JJNY : 4in1 ม็อบแฮมทาโร่วิ่งรอบพระเจ้าตาก/หมอทศพรร้องเรียนปชช.ถูกคุกคาม/อ.อ๊อดเผยโคเคนในทางทันตกรรม/ต่างชาติชำแหละศก.ไทย

'ม็อบแฮมทาโร่' วิ่งรอบ 'พระเจ้าตาก' ฉีกกงเต๊กฌาปนกิจ [เผล่ะจัง]  ชาวบ้านฝั่งธนฯ ขนโดนัทเลี้ยง
https://www.matichon.co.th/politics/news_2287156
 

 
ฉีกกงเต๊ก ‘ฌาปนกิจ [เผล่ะจัง] ’ แฮมทาโร่ วิ่งรอบ ‘พระเจ้าตาก’ ช่วยรัฐตรวจวัดไฟ
 
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม ที่บริเวณหน้าอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กรุงเทพฯ สืบเนื่องจากกรณีที่ “แนวร่วมนวชีวิน” นัดหมายกัดกิจกรรม #ฝั่งธนแต่เราจะไม่ทน บริเวณอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสิน โดยในเวลาต่อมาเจ้าหน้าที่ได้แจ้งว่าจะมีการตรวจกระแสไฟ แกนนำจึงประกาศเปลี่ยนสถานที่ไปรวมกับกิจกรรม “Hamtaro oak oak run ของอร่อยที่สุดก็คือ .. ภาษีประชาชน” ณ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้า พระนครเหนือ
 
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 17.00 น. กลุ่มนวชีวินได้มีการชุมนุมที่จุดนัดหมายเดิม โดยเปลี่ยนเป็นกิจกรรม #มาวิ่งตรวจไฟกันนะแฮมทาโร่ ระบุว่า เป็นการช่วยกันวิ่งเพื่อตรวจกระแสไฟที่เจ้าหน้าตำรวจเขตธนบุรีจะมาตรวจวัดไฟที่วงเวียนใหญ่ จึงจำเป็นต้องปิดสถานที่บริเวณนี้ โดยผู้ร่วมกิจกรรมยืนบริเวณหน้าอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ฝั่งตรงข้ามห้างทองแม่ทองสุข สาขาวงเวียนใหญ่ โดยไม่ได้เข้าไปในรั้วกั้น
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีนักเรียน นิสิต นักศึกษา และประชาชนเดินทางมาร่วมอย่างเนื่อง บางส่วนเตรียมป้ายข้อความและสวมใส่ที่คาดผมหูหนูสีชมพู สื่อความหมายว่าเป็นหนูแฮมทาโร่ มีการตะโกนยุบสภาระหว่างการจัดกิจกรรม
 
จากนั้นมีการเปิดเวทีให้ประชาชนร่วมปราศรัย ทั้งนี้มีเยาวชนหมุนเวียนขึ้นเสนอข้อเรียกร้อง และเล่าความในใจอย่างต่อเนื่อง อาทิ
 
1. รัฐธรรมนูญปี 2560 ที่มีการตั้ง ส.ว.ให้อยู่ถึง 5 ปี มีสิทธิโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ทำรัฐประหารให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ มีการบอกให้ชายไทยทุกคนที่ถึงเกณฑ์ ต้องไปเกณฑ์ทหาร ซึ่งใช่ว่าทุกคนอยากเป็น บางคนเสียโอกาสทั้งด้านอาชีพ และอนาคต จึงควรยกเลิกการเกณฑ์หทารให้เป็นระบบสมัครใจ
 
2. เรื่องความเท่าเทียมทางเพศ เพราะทุกคนคือคนไทย เขาควรได้รับสิทธิเสรีภาพเหมือนกับทุกคน เราควรผลักดันการสมรสเท่าเทียมออกเป็นกฎหมายให้ถูกต้อง เพราะ พ.ร.บ.คู่ชีวิตที่ออกมา ไม่ได้สิทธิ สวัสดิการเท่าคู่สมรส จึงไม่ควรให้ พ.ร.บ.คู่ชีวิตนี้ออกมาเป็นกฎหมาย
 
