📢 เตือนภัย ‼ สายมู สายงมงาย บ้าปาฏิหารย์-อภินิหาร ต้องระวัง ‼‼

กระทู้นี้เป็นการเตือนภัย

ให้ระวังมิจฉาชีพคนตาบอด

ลักษณะผิวคล้ำ หุ่นไม่ใช่คนผอม ค่อนข้างท้วม

เราเคยส่งเรื่องนี้เตือนภัยในกลุ่มเฟสบุ๊คแล้ว

แต่โพสต์ไม่ได้รับการอนุมัติโดยผู้ดูแลกลุ่ม

ทั้งที่โพสต์ก็ไม่ได้ผิดกฎหมายอะไร

และเราเองก็ไม่จำเป็นต้องแต่งเรื่องโกหก

เพราะมันไม่มีประโยชน์อะไร

เราก็ไม่รู้นะว่าผู้ดูแลกลุ่มรู้จักกับมิจฉาชีพคนนี้รึเปล่า

เพราะเป็นคนในพื้นที่เดียวกัน

เขาอาจคิดว่าเราใส่ร้ายคนพิการก็ได้

แต่เรารับรองได้ว่าทุกสิ่งที่เผยแพร่ออกไปนั้นเป็นความจริงทุกประการ

มิจฉาชีพตาบอดคนนี้เขาอยู่ในเขตจังหวัดบุรีรัมย์ โซนอำเภอนางรอง-ปะคำ

คนแถวนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ

และคนที่อยู่ห่างไกล แต่ถูกแนะนำมา ก็ต้องระวัง

อย่าได้หลงเชื่อ

เดิมทีเราไม่คิดว่าจะเผยแพร่เรื่องนี้ออกไปด้วยซ้ำ

แต่จากที่เจอ ทั้งคนรู้จัก และคนรู้จักของคนรู้จัก

ตกเป็นเหยื่อกันมากมาย

กว่าจะรู้ว่าถูกหลอก ก็เสียทรัพย์ไปแล้ว

เหยื่อหนึ่งในนั้นคือพ่อกับแม่เรา

โดยเฉพาะแม่เราคือโดนต้มเละ

เพราะแม่ใจอ่อน ขี้สงสาร งมงาย ถูกชักจูงได้ง่าย

เราเองก็เคยถูกหลอก

เขามาประกาศบอกบุญว่าพระท่านนี้...(ไม่มีตัวตน) จะสร้างกุฏิให้วัดในประเทศลาวที่ท่านจำพรรษาอยู่

ใครจะร่วมทำบุญสร้างกุฏิ มาร่วมกับเขาได้เลย

กุฏิหลังละ 2,000 ที่ลาวใช้งบไม่แพง

แล้วคือมีคนเชื่อ รวมทั้งเราด้วย

เขาได้เงินไปหลายหมื่น ณ ตอนนั้น 

เขาอ้างว่าพระรูปนั้นสอนวิชาให้เขา

เป็นครูบาอาจารย์ เป็นเหมือนพ่อเขา

เขาสร้างเรื่องหลอกลวงสารพัด

โครงเรื่องที่แต่งมาหลอกคนนั้น

เขาเอาหลายเรื่องมาผสมปนเปกัน

และเสริมเติมแต่งเป็นเรื่องราว

เขาชอบฟัง อ.ยอด ใน youtube เล่าเรื่อง

นั่นแหละแหล่งสร้างเรื่องของเขาหล่ะ

วิธีการที่เขานำมาใช้หากินคือ : การโกหกหลอกลวง

มันมี steps ดังนี้

1. สร้างสตอรี่ให้ตัวเองดูน่าสงสาร มีชีวิตแสนเศร้า ถูกผู้คนรังแก ไม่ว่าจะอยู่กับใครก็ถูกเขารังแกหมด แต่งเรื่องให้ร้ายคนอื่นไปทั่ว ทั้งคนที่มีตัวตน และไม่มีตัวตน

คือเมื่อคนสงสาร ก็จะเชื่อ และยอมช่วยเหลือโดยง่าย นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของการหาลาภได้โดยง่าย

