาลมีธงอยู่ในใจว่าจะแก้ไขเฉพาะบางเรื่องที่ฝ่ายรัฐบาลได้เปรียบเท่านั้น เช่น การให้ใช้เสียงข้างมากธรรมดาที่ไม่ต้องใช้เสียงของฝ่ายค้าน 20 เปอร์เซ็น ซึ่งจะได้แก้รัฐธรรมนูญตามอำเภอใจของตนเอง หรือแก้ระบบการเลือกตั้งซึ่งที่ผ่านมาพรรคร่วมรัฐบาลก็เสียส.ส.แบบบัญชีรายชื่อเช่นกัน เป็นต้น”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่