ในต่างประเทศ ครอบครัวที่มีเงินและมีอิทธิพลส่วนใหญ่มีความเกรงใจต่อสังคม ไม่ใช้อำนาจในทางที่ผิด
ก็เพราะคนในประเทศนั้นๆมีความแอ็คทีฟ ที่จะแอนตี้คนหรือครอบครัวที่ใช้อำนาจในทางที่ผิดนั้น
หากมีความผิดที่ชัดเจนแบบนี้เกิดขึ้น ก็จะออกมาแสดงออกว่าจะรับผิดชอบอย่างไร
แต่ในบ้านเรานั้น ผู้ที่มีเงินและมีอิทธิพลจะใช้วิธีเก็บตัวเงียบ ไม่เคลื่อนไหว
แล้วปล่อยให้สังคมติดตามข่าวที่มีการไล่เบี้ย หุ่นเชิดทั้งหลายที่อยู่ในระบบไปเรื่อยๆ
จนเหมือนเป็นละครที่สะกดให้คนดูต้องเฝ้าติดตาม และทำให้อารมณ์ที่มีต่อคนผิดที่แท้จริง หรือ ผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังนั้น
ลดทอนลงไปตามกาลเวลา ซึ่งท้ายที่สุดคนส่วนใหญ่ก็จะไปโฟกัสอยู่ที่ความล้มเหลวของระบบ ที่ไม่อาจแก้ไขได้ง่ายๆ
ไม่มีการโฟกัสไปที่ผุ้ที่ชักใย ผู้ที่กระทำผิด ที่มีการเริ่มต้นแทรกแซง เบี่ยงเบนระบบตั้งแต่ต้น
ทำให้คนมีเงินและมีอิทธิพลจำนวนมาก เลือกที่จะใช้วิธีนี้ เพราะตัวเองและครอบครัวนั้น ท้ายที่สุดจะไม่ได้รับผลกระทบ
ใดๆจากทางสังคม ส่วนเรื่องของระบบนั้น ไม่ว่าจะทำระบบดีมาขนาดไหน แต่อำนาจเงิน อิทธิพล และคอนเนกชัน
เป็นตัวที่ช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากการลงโทษตามระบบได้อยู่แล้ว ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
การแอนตีทางสังคม จริงๆแล้วเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะช่วยให้สังคมสงบสุข คนส่วนใหญ่เคารพต่อกฎหมาย
ไม่ต้องการที่จะถูกแบนจากสายตาคนรอบข้าง และสายตาของสังคม หากพวกเราไม่ริเริ่มที่จะใช้การแอนตีทางสังคม
ปัญหาการใช้อำนาจในทางที่ผิด ที่เข้าไปแทรกแซงในระบบนี้ ก็จะเกิดขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้นในอนาคต
ซึ่งผมมั่นใจว่า มันจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เราควรใช้พลังทางสังคม และเฝ้าดูการไล่ตามผู้กระทำผิดในระบบไปพร้อมๆกัน
การที่พวกเขายังอยู่อย่างเงียบๆ โดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นหมายถึง
การที่สังคมของเรานิ่งเฉย ไม่แสดงออกถึงการต่อต้านในการกระทำของพวกเขา
โดยที่เรามัวแต่ดูข่าวการไล่ตาม คนที่ช่วยเหลือในระบบ การตอบโต้กันไปมาของฝ่ายต่างๆไปเรื่อยๆ
จริงๆแล้วเราควรจะตื่นตัวในเรื่องนี้ ไม่ต่างจากการที่เราตื่นตัวในเรื่องการเมืองด้วยซ้ำ
เวลาที่ผ่านไป จะทำให้กระแสสังคมเบาบางลงเรื่อยๆ จนหมดลง
และพวกเขาก็จะกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ
ด้วยการจ่ายเงินที่ถือว่าเล็กน้อยมากๆในสายตาของพวกเขาเท่านั้น
ท้ายที่สุดคนในสังคมจะเริ่มมองว่ามันคือปัญหาทั่วไป ปัญหาจราจร ปัญหาชาวบ้านเรื่องคนจนคนรวย
ปัญหาสองมาตรฐานที่จับต้องไม่ได้ ปัญหาคนไทยลืมง่าย ปัญหาคุกเอาไว้ขังคนจน และอื่นๆ
แต่สังคมจะลืมเรื่องที่ควรจะทำ ก็คือการแอนตีบอส อยู่วิทยา และคนในครอบครัวบางคนที่สนับสนุนการกระทำของเขา
และมันจะกลายเป็นแค่เรื่องดาบตำรวจคนหนึ่งที่ตายไป จากความโชคร้ายในวันหนึ่ง
ในประเทศที่ชอบกล่าวหาว่าประเทศอื่นที่พัฒนาแล้วแค่พัฒนาด้านวัตถุ แต่ไม่ได้พัฒนาด้านจิตใจ
