ผมเพิ่งมารู้ว่าเป็นหนังเวอร์ชั่นรีเมค แต่ไม่เคยดูตัวหนังต้นฉบับ มาดูเวอร์ชั่นปี 2004 ที่แสดงนำโดย ลุงเดนเซล วอชิงตัน กับน้องดาโกต้า แฟนนิ่ง เป็นหนังที่ผมชอบมากๆเรื่องหนึ่ง เนื้อหามันดาร์ก กดดัน ตึงเครียด ดราม่า และฉากที่พระเอกออกตามไล่ล่าพวกผู้ร้ายก็ทำโหดดี จะบอกว่าหนังเรื่องนี้แอ็คชั่นมากไหม ในความคิดผม ผมออกแนวดราม่ามากกว่าแต่โดยรวมระหว่างดูหนังก็ไม่มีจุดน่าเบื่อเลย ชวนติดตามตลอดทั้งเรื่อง แม้จะซีนดราม่าก็ตาม ต้องบอกว่าลุงเดนเซลแกก็รักษาคุณภาพด้านการแสดงดีมาโดยตลอด หนังแนวดราม่าๆ รันทดๆ แกแสดงด้วยสีหน้าและสายตาเฉียบขาดมาก ดูเศร้า หดหู่ แต่พอถึงเวลาออกลุยไปบู๊กับพวกตัวร้ายก็งัดฝีมือมาสู้เต็มที่ หนังแนวๆนี้ลุงเดนเซลแสดงไว้เยอะ ออกแนวคล้ายลุงเลียม นีสัน ที่พอดังเปรี้ยงจากหนังเรื่อง Taken ก็มีหนังแนวแอ็คชั่น ดราม่า โผล่มาให้ดูเพียบ
หนังเรื่องนี้กำกับโดย โทนี่ สก็อตต์ ยอดฝีมืออีกคนที่จากลาโลกไปแล้ว เจ้าของผลงานการกำกับหนังที่เป็นตำนานหลายเรื่องเช่น Top Gun (1986), Days Of Thunder (1990), Crimson Tide (1995), Enemy Of The State (1998), Spy Game (2001) เป็นต้น เรียกได้ว่าผลงานการกำกับส่วนมากของลุงโทนี่จะมาแนวแอ็คชั่น ไม่ก็แนวทริลเลอร์ อย่างผู้กำกับสายแอ็คชั่นในยุคปัจจุบัน ไมเคิล เบย์ ยังมีแกเป็นไอดอลเลยและสมัยตอนน้าเบย์กำกับหนังเรื่อง The Rock (1996) ยังได้โทนี่ สด็อตต์ มาช่วยเขียนบทหนังให้แต่แกไม่ขอขึ้นเครดิต และในหนังเรื่อง Man On Fire ก็เป็นหนังดังอีกเรื่องที่แกฝากฝีมือลวดลายเอาไว้
ผมชอบการเล่าเรื่องช่วงต้นเรื่องของหนังนะ แม้จะปูบทดราม่าๆของตัวพระเอกนานไปหน่อย 30-35 นาที ก่อนจะเข้าสู่เนื้อเรื่องหลัก แต่การปูบทของตัวละครแบบนี้ผมชอบทำให้เราเห็นพื้นหลังความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร ไม่ใช่เปิดเรื่องมาก็เอาแต่ใส่แต่ฉากแอ็คชั่นเข้ามาโดยที่ยังไม่รู้อุปนิสัยหรือเหตุผลของตัวละครนั้นๆเลย หนังเล่าเรื่องง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนมาก มีตัวละครหลายตัวในเรื่อง ทุกตัวละครมีส่วนสำคัญในเนื้อเรื่องหลักของหนังหมด ผมว่าใครชอบหนังแนวเรื่อง Taken (2008) พระเอกสูงอายุหน่อย ดราม่าๆ มาดสุขุม นิ่ง แต่โหด ไม่ควรพลาดเรื่องนี้มาแนวเดียวกันแต่หนังเรื่อง Man On Fire จะดราม่าหนักกว่าและเนื้อหาตึงเครียดกว่าหน่อย