3. ยุบสภา เพราะรัฐบาลไม่มีความสามารถบริหารประเทศ แก้ปัญหา รวมถึงเรียกร้องให้มีการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ หยุดคุกคามประชาชน ไปจนถึงเรื่อง CPTPP ที่เวลานี้กระแสหายไป จึงอยากให้มีการคัดค้าน เพราะส่งผลเสียต่อเกษตรกรและประชนอย่างมาก ทำให้ข้าวของทางการเกษตรมีราคาสูง ต้องซื้อเมล็ดพันธจากนายทุน ค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นขณะที่รายได้เท่าเดิมซึ่งไม่ยุติธรรมเพราะเอื้อประโยชน์แค่กับนายทุนและรัฐบาลเท่านั้น
 
จากนั้นชายวัยทำงานขึ้นกล่าว มีใจความดังนี้ “เชื่อว่าเราทุกคนมีสิทธิมีเสียงเป็นของตัวเอง ในฐานะคนทำงาน เพิ่งจบใหม่ มาทำงานใน กทม. เจอปัญหาหลายอย่าง ทั้งเรื่องความไม่เท่าเทียมในชีวิต คนเดินดินไม่ได้รับการปฏิบัติเท่ากัน คือเหตุผลที่ตนออกมา ทำไมไม่มีใครกล้าพูด ออกมาแสดงความคิดเห็น ก็เพราะเวลาออกมามักตกเป็นเป้าของการโจมตี ต้องมีอะไรมาเซ็นเซอร์ ซึ่งบางครั้งไม่ควรมี กระทั่งเรื่องบนหัวอย่างทรงผม ทำไมต้องเอาอะไรที่โบราณมากดหัว เพราะเรียนจบมหาวิทยาลัย ย้อมหัวแดงก็รับเข้าทำงาน ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไร ส่วนตัวเห็นข่าวการจัดจัดกิจกรรมจากเฟซบุ๊ก เป็นคนฝั่งธนบุรีคนหนึ่งทำงานที่นี่มาหลายปี จนรู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว เลิกงานจึงนั่งรถกลับไปเปลี่ยนจากเสื้อองค์กรมาเป็นเสื้อกีฬา แล้วมาร่วม เพราะเดี๋ยวโดนกดหัวผ่านทางองค์กร ดีใจที่เราจะร่วมตื่นไปด้วยกัน ประเทศไทยสู้ๆ”
 
“ยุคนี้ตื่นได้แล้ว ยุคนี้หมดความกลัว รัฐบาลว่าเราเป็นภัยความมั่นคง สิ่งที่ควรจะดีกว่านี้ อย่าง ฟุตบาธ ทำไมแก้ไม่ได้ ซ่อมแล้วซ่อมอีก เดินออกจากบ้านมา รอรถเมล์นาน ไม่มีศักยภาพ เพราะรัฐบาลเข้าไม่ถึงระบบขนส่ง รถเมล์เก่า แอร์ไม่เย็น ทุกคนเคยเจอเพราะรับาลเข้าไม่ถึง ไม่มาดูแลระบบ ขสมก. ย้อนแย้งกับที่รัฐบาลมีนโยบายเว้นระยะห่าง เพราะขึ้นไปหายใจรดต้นคอ
 
ถ้าการเมืองดี เราจะมีระบบขนส่งไฟฟ้าที่ไม่ใช้น้ำมัน ซึ่งเราควรจะมีนานแล้ว เราเจอปัญหาเดียวกันทั้งหมด รัฐปล่อยปะละเลย แต่ไปเข้าถึงระบบอื่นเพื่อนายทุน ระบบกลาง – ล่าง เข้าไม่ถึง เราต้องทนไปกี่ปี วันนี้ชื่นใจที่เยาวชนมาเยอะ เพราะเราต้องโตเป็นผู้ใหญ่ ถ้าไม่ออกมาวันนี้จะออกมาวันไหน เริ่มตั้งแต่ม็อบระยอง หมดยุคความกลัวแล้ว เราไม่ได้ทำอะไรผิด เรามาเรียกร้องในสิทธที่ควรจะได้จากรัฐบาลที่แช่แข็งประเทศไทยไว้ ยืนยัน 3 ข้อเรียกร้อง 1.ยุบสภา 2.แก้ไขรัฐธรรมนูญ 3.หยุดคุกคามประชาชน”
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีนักเรียนชายจาก ร.ร.วัดนวลนรดิศ ขึ้นกล่าว โดยระบุว่า มาพูดแทนเพื่อนๆ ในโรงเรียน ว่ารัฐบาลคือความอัปยศของประเทศที่สุด ตนมาจากครอบครัวสลิ่ม แต่ว่าตนกลับใจมา เพื่อเชิดชูนายกรัฐมนตรีที่มาจากโรงเรียนเดียวกัน
 
