รวมเรื่องหลอนการเดินทางใน 1 ปีที่ผ่านมา

ปีที่แล้วเป็นปีแห่งการเดินทางของเราค่ะ แต่ปีนี้สถานการณ์ทางการเงินไม่ดีอย่างแรง เจอโควิดมาตั้งแต่เดือน กพ. เหงาค่ะ คิดถึงการเดินทาง เลยมาตั้งกระทู้รวมเรื่องที่เราเจอจริงๆในการเดินทางเมื่อปีที่แล้ว 

เคยตั้งกระทู้เล่าเรื่องหลอนๆไปหนึ่งเรื่องตอนใช้ล้อคอินเก่าเกี่ยวกับบ้านหลอนๆที่พัทยา ก็มีคนว่าแต่งเรื่องบ้าง ไม่เสียใจค่ะ ตอนนี้ที่เสียใจกว่าคือโดนยึดล็อคอินที่ใช้มาเป็นสิบปี T-T เอาคืนก็ไม่ได้ 

ในทุกการเดินทาง แน่นอนค่ะ เราอ่านเรื่องผีของจังหวัดที่เราจะไปทุกครั้งก่อนเดินทางเสมอ และเราเป็นคนที่จองโรงแรมโดยใช้จองแบบจ่ายเมื่อเข้าพักเท่านั้น ก็ใช้ทั้ง booking / Agoda ในการจอง เพราะเรากลัวผีค่ะ กลัวแบบขึ้นสมอง ดังนั้นการไปเห็นของจริงแล้วค่อยจองหน้างานผ่านทางเวป เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเรา ถ้าเห็นโรงแรมดูโทรม ทางเข้าดูหน้ากลัว เดินเข้าโรงแรมแล้วรู้สึกอับๆ เราผ่านเลยค่ะ หาที่ใหม่ แต่มันพลาดกันได้เนอะ อย่างที่เรื่องหลอนเรื่องแรกที่เราจะเล่า เหตุเกิดที่จังหวัดเชียงใหม่ 

ปีที่แล้วเราไปเชียงใหม่ 5 ครั้งค่ะ เป็นเรื่องงานล้วนๆ เพระางั้นเราต้องเลือกโรงแรมที่นอนแล้วสบายใจ แต่ครั้งนี้เราพลาดจริงๆ การไปครั้งนี้เรามีเวลา 3 วัน เพราะไปดิวงาน เรากับแฟนออกเดินทางกันตอน 4 ทุ่ม เราขับรถไปกันเองค่ะ เพราะชินการขับรถตอนกลางคืน การขับขับทางไกลล่ะ เหนื่อยกก็พัก ครั้งนี้เราตั้งใจกันว่าจะไปแวะที่ลำปาง ไปไหว้วัดกาญจนาภิเภก เราไปถึงลำปางกันก็เช้า สว่างพอดี แต่GPS ก็พาเราหลงทาง ขับอ้อมไปในป่า กว่าจะหาวัดเจอก็ได้จอดรถถามทางชาวบ้านแถวนั้น พี่ผู้หญิงใจดีมาก ขับมอไซด์นำทางเราไปส่งถึงวัด ระหว่างนั้นเราก็จองโรงแรมสำหรับพักคืนนี้ที่เชียงใหม่เพราะตั้งใจไปนอนพักเย็นๆออกไปหาอะไรทาน แล้วค่อนเรื่มงานวันรุ่งขึ้น หลังจากไหว้พระเสร็จ ออกจากลำปางประมาณ 10.00 ก็มุ่งหน้าไปเชียงใหม่

ไปถึงโรงแรมประมาณ 11.00 เป็นโรงแรมขนาดกลางค่ะ มีสระว่ายน้ำด้านหน้าพร้อมกับป้ายชื่อโรงแรม ด้านข้างมีที่จอดรถเยอะเลย ลงรถได้ มีระเบียง แฟนเราให้ไปดูในโรงแรมหน่อย เค้าขอสูบบุหรี่ก่อน พร้อมถามด้วยว่า จะพักที่นี่จริงๆหรอ บอกก่อนว่าคุณแฟนเรานี่เซ้นส์แรงมาก ปกติถ้าเค้าพูดแบบนี้เราขับรถออกกันเลยนะไม่พักแล้ว กดยกเลิกจองเลยล่ะ ด้วยความที่ยังไม่ได้นอนมาทั้งคืน แล้วก็เหนื่อยจากการเดินขึ้นลงเขา แทนที่เราจะเข้าไปดูบรรยากาศ กลายเป็นเราไปนั่งที่เคาน์เตอร์เช็คอิน ขอเช็คอินเลย ในขณะที่เรากำลังรอกุญแจ มีโทรศัพท์ลงมาที่เคาน์เตอร์ พนักงานรับพูดเบาๆพร้อมกับมองหน้าเราไปด้วย  พอน้องเค้าวางสาย หัวหน้าของน้องพนักงานก็มาถามน้องเลยว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า น้องบอกว่าลูกค้าที่พักชั้น 6 ขอย้ายห้อง พร้อมมองหน้าหัวหน้าและสลับมามองหน้าเรา 