เรื่องนี้เป็นหนังแนวแอ็คชั่นล้างแค้นเพียงไม่กี่เรื่องนะที่ดูจบแล้วผมร้องไห้ อารมณ์เหมือนตอนดูหนังเรื่อง Leon The Professional (1994) ดูจบแล้วเศร้ามาก แม้ระหว่างเรื่องจะมีฉากแอ็คชั่นโหดๆให้ดูก็ตาม แต่การผูกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวละครทำดีมาก ดูซึ้ง เศร้า และหดหู่
ยิ่งเพลงประกอบหนังเรื่อง Man On Fire นะ มีแต่เพลงเศร้าๆประกอบฉาก ดูแล้วยิ่งสงสารตัวพระเอก ชีวิตดูผ่านแต่เรื่องร้ายๆมาไม่จบไม่สิ้น ฉากแอ็คชั่นในหนังเรื่องนี้ผมชอบมาก มันไม่บู๊หวือหวา ไม่เน้นโผล่ไปไล่ยิงผู้ร้ายแบบสุ่มๆมั่วๆ มันไม่ใช่หนังล้างแค้นเอามันสะใจแบบเรื่อง John Wick (2014) แต่ผมกลับชอบฉากแอ็คชั่นดูกดดันๆ ตึงเครียดๆ แบบเรื่อง Man On Fire มากกว่า พระเอกเล่นตามไล่ล่าตามสืบหาที่อยู่ของพวกผู้ร้ายไล่ตั้งแต่ลูกกระจ๊อกตบไปเรื่อยจนไปถึงนายใหญ่ แล้วในเรื่องนี้พระเอกฆ่าพวกตัวร้ายแต่ละคนแบบโหดมาก ดูแล้วสะใจแบบพวกตัวร้ายในเรื่องแต่ละคนก็ทำวีรกรรมเลวๆไว้เยอะกระทั่งเด็กก็ยังฆ่าพอมาเจอพระเอกไล่ล่าถึงกับหนาวกันทั้งแกงค์
จริงๆหนังเรื่องนี้มีฉาก alternative ending ซึ่งเป็นฉากจบที่ผมชอบมากกว่าในตัวหนังที่ใส่มานะ เป็นฉากที่พระเอกขึ้นรถไปบ้านตัวหัวหน้าใหญ่ พระเอกยอมพลีชีพวางระเบิดโดยใช้นาฬิกาเบิ้มบ้านตัวร้าย แต่จะจบแบบไหนหนังก็เศร้าอยู่ดี ตัวชอบการผูกปมความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกกับเด็กด้วยเหมือนพ่อกับลูก พ่อยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกอย่างที่บอกมันเหมือนหนังเรื่อง Leon The Professional ดูแล้วเศร้าแต่ก็ล้างแค้นโหดสะใจดี
แล้วเพื่อนๆคิดเห็นอย่างไรกับหนังเรื่อง Man On Fire (2004) ครับ มาแชร์กัน ชอบหรือไม่ชอบอย่างไรมาแชร์กัน
Man On Fire คนจริงเผาแค้น (2004) หนังล้างแค้นดราม่าเรื่องนี้เพื่อนๆชอบกันไหมครับ
หนังเรื่องนี้กำกับโดย โทนี่ สก็อตต์ ยอดฝีมืออีกคนที่จากลาโลกไปแล้ว เจ้าของผลงานการกำกับหนังที่เป็นตำนานหลายเรื่องเช่น Top Gun (1986), Days Of Thunder (1990), Crimson Tide (1995), Enemy Of The State (1998), Spy Game (2001) เป็นต้น เรียกได้ว่าผลงานการกำกับส่วนมากของลุงโทนี่จะมาแนวแอ็คชั่น ไม่ก็แนวทริลเลอร์ อย่างผู้กำกับสายแอ็คชั่นในยุคปัจจุบัน ไมเคิล เบย์ ยังมีแกเป็นไอดอลเลยและสมัยตอนน้าเบย์กำกับหนังเรื่อง The Rock (1996) ยังได้โทนี่ สด็อตต์ มาช่วยเขียนบทหนังให้แต่แกไม่ขอขึ้นเครดิต และในหนังเรื่อง Man On Fire ก็เป็นหนังดังอีกเรื่องที่แกฝากฝีมือลวดลายเอาไว้