จากนั้น เยาวชนหญิงขึ้นกล่าว ความว่า สิ่งที่เราทุกคนเจอมาตลอด คือฟุตบาธเสี่ยงทาย ว่าจะมีน้ำกระเด็นมาหรือไม่ อยากถามว่าทำไมไม่ทำดีๆ พอมาถึงป่ายรถเมล์ ใช้การไม่ได้ หลบฝนหลบแดดไม่ได้ พอรถเมล์มาก็ใช้มาตั้งแต่รุ่นไหน คุณภาพแย่ลงสวนทางกับคุณภาพ จะเองเงินไปทำอะไร เมื่อนั่งรถไฟฟ้าก็ความเลื่อมล้ำสุดๆ ไป-กลับเฉลี่ย 100 บาทต่อวัน คนหาเช้ากินค่ำเอาปัญญาไหนไปจ่าย เสียเวลาไปเท่าไหร่กับการเดินทาง ทำไมคุณภาพชีวิตแย่ขนาดนี้ ถ้าระบบขนส่งสาธารณะดีคนจะขึ้น เพราะสะดวก รถจะติดน้อยลง ปัญหาแค่นี้คิดกันไม่ได้หรือ กทม.ยังดีที่มีรถเมล์ใช้ แต่ทำไมต่างจังหวัดยังไม่มีรถสาธารณะ ทั้งที่จ่ายภาษีเท่ากันทุกคน ทำไมไม่ได้รับสวัสดิการที่ดี รถไฟฟ้าความเร็วสูง ไม่ไวเหมือนราคา โครงการถนนสร้างกี่โครงการไม่เสร็จสักที กินส่วนแบ่งกันอิ่มไหม การมีรถประจำทางดีๆ ถนนดีๆ ปัจจัยพื้นฐานที่สมควรได้ ทำไมไม่มี ต้องทนรัฐบาลห่วยๆ ไปถึงเมื่อไหร่ ทั้งที่เป็นประเทศของเรา ทำไมรัฐบาลให้ไม่ได้
 
จากนั้นเวลา 17.35 น. มีการทำกิจกรรม “ฌาปนกิจระบอบ [เผล่ะจัง] ” โดยมีป้าย “ระบอบ [เผล่ะจัง]  ชาตะ 22 พ.ค. 2557 มรณะ 30 ก.ค. 2563” ตั้งแทนภาพผู้เสียชีวิต ทั้งนี้ ผู้ร่วมกิจกรรมได้ใช้วิธีการฉีกกงเต๊ก เนื่องจากไม่สามารถเผาได้ อาทิ บ้านพักหรูตุลาการ, เงินสด, พาสปอร์ตวีไอพี ผ่านได้ทันทีไม่ต้องรออะไร, ป้ายไว้อาลัยระบอบ [เผล่ะจัง]  #ให้มันจบที่รุ่น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประชาชนมาร่วมฉีกกงเต๊กคับคั่ง โดยฉีกแล้วทิ้งลงถุงขยะ เพื่อป้องกันการกล่าวหาว่า ทำประเทศสกปรก
 
จากนั้น เวลา 18.00 น. ผู้ร่วมกิจกรรมตั้งแถวเตรียมตัววิ่ง โดยได้ร่วมชู 3 นิ้ว ร้องเพลงชาติ ก่อนจะวิ่งรอบอนุสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อช่วยหน่วยงานรัฐตรวจไฟรอบวงเวียใหญ่ โดยภายหลังเสร็จสิ้นกิจกรรมในเวลา 18.08 น. แกนนำกล่าวว่า ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นปิดสถานที่เพื่อตรวจไฟ แต่พอจะมีการชุมุนมปิดทันที เขากลัวอะไรกัน จากนั้นประชาชนตะโกน “ตรวจไฟฟรีจากภาษีประชาชน” 5 ครั้ง ก่อนจะแยกย้ายไปทานลูกชิ้น โดนัท และน้ำดื่มที่หนึ่งในชาวธนบุรีเตรียมมาแจกเยาวชนที่ร่วมกิจกรรม
 

 
"หมอทศพร" บุกสภา ร้องเรียน ปชช.-นักเคลื่อนไหวถูกตำรวจคุกคามถึงบ้าน
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2286552
 
