ความลับในกระเป๋า

กึงกัง กึงกัง
เสียงรถไฟไม่ได้ดัง ชึ่กกะชั่ก ชึ่กกะชั่ก เหมือนอย่างที่เด็กๆร้องเล่นกัน

รถไฟชั้น 3 ขบวนขึ้นเหนือ ไม่ใช่ช่วงเทศกาล คนน้อยจนที่นั่งผู้โดยสารในตู้ที่ 5 ที่นั่งที่แถว 2 ฝั่งตรงข้ามว่างจึงถูกใช้เป็นที่วางเท้าของชายวัยกลางคน  ดวงตาของเขาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง นานๆจึงละสายตากลับมามองกระเป๋าเดินทางผ้าร่มสีดำใบใหญ่ข้างตัว ที่เขารูดซิปแง้มไว้เพื่อคอยมอง
สิ่งที่อยู่ในนั้น เขาถอนใจ ลูบมันอย่างเอ็นดู

ตึก ตึก  เสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นเหล็กทำให้หัวใจชายวัยกลางคนกระตุกเฮือก นั่นคือเสียงที่เขาหวาดกลัวที่สุดในตอนนี้
  
เสียงฝีเท้ามาหยุดที่ข้างตัวเขา

"ขอดูตั๋วด้วยครับ"

นั่นคือคำพูดที่ชายวัยกลางคนหวาดกลัวที่สุดในตอนนี้  เขาค่อยๆล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้ออย่างอิดออดเชื่องช้า
 
"ขอตั๋วด้วยครับ"

นายตรวจสำทับมาอีกครั้ง  ชายวัยกลางคนพยายามยึดยื้อ แต่ก็ไม่รอดจากนายตรวจผู้มีประสบการณ์  ตั๋วโดยสารถูกดึงออกจากมือเขาจนได้

"คุณครับ" นายตรวจเสียงเข้ม "ตั๋วของคุณใช้ได้ถึงแค่นครสวรรค์ แต่นี่มันสถานีแควน้อยแล้วครับ ขอเชิญลงสถานีหน้าด้วยนะครับ"

"ขอร้องล่ะครับคุณ" ชายวัยกลางคนยกมือไหว้นายตรวจผู้อ่อนวัยกว่า "ตอนนี้รถไฟก็ว่างไม่มีคน ถ้ามีคนขึ้นมาเต็มจริงๆ จะให้ผมไปยืนเกาะบันไดก็ได้
ผมแค่ขอติดรถไปถีงห้างฉัตรแค่นั้น"

นายตรวจพูดด้วยเสียงอ่อนลง

"ไม่ใช่ผมไม่เห็นใจคุณนะ แต่มันเป็นกฎจริงๆครับ ถ้านายตรวจคนอื่นมาเห็น ผมจะซวยไปด้วย เห็นใจผมด้วยเถอะครับ ที่ผมให้คุณลงนี่นับว่าดีแล้วนะครับ ถ้าเป็นคนอื่นคงพาคุณไปเสียค่าปรับแล้ว"

"นิดเดียวเองครับ ผมขอร้องล่ะ" ชายวัยกลางคนยังไม่หยุดยกมือไหว้  "ผมเหลือเงินซื้อตั๋วแค่นั้นจริงๆ ถือว่าช่วยผมเถอะ ผมกราบล่ะ"

ชายวัยกลางคนน้ำตานองหน้า ด้วยความทุกข์ที่อัดอั้นอยู่ในใจ เขาทรุดลงกับพื้น ทำท่าจะกราบนายตรวจจริงๆ

"อย่า อย่าครับ" นายตรวจรีบพยุงชายวัยกลางคนลุกขึ้น "คุณย้ายมานั่งที่ใกล้ประตูตรงนั้น พอถึงสถานีหน้า คุณก็ลงเลยนะ"

ชายวัยกลางคนอ้าปากค้าง อารมณ์กลับเปลี่ยนเป็นโกรธ

"กูบอกว่ากูไม่ลงไง พูดไม่รู้เรื่องหรือ รถก็ตั้งว่าง จะใจดำไปถึงไหน ไม่มีที่เหลือให้หมาตัวนี้ซักตัวเลยหรือ" 

เสียงของชายวัยกลางคนดังเกินเสียงรถไฟ จนผู้โดยสารอื่นในตู้เริ่มหันมอง

"มันเป็นหน้าที่ครับ ผมแค่ทำตามหน้าที่ คุณน่ะทำผิดอยู่นะ ผมใจดีกับคุณมากแล้ว ถ้าให้ผมเรียกคนอื่นมา คุณจะโดนค่าปรับเพิ่มอีกนะครับ ถ้าคุณไม่มี
เงินจ่ายค่าปรับก็รีบลงก่อนคนอื่นมาเห็นดีกว่า"