ผมชอบการเล่าเรื่องช่วงต้นเรื่องของหนังนะ แม้จะปูบทดราม่าๆของตัวพระเอกนานไปหน่อย 30-35 นาที ก่อนจะเข้าสู่เนื้อเรื่องหลัก แต่การปูบทของตัวละครแบบนี้ผมชอบทำให้เราเห็นพื้นหลังความรู้สึกนึกคิดของตัวละคร ไม่ใช่เปิดเรื่องมาก็เอาแต่ใส่แต่ฉากแอ็คชั่นเข้ามาโดยที่ยังไม่รู้อุปนิสัยหรือเหตุผลของตัวละครนั้นๆเลย หนังเล่าเรื่องง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อนมาก มีตัวละครหลายตัวในเรื่อง ทุกตัวละครมีส่วนสำคัญในเนื้อเรื่องหลักของหนังหมด ผมว่าใครชอบหนังแนวเรื่อง Taken (2008) พระเอกสูงอายุหน่อย ดราม่าๆ มาดสุขุม นิ่ง แต่โหด ไม่ควรพลาดเรื่องนี้มาแนวเดียวกันแต่หนังเรื่อง Man On Fire จะดราม่าหนักกว่าและเนื้อหาตึงเครียดกว่าหน่อย
เรื่องนี้เป็นหนังแนวแอ็คชั่นล้างแค้นเพียงไม่กี่เรื่องนะที่ดูจบแล้วผมร้องไห้ อารมณ์เหมือนตอนดูหนังเรื่อง Leon The Professional (1994) ดูจบแล้วเศร้ามาก แม้ระหว่างเรื่องจะมีฉากแอ็คชั่นโหดๆให้ดูก็ตาม แต่การผูกเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างสองตัวละครทำดีมาก ดูซึ้ง เศร้า และหดหู่
ยิ่งเพลงประกอบหนังเรื่อง Man On Fire นะ มีแต่เพลงเศร้าๆประกอบฉาก ดูแล้วยิ่งสงสารตัวพระเอก ชีวิตดูผ่านแต่เรื่องร้ายๆมาไม่จบไม่สิ้น ฉากแอ็คชั่นในหนังเรื่องนี้ผมชอบมาก มันไม่บู๊หวือหวา ไม่เน้นโผล่ไปไล่ยิงผู้ร้ายแบบสุ่มๆมั่วๆ มันไม่ใช่หนังล้างแค้นเอามันสะใจแบบเรื่อง John Wick (2014) แต่ผมกลับชอบฉากแอ็คชั่นดูกดดันๆ ตึงเครียดๆ แบบเรื่อง Man On Fire มากกว่า พระเอกเล่นตามไล่ล่าตามสืบหาที่อยู่ของพวกผู้ร้ายไล่ตั้งแต่ลูกกระจ๊อกตบไปเรื่อยจนไปถึงนายใหญ่ แล้วในเรื่องนี้พระเอกฆ่าพวกตัวร้ายแต่ละคนแบบโหดมาก ดูแล้วสะใจแบบพวกตัวร้ายในเรื่องแต่ละคนก็ทำวีรกรรมเลวๆไว้เยอะกระทั่งเด็กก็ยังฆ่าพอมาเจอพระเอกไล่ล่าถึงกับหนาวกันทั้งแกงค์
จริงๆหนังเรื่องนี้มีฉาก alternative ending ซึ่งเป็นฉากจบที่ผมชอบมากกว่าในตัวหนังที่ใส่มานะ เป็นฉากที่พระเอกขึ้นรถไปบ้านตัวหัวหน้าใหญ่ พระเอกยอมพลีชีพวางระเบิดโดยใช้นาฬิกาเบิ้มบ้านตัวร้าย แต่จะจบแบบไหนหนังก็เศร้าอยู่ดี ตัวชอบการผูกปมความสัมพันธ์ระหว่างพระเอกกับเด็กด้วยเหมือนพ่อกับลูก พ่อยอมทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกอย่างที่บอกมันเหมือนหนังเรื่อง Leon The Professional ดูแล้วเศร้าแต่ก็ล้างแค้นโหดสะใจดี
แล้วเพื่อนๆคิดเห็นอย่างไรกับหนังเรื่อง Man On Fire (2004) ครับ มาแชร์กัน ชอบหรือไม่ชอบอย่างไรมาแชร์กัน