แต่ผมกลับมองว่า พวกเราเองที่ขาดจิตใจ และขาดอย่างรุนแรงเสียด้วยซ้ำ...ครับ
เหตุผลที่เราควรแบนบอสและครอบครัวที่สนับสนุนบอสให้รอดพ้นจากคดีความ
ก็เพราะคนในประเทศนั้นๆมีความแอ็คทีฟ ที่จะแอนตี้คนหรือครอบครัวที่ใช้อำนาจในทางที่ผิดนั้น
หากมีความผิดที่ชัดเจนแบบนี้เกิดขึ้น ก็จะออกมาแสดงออกว่าจะรับผิดชอบอย่างไร
แต่ในบ้านเรานั้น ผู้ที่มีเงินและมีอิทธิพลจะใช้วิธีเก็บตัวเงียบ ไม่เคลื่อนไหว
แล้วปล่อยให้สังคมติดตามข่าวที่มีการไล่เบี้ย หุ่นเชิดทั้งหลายที่อยู่ในระบบไปเรื่อยๆ
จนเหมือนเป็นละครที่สะกดให้คนดูต้องเฝ้าติดตาม และทำให้อารมณ์ที่มีต่อคนผิดที่แท้จริง หรือ ผู้ที่ชักใยอยู่เบื้องหลังนั้น
ลดทอนลงไปตามกาลเวลา ซึ่งท้ายที่สุดคนส่วนใหญ่ก็จะไปโฟกัสอยู่ที่ความล้มเหลวของระบบ ที่ไม่อาจแก้ไขได้ง่ายๆ
ไม่มีการโฟกัสไปที่ผุ้ที่ชักใย ผู้ที่กระทำผิด ที่มีการเริ่มต้นแทรกแซง เบี่ยงเบนระบบตั้งแต่ต้น
ทำให้คนมีเงินและมีอิทธิพลจำนวนมาก เลือกที่จะใช้วิธีนี้ เพราะตัวเองและครอบครัวนั้น ท้ายที่สุดจะไม่ได้รับผลกระทบ
ใดๆจากทางสังคม ส่วนเรื่องของระบบนั้น ไม่ว่าจะทำระบบดีมาขนาดไหน แต่อำนาจเงิน อิทธิพล และคอนเนกชัน
เป็นตัวที่ช่วยให้พวกเขารอดพ้นจากการลงโทษตามระบบได้อยู่แล้ว ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
การแอนตีทางสังคม จริงๆแล้วเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะช่วยให้สังคมสงบสุข คนส่วนใหญ่เคารพต่อกฎหมาย
ไม่ต้องการที่จะถูกแบนจากสายตาคนรอบข้าง และสายตาของสังคม หากพวกเราไม่ริเริ่มที่จะใช้การแอนตีทางสังคม
ปัญหาการใช้อำนาจในทางที่ผิด ที่เข้าไปแทรกแซงในระบบนี้ ก็จะเกิดขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบสิ้นในอนาคต
ซึ่งผมมั่นใจว่า มันจะมีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก เราควรใช้พลังทางสังคม และเฝ้าดูการไล่ตามผู้กระทำผิดในระบบไปพร้อมๆกัน
การที่พวกเขายังอยู่อย่างเงียบๆ โดยที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นั่นหมายถึง
การที่สังคมของเรานิ่งเฉย ไม่แสดงออกถึงการต่อต้านในการกระทำของพวกเขา
โดยที่เรามัวแต่ดูข่าวการไล่ตาม คนที่ช่วยเหลือในระบบ การตอบโต้กันไปมาของฝ่ายต่างๆไปเรื่อยๆ
จริงๆแล้วเราควรจะตื่นตัวในเรื่องนี้ ไม่ต่างจากการที่เราตื่นตัวในเรื่องการเมืองด้วยซ้ำ
เวลาที่ผ่านไป จะทำให้กระแสสังคมเบาบางลงเรื่อยๆ จนหมดลง
และพวกเขาก็จะกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติ
ด้วยการจ่ายเงินที่ถือว่าเล็กน้อยมากๆในสายตาของพวกเขาเท่านั้น
ท้ายที่สุดคนในสังคมจะเริ่มมองว่ามันคือปัญหาทั่วไป ปัญหาจราจร ปัญหาชาวบ้านเรื่องคนจนคนรวย
ปัญหาสองมาตรฐานที่จับต้องไม่ได้ ปัญหาคนไทยลืมง่าย ปัญหาคุกเอาไว้ขังคนจน และอื่นๆ
แต่สังคมจะลืมเรื่องที่ควรจะทำ ก็คือการแอนตีบอส อยู่วิทยา และคนในครอบครัวบางคนที่สนับสนุนการกระทำของเขา
และมันจะกลายเป็นแค่เรื่องดาบตำรวจคนหนึ่งที่ตายไป จากความโชคร้ายในวันหนึ่ง
ในประเทศที่ชอบกล่าวหาว่าประเทศอื่นที่พัฒนาแล้วแค่พัฒนาด้านวัตถุ แต่ไม่ได้พัฒนาด้านจิตใจ
แต่ผมกลับมองว่า พวกเราเองที่ขาดจิตใจ และขาดอย่างรุนแรงเสียด้วยซ้ำ...ครับ