คือการใช้ความใจอ่อน ความขี้สงสารของคนมาหากิน

2. อวดตัวว่าเป็นผู้มีวิชาอาคม เก่งกล้าสามารถ อาสาช่วยคนโดยไม่คิดเงิน (แต่จริงๆคือเรียกเก็บค่านู่นค่านี่ทุกรอบ)  เป็นอุบายการได้ทรัพย์แบบเนียนๆ

เป็นการหากินบนความเชื่อ ความงมงายของคนอื่น

มีเคสนึงเป็นคนรวย โดนหลอกให้ซื้อทองให้ บอกว่าจะเอาทองไปหล่อพระให้ เพื่อสร้างบุญให้ ลดวิบากกรรม ป้าคนนั้นเขากำลังเดือดร้อนมาด้วยเรื่องไสยๆตามที่เขาเชื่อ ก็เดินเข้าร้านทองไปซื้อทองให้มิจฉาชีพตาบอดคนนั้นง่ายๆ ตอนนั้นพ่อกับแม่เราอยู่ด้วย และพ่อกับแม่ยังไม่ตาสว่าง ยังหลงเชื่ิอคนโกหกหลอกลวงคนนั้นอยู่  (ต้องขออภัยแทนพ่อกับแม่ ท่านทั้งสองไม่ได้ตั้งใจไปโกหกหลอกลวงใคร ท่านก็ถูกหลอกเหมือนกัน เมื่อมารู้ทีหลังว่าโดนหลอกมาตลอด ท่านก็รู้สึกผิด ที่เคยแนะนำคนนู้นคนนี้มา) 

รอบนั้นป้ายกทองขึ้นหัว ตั้งจิตอธิษฐานหล่อพระ บุญนั้นเกิดกับป้า  ส่วนคนตาบอดคนนั้นไม่ซื่อ เอาทองที่เขาตั้งจิตหล่อพระไปขายเอาเงินมาใช้ส่วนตัว กรรมชั่วนั้นจึงตกอยู่ที่เขาเอง เขาหนีไม่พ้นหรอก (รวมทั้งเงินที่เรา ป้า พ่อแม่ และคนอื่นๆ อธิษฐานสร้างกุฏิพระก็ด้วย)

อ้างว่าสามารถช่วยแก้คุณไสยได้ต่างๆนานา ชอบบอกว่าคนนู้นคนนี้โดนของ คนนู้นทำใส่ คนนี้ทำใส่ แกช่วยเอาของออกให้ เรียกเก็บเงินค่านู่นค่านี่ ใครเชื่อก็บ้าไป เสียทรัพย์ไป  เช่น บอกจะไปเอาน้ำใต้ท้องเรือมาแก้คุณไสยที่จังหวัดสระแก้ว ต้องทำพิธีนู่นนี่ เรียกเก็บ 500 บ้าง 800 บ้าง 1000 บ้าง  มีคนรู้ทันจะอาสาไปส่ง ก็บอกว่าเขาไม่ให้ใครเข้าง่ายๆหรอกนะ ถึงไปก็เข้าไปไม่ได้ (มันเป็นข้ออ้างเพื่อเอาตัวรอด ไม่ให้คนจับได้) มีคนที่รู้เขาก็มาบอก "อย่าไปเชื่อมัน น้ำใต้ท้องเรืออะไร ก็น้ำเซเว่นนี่แหละ"

3. ใส่ร้ายคนอื่น เขามักพูดให้ร้ายคนอื่นไม่ดีทั้งนั้น ทำเหมือนรู้จักคนไปทั่ว รู้จัก ผกก.นางรอง  รู้จักคนนู้นคนนี้ รู้จักดีทีเดียว คนนู้นก็ไม่ดี คนนี้ก็ไม่ดี คนนั้นหลอก คนนี้หลอก (จริงๆตัวเองนั่นแหละหลอก ตัวเองนั่นแหละไม่ดี)  อาจารย์คนนั้นคนนี้ไสยดำ ตัวเองไสยขาว  คนนู้นทำของ ตัวเองแก้ของ บลาๆๆ.. ให้ร้ายแม้กระทั่งพระ!  แม้คนที่เคยช่วยเหลือเกื้อกูลเขา ยังก็ว่าให้ร้ายคนพวกนั้นว่ารังแกเขา  โถๆๆๆ คนเหล่านั้นควรจะรู้ว่าสงสารคนพิการไม่ถูกคน  เพราะคนพิการตาบอดคนนี้ไม่เพียงตาบอด แต่จิตใจยังมืดบอดอีกด้วย   ไม่ว่าคุณจะดีกับเขาแค่ไหน แต่ลับหลังเขาให้ร้ายคุณได้เสมอ