แล้วหัวหน้าของน้องก็เดินไป น้องยื่นกุญเจมาให้เรา ใช่ค่ะ เราได้พักชั้น 6 อารมณ์นั้นง่วงค่ะ เหนื่อยด้วย อยากนอนอยากอาบเลยเดินไปเรียกเเฟน เราเช็คอินแค่ 1 คืนค่ะ เพราะเราไม่ชอบนอนที่เดิมซ้ำๆหลายๆคืน เดินไปหาแฟนที่รอ แฟนก็ถามอีกนะว่า จะพักที่นี่จริงๆหรอ เราก็บอก พักเหอะ อยากอาบน้ำจะตายล่ะ

พนักงานช่วยขนของเข้าไปส่งที่ห้อง เปิดประตูเข้าไป รับความรู้สึกได้ช็อตแรกว่า กรูจะได้นอนไหมน้า เดินเข้าห้องมาเราก็เอาของไปเก็บ แฟนไปเข้าห้องน้ำ เราเปิดตู้ที่เก็บของมีเสียงร้องไห้มาจากตู้ เรารีบปิดประตูตู้เเล้ววิ่งมานั่งบนเตียง แฟนเดินออกมาจากห้องน้ำ พร้อมบอกว่าที่นี่มีผู้หญิงอยู่นะ เราพยักหน้า พร้อมบอกว่าเรารู้แล้ว มานอนเถอะ ขับรถมาทั้งคืนยังไม่ได้นอน แฟนเดินจะออกไปสูบบุหรี่ที่ระเบียง แล้วก็เดินกลับมาทันที่ว่า นี่โรงแรมอยู่ตรงข้ามกับวัดเลยนี่  เราเลยบอกว่าไม่มีไรหรอกมั่ง นอนเหอะ แฟนเราเลยไปอาบน้ำ เเล้วมานอน เราเองก็ง่วงแต่งานก็มีปัญหา ต้องตามรถตามคนขับตลอดเลยได้งีบไปนิดนึงแต่ก็ตกใจตื่นเพราะมีเสียงพระสวด เลยตื่นมาตั้งใจฟัง ก็เป็นเสียงมาจากที่วัด ที่วัดน่าจะมีงานเพราะเห็นมีคนเดินเข้าออกเยอะเลย

หลังจากนั้นก็นอนเล่นมือถือ คุยงาน ตามรถ จนถึง 18.00 ก็เลยปลุกแฟนว่าตื่นเถอะ หิวข้าวล่ะ ไปหาไรกินดีกว่า เราก็เดินข้ามมารอรถแดงที่ฝั่งวัด ระหว่างรอรถ เราก็มองกลับที่โรงแรม เห็นเงาดำๆเหมือนคนยืนอยู่ที่ระเบียง เราจ้องอยู่จนมั่นใจว่าไม่ใช่คนแล้วล่ะ ก็จับมือแฟน แล้วรถก็มาพอดี เราก็ไปหาอะไรกินแถวนินมาณกัน

หลังจากกินข้าว เดินเล่น เรื่อยเปื่อยกว่าจะกลับมาถึงโรงแรม ก็เกือบ 22.00 ก็กลับมาอาบน้ำ ลืมบอกว่า พวกเราอาบน้ำ เข้าห้องน้ำโดยที่ไม่ปิดประตูนะ มันเสียวสันหลัง ตอนยืนแปรงฟัน แล้วก็มานอนเล่นมือถือ

เที่ยงคืนตรง มีเสียงลากโต๊ะ เก้าอี้มาจากด้านบน แต่เราพักห้องบนสุดนะ เสียงลากโต๊ะไปมา จนเลยมือถือไม่ได้ต้องนั่งมองหน้ากัน แป็บนึงก็มีเสียงร้องไห้ เสียงผู้หญิงกับผู้ชายทะเลาะกันมาจากที่ระเบียง เสียงดังมาก แฟนเราเลยออกไปดูว่าห้องไหนทะเลาะกันหรือเปล่า แต่สิ่งที่ได้คือความเงียบ ไม่มีใครอยู่ด้านนอก หน้าโรงแรม ถนน ฝั่งวัด ในวัด เงียบสงบไม่มีรถวิ่งสักคัน

แฟนกลับมานั่งนอนมองหน้ากัน เอาไงดีคืนนี้ คงไม่ได้นอนกันแน่ๆ เสียงลากโต๊ะก็ยังมี เสียงร้องไห้ก็ยังตามมา เรานอนฟังเสียงพวกนั้นจนถึง 06.00 แฟนก็เล่นเกมส์จนเช้าแหละ แล้วเค้าก็บอกว่า เมื่อคืน เค้าเห็นผู้หญิงยืนอยู่ตรงปลายเตียงเค้า ยืนร้องไห้อยู่ แต่เค้าไม่อยากบอกให้เรากลัวไปมากกว่านี้ พวกเราไม่พูดอะไร เก็บของ ลงเช็คเอาท์ พร้อมกับโทษตัวเองว่า ทำไมไม่เอะใจเลยว่า มีคนขอย้ายห้อง จากชั้น 6 ชั้นเดียวกัน นั้นคือชั้นนี้มันมีปัญหา ทำไมถึงยังเข้าพักอีก T_T