นายตรวจดึงแขนชายวัยกลางคนออกจากที่นั่ง  แต่ชายวัยกลางคนผลักเขา

"คุณครับ จะให้ผมเรียกตำรวจมั้ย"

ชายวัยกลางคนนิ่งอึ้ง

"ถ้าเข้าใจแล้วก็หยิบของออกมาด้วยครับ"

นายตรวจเดินเข้าไปคว้าแขนชายวัยกลางคนอีกครั้ง  แต่ชายวัยกลางคนกลับสะบัด แล้วเหวี่ยงหวัดชกใส่หน้านายตรวจ

นายตรวจเซไปกระแทกกับที่นั่งด้านหลัง  นอกจากอาการมึนวูบแล้ว ยังเจ็บและรู้สึกถึงรสฝาดในปาก  หน้านายตรวจกลายเป็นบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ 
เขาอยากชกกลับแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะผิดกฎผิดวินัย จึงได้เข้าไปคว้ากระเป๋าของชายวัยกลางคนออกมาเหวี่ยงโยนออกไปทางประตูรถไฟ

"ผมบอกให้ลงไป!"

ชายวัยกลางคนที่ถลันตามมา มองตามกระเป๋าตาถลน แล้วย้อนมองนายตรวจด้วยสีหน้าที่บ่งบอกอารมณ์ไม่ถูก ก่อนจะกระโดดตามกระเป๋าไป ทั้งที่
รถไฟยังวิ่งอยู่

"xxxxxยยย เอ๊ยย!" นายตรวจสบถลั่น ผวาไปดึงสายเบรคฉุกเฉิน  เสียงผู้โดยสารที่เห็นเหตุการณ์กรีดร้องลั่นประสานกับเสียงรถไฟเบรค

...

วิชาญต้องไปให้ปากคำกับตำรวจ และถูกตั้งคณะกรรมการสอบสวน เคราะห์ดีที่มีผู้โดยสารหลายคนเป็นพยานยืนยันว่าเขาดำเนินการโดยสุภาพแล้ว
แม้สุดท้ายการโยนสิ่งของสัมภาระของผู้โดยสารลงไปจะเป็นการกระทำที่ไม่ถูกระเบียบนัก แต่ก็เข้าใจได้ว่าเป็นการบันดาลโทสะ และไม่ได้เป็นความ
เสียหายร้ายแรง วิชาญจึ่งไม่ตั้งรับผิดชอบต่อการเสียชีวิตของผู้โดยสารรายนี้ 

จากรายงานการตรวจสอบของตำรวจ ผู้โดยสารที่กระโดดรถไฟเสียชีวิตรายนี้ชื่อ นายประทืป อายุ 54 ปี แต่งงานกับหญิงสาวอายุคราวลูกแล้วก็ถูกปอกลอกจนหมดตัว ก่อนหน้านั้นได้บากหน้าโทรศัพท์หาแม่ที่ลำปาง บอกว่าจะไปขออยู่ด้วย แต่มีเงินไม่พอซื้อตั๋วรถไฟไปถึงลำปาง จึงได้เกิดเหตุ
ดังกล่าวขึ้น ส่วนกระเป๋าที่เป็นของสำคัญจนนายประทีปต้องกระโดดรถไฟตามลงมานั้น เนื่องจากพบร่างของนายประทีปก่อนแล้ว การเสียเวลาและ
กำลังคนในการค้นหากระเป๋านั้นทั้งวันแล้วยังไม่พบ การค้นหาต่อไม่คุ้มค่าแต่อย่างใด จึงได้ยุติการค้นหา

ถึงอย่างไร จากเหตุสลดที่เกิดขึ้นทำให้วิชาญถูกพักงาน 2 อาทิตย์ เมื่อได้กลับมาทำงานอีกครั้งในตำแหน่งหน้าที่เดิม แต่ก็ถูกยัดลงกะกลางคืน ซึ่ง
ไม่มีใครอยากทำ  วัน เอ๊ย คืนแรกที่ได้กลับมาทำงานในขบวนรถไฟเส้นทางเชียงใหม่-กรุงเทพฯ  เขาทำงานด้วยความสุภาพและรอยยิ้มที่มากกว่าเดิม  
หลังจากเสร็จจากตู้ที่ 4 แล้ว เขาเดินผ่านทางเชื่อม เปิดประตูเข้าไปในตู้ที่ 5  ผู้โดยสารที่อยู่ใกล้ที่สุดนั่งหันหลังอยู่ที่นั่งแถวที่ 2
 