“หมอทศพร” บุกสภา ร้องหลังปชช.-นักเคลื่อนไหว ถูกคุกคามจากจนท.ตร. พร้อมมอบ “กระทิงแดง-หมวกตำรวจ-ภาพบิ๊กตู่” ให้กมธ.ตำรวจ สะท้อนความไร้มาตรฐานระบบยุติธรรม
 
เมื่อเวลา 14.15 น. วันที่ 30 กรกฎาคม ที่รัฐสภา นพ.ทศพร เสรีรักษ์ อดีตส.ส.แพร่ พรรคเพื่อไทย พร้อม นายหนึ่ง(นามสมมติ) นักกิจกรรมประชาธิปไตยจ.แพร่ ร่วมกันยื่นหนังสือต่อนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อร้องเรียนเรื่องการคุกคามประชาชนและนักเคลื่อนไหวจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทั้งนี้ นพ.ทศพร กล่าวว่า ตลอด 7 ปีที่ผ่านมา ประชาชนไม่ว่าจะเป็นนักเคลื่อน นักประชาธิปไตยที่ออกมาเรียกร้องเพื่อประชาธิปไตยต่างๆ มีการถูกข่มขู่ คุกคาม ไปจนถึงทำร้ายร่างกาย และยิ่งอาการหนักมากขึ้นในปี 2563 โดยเฉพาะช่วงนี้ที่มีโรคระบาดอย่างโควิด เจ้าหน้าที่ใช้พ.ร.ก.ฉุกเฉินเป็นข้ออ้างในจับกุมนักเคลื่อนไหวมากว่า 10-20 คนแล้ว เป็นที่น่าสังเกตว่าในขณะที่นักเคลื่อนไหวต่างๆโดนจับกุมคุกคามในทันทีทันควัน กลับมีภาพเปรียบเทียบในการจับกุม ‘นายบอส’ ที่ใช้เวลานานหลายปีโดยไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย
 
นายหนึ่ง กล่าวว่า ตนได้จัดกิจกรรมแฟลชม็อบที่จ.แพร่ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โดยมีจนท.ไปตามหาถึงที่บ้าน และได้ถ่ายรูปแม่และบัตรประชาชนของแม่ตน จนทำให้เกิดความกลัว จึงเดินทางมาเรียกร้องกมธ.ได้ช่วยดูแลตน และนักกิจกรรมคนอื่นๆด้วย
 
“ผมชื่นชมเจ้าหน้าที่ที่สามารถใช้ระบบยุติธรรมที่รวดเร็วขนาดนี้ได้ แต่ทำไมถึงนำมาใช้กับประชาชน กับคนที่ออกมาเคลื่อนไหว ขณะที่นายบอส เจ้าหน้าที่ไม่กล้าเข้าบ้านจนเขาไปอยู่เมืองนอกเกือบ 10 ปีแล้วก็มายกฟ้อง นี่ไม่ใช่แค่สองมาตรฐาน แต่เป็นความไร้มาตรฐานของระบบยุติธรรม”
 
นพ.ทศพร กล่าวต่อว่า ถามว่าพล.อ.ประยุทธ์เกี่ยวอะไร ตนขอชี้แจงว่าพล.อ.ประยุทธ์ยึดอำนาจมา 6-7 ปีที่แล้ว บอกจะปฏิรูปประเทศ ปฏิรูประบบยุติธรรม แล้วปฏิรูปอย่างไรถึงออกมาสภาพนี้ จึงขอฝากของขวัญหมวกตำรวจ ที่สะท้อนว่า ตำรวจชั้นผู้น้อยต้องเสียชีวิตเปล่าโดยไม่ได้รับการปกป้องจากตำรวจชั้นผู้ใหญ่เลย และกระทิงแดงกระป๋องมามอบให้รองประธานกมธ.ตำรวจ ดื่มแล้วจะได้สดใส สดชื่น โดยจะฝากให้อัยการสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติและพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คนละกระป๋อง
 
ด้านนายครูมานิตย์ กล่าวว่า ตนจะนำเรื่องดังกล่าวไปดำเนินการเข้าสู่กมธ.ในการพิจารณา เพื่อให้ความเป็นธรรมต่อประชาชนทุกคน
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นพ.ทศพรได้มอบกระเช้าของขวัญหมวกตำรวจ กระทิงแดง และภาพวาดพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้แก่นายครูมานิตย์ ทั้งนี้ นายครูมานิตย์กล่าวว่า “ผมไม่ดื่มกระทิงแดง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่