ให้ร้ายคนอื่นก็เพื่อให้ตัวเองดูดี คนอื่นร้ายหมด ตัวเองดีอยู่คนเดียว คนจะได้เชื่อ ไม่ไปถามเจ้าตัว ไม่ไปสืบเสาะ อยู่ให้แกหลอกได้ต่อ  เพราะคนที่เชื่อก็คือเชื่อเลย ก็คิดว่าคนที่ถูกกล่าวหานั้นร้ายอย่างนั้นจริง ก็ไม่เข้าหาคนนั้น

มีข้อสังเกตนะ ถ้าเขาให้ร้ายใครมากๆ พอเจ้าตัวเขามาถึง คนตาบอดคนนั้นจะไม่กล้าสู้หน้าหรอก จะรีบหลีกหนีออกไป อ้างว่าไปทำธุระนู่นนี่นั่น

4. อวดอ้างว่ามีความรู้เรื่องยาสมุนไพรรักษาโรค สามารถรักษาผู้ป่วยได้  คนไม่รู้ก็หลงเชื่อไป เสียเงินให้แกไป เพื่อความหวังในการรักษาคนที่รัก  ช่างน่าสงสารคนที่เชื่อ คนที่ถูกแนะนำมา

มีเคยนึง เป็นคุณยายท่านนึง ฐานะยากจนมาก ลูกชายเป็นเอดส์ อาการหนัก ยายด้วยความรักลูกก็พยายามหาทางรักษา และใครที่ไหนไม่รู้ก็แนะนำยายมาหาคนตาบอดคนนี้ เสร็จโจรเลยทีนี้ ก็โดนหลอกว่ารู้จักยาสมุนไพรที่รักษาเอดส์ได้ เป็นสมุนไพรจีน มีส่วนผสม 5 อย่าง ชื่อยา...  มีขายที่ร้านยาจีนที่โคราช เดี๋ยวผมไปซื้อให้  ยายถามว่าเท่าไร ยายมีทั้งเนื้อทั้งตัวเนี่ย 500 เขาบอกเท่าไรก็เอามา 500 นั่นแหละจ่ะ ถ้าจะให้ผมเอายาไปให้ ยายต้องอยู่ที่บ้านลูกนะ ถ้ายายไม่อยู่ ผมไม่ไป (ทำเป็นอ้างนู่นอ้างนี่ กลัวติดโรคล่ะสิ แล้วยานั่นน่ะ จะไปเอาสมุนไพรหรือยาบำรุงอะไรมาก็ได้ ยายไม่รู้หรอก)  แล้วคือตอนนั้นยายไม่เหลือเงินติดตัวสักบาทแล้ว  เราก็ถาม "อ้าว แล้วยายให้เขาไปหมด แล้วยายจะกลับบ้านยังไง" คนตาบอดก็ทำเป็นใจดี บอกจะไปส่งยายที่บ้าน คือเขามีเพื่อนเขาที่คอยขับรถให้ ดูก็เหมือนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด ดูสนิทกัน ทำไมจะไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังกัน

ถ้าใครอ่านกระทู้นี้แล้ว ดูสิว่า เจอคนลักษณะนี้อยู่ในชีวิตรึเปล่า  ถ้าพบว่ามีอยู่  ต้องระวัง  เขาอาจไม่ใช่คนดีอย่างที่คุณคิด  อาจเป็นมิจฉาชีพคนเดียวกันกับที่เราเขียนถึงก็ได้