วิชาญเดินไปหาพร้อมรอยยิ้ม

"ขอดูตั๋วด้วยครับ"

ทันใดนั้น วิชาญตาเหลือก เมื่อเห็นภาพคลับคล้ายคลับคลา เพียงแต่ว่านั่นเป็นตอนกลางวัน แต่เมื่อผู้โดยสารนั้นหันมาทางเขา เขาก็สิ้นสงสัยแล้ว

"นั่งก่อนสิ"  ผีประทีปที่ยังคงรูปลักษณ์เหมือนเมื่อวันนั้น ไม่ได้มาในสภาพที่น่าหวาดกลัว พูดขึ้น

"ค..ผะ..ป..ช่..ม่ะ.." วิชาญกลัวจนพูดไม่ออก  จะแหกปากร้อง ปากก็ไม่กล้าอ้า จะวิ่งหนีขาก็ไม่ขยับ หัวใจในอกเต้นแรงจนเขาแทบหน้ามืด หายใจหอบ
ถี่เร็ว หวาดกลัวจนจะเป็นลมอยู่รอมร่อ

"นั่งสิ" ผีประทีปยังคงพูดอย่างสงบ

วิชาญพยายามหายใจลึกๆเรียกสติ ค่อยๆยกขาทีละก้าวมานั่งฝั่งตรงข้ามเยื้องกับผีประทีปตามคำสั่งอย่างไม่มีทางเลือก  เขาหลับตาพิงพนัก เอนคอ
ไปด้านหลังสูดหายใจลึกๆ  เมื่อตั้งคอกลับเข้าที่ แล้วลืมตาขึ้น ผีประทีปก็ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้น  วิชาญรีบพูด

"ผมแค่ทิ้งกระเป๋าคุณเท่านั้นเอง ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่คิดว่าคุณจะโดด ผมไม่คิดว่าคุณจะตาย"

นั่นคือสิ่งที่เขาบอกกับคนอื่น และบอกกับตัวเองมาตลอด 
เขาไม่ผิด ผิดที่ผู้ใหญ่ อย่ามาโทษคนตัวเล็กๆอย่างเขาสิ  ถ้าเขาเป็นเจ้าของรถไฟ คงให้ขึ้นฟรีไปแล้ว เขาแค่ทำงานให้กับเจ้าของรถไฟที่เป็นตัวใหญ่
ข้างบนที่ไม่ยอมให้ขึ้นฟรี ถ้าเขาไม่ทำหน้าที่ก็ตกงาน จะมีใครมาเห็นใจเขาไหมล่ะ

"ผมรู้" ผีประทีปพูด "ผมกระโดดลงไปเอง ผมตาย ไม่ใช่ความผิดคุณ"

วิชาญค่อยๆตั้งสติได้ เมื่อเห็นว่าผีประทีปไม่ได้มาร้าย  แล้วมาหาเขาทำไม ต้องการอะไรจากเขา ก่อนหน้านี้ระหว่างที่ถูกพักงาน เขาก็เข้าวัดทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ไม่น้อยแล้วนะ

ผีประทีปวางมือลงบนกระเป๋าเดินทางผ้าร่มสีดำใบใหญ่ที่วางอยู่ข้างตัว  กระเป๋าที่หากันไม่เจอใบนั้น  วิชาญเห็นสภาพกระเป๋าที่มีรอยถลอกและฉีกขาด
ทั่วทั้งใบ เมื่อเพ่งมองดีๆจากแสงไฟสลัวในรถไฟ ยังพอเห็นรอยสีเข้มเป็นด่างดวงเปรอะทั่วกระเป๋า

"ที่ผมมาหา เพราะผมมีเรื่องที่ต้องบอกคุณ" ผีประทีปพูดเหมือนอ่านความคิดวิชาญได้

ผีประทีปรูดซิปกระเป๋าเปิดออก วิชาญที่นั่งอยู่ตรงข้ามยืดคอมองสิ่งที่อยู่ในกระเป๋า แล้วก็เผชิญเข้ากับดวงตาแดงก่ำที่เต็มไปด้วยความโกรธเกลียด
ขึ้งเคียดอาฆาตชิงชังมองตอบมา  เขาผงะกลับจนหลังติดพนัก

เสียงของผีประทีปขมขื่นระคนเกรี้ยวกราด

"ลูกชายกูอยู่ในนี้!"

ร่างเล็กกระโจนออกจากกระเป๋า ส่งเสียงร้องอย่างเจ็บแค้น พุ่งเข้าใส่วิชาญ

................................................................................................................................................................................................
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่