แต่คืนต่อมาเราก้ไปพักอีกที่นะคะ ที่นั้นพักสบาย อยู่ริมแม่น้ำปิง สร้างใหม่กิ๊งๆ หลับสบายไม่มีอะไรกวน แต่โรงแรมนี้เราไม่ได้จองในเวปค่ะ เราไปทานข้าวที่ร้านอาหารประจำที่อยู่ริมแม่น้ำปิง เห็นว่าสวยดี มองดูเพิ่งสร้างเสร็จ เลยเข้าไปดูก็จริงโรงแรมเพิ่งสร้างเสร็จได้ 3 เดือนก่อนเราเข้าไปพัก ห้องพักสะอาด เตียงนุ่ม วิวสวยเลย

ขับรถออกจากเชียงใหม่ เราไปสังขละบุรีกันต่อเนอะ .........................

เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับโรงแรมนะคะ แต่เป็นเรื่องที่เจอระหว่างทางที่ไปสะพานมอญ เราชอบไปใส่บาตรที่หมู่บ้านมอญค่ะ ปีที่แล้วไปมา 3 รอบ แต่อย่างที่บอก เรากับแฟนชอบที่ขับรถกันตอนกลางคืน นั้นหมายถึง เราออกจากบ้านกันประมาณ 22.00 ไปถึงสะพานมอญก็ 05.00-06.00พอดี เพื่อจะใส่บาตรให้ทันตอน 07.00 แล้วหาที่พักนอนพักหลังจากใส่บาตรเสร็จ 

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน แต่ไม่เหมือนเดิมคือมีเพื่อนไปด้วยอีก 2 คน ก่อนเดินทาง แฟนเราก็บอกเพื่อนว่า เห็นอะไรอย่าทักเด็ดขาดนะ เพราะทางที่เราไป จะไม่มีคนเค้าเดินทางตอนกลางคืน เพราะเป็นทางขึ้นเขาที่เเคบ ไม่มีไฟ มันอันตรายที่จะขับขึ้นไปตอนกลางคืน เราจะเจอรถจอดนอน รอให้เช้าที่ปั้มสุดท้ายก่อนขึ้นเขากันหลายคัน ไปถามพี่ๆเค้า เค้าก็บอกว่าพักรถ รอเช้าก่อน

เพื่อน 2 คน เลยบอกว่า งั้นเค้าหลับดีกว่า ให้แฟนเราขับคนเดียว ส่วนพวกเค้าค่อยขับตอนกลางวันละกัน ก็เหลือแค่เราที่อยู่เป็นเพื่อนแฟน แฟนก็ขับรถมาเรื่อยๆ เราก็คุยกัน ฟังเพลงกัน จนมาถึงเห็นปั้มสุดท้ายที่จะขึ้นเข้าละ เราก็ลงไปซื้อขนมเพิ่ม เข้าห้องน้ำ เพราะหลังจากนี้จะไม่มีปั้มละ จนลงเขาไป แฟนก็ขับมาเรื่อยๆ จากที่มีไฟข้างทางก็เริ่มไม่มี แล้วก็ไม่ได้ขับรถเร็ว เพราะมันเร็วไมไ่ด้ ไฟที่มีก็เป็นไฟหน้ารถเรานี่แหละ

ปกติเราจะปรับเบาะเป็นเอนนอน แต่วันนี้มีเพื่อนนั่งมาด้วยก็ปรับไมไ่ด้ เราก็นั่งดูทางไปด้วย คุยกับแฟนไปด้วย แล้วไฟรถก็ส่องไปข้างหน้าตรงซ้ายมือ มีผู้หญิงใส่ชุดสีแดง ผ้าถุงสีแดง มีผ้าคลุมไหล่เหมือนที่สาวมอญใส่ ยืนอยู่คนเดียว เธอยื่นมือโบกรถอยู่ตรงข้างทาง หน้าสีขาว ขาวเหมือนสีขาวทาไว้ ไม่เห็นตา ยืนโบกอยู่เราหันมองหน้าแฟนว่าเค้าเห็นไหมแฟนเรานิ่ง จับพวงมาลัย เเล้วมองตรงถนน เค้านิ่งเลย แล้วเราก็มองผู้หญิงคนนั้น จนรถเรามาถึงหน้าเค้า แขนเค้ายาวมาจนเกือบถึงกระจกหน้ารถเรา แล่วรถเราก็ผ่านหน้าเค้าไป

เหงื่อเราออกเยอะมาก ใจก็คิดว่าสิ่งที่เห็นคนหรือไม่ใช่คน แต่เวลาขณะนั้นมัน 03.00 มองกลับไปข้างหลังก็ไม่เห็นแล้ว เรานั่งนิ่ง แฟนก็นิ่ง คิดในใจว่าเช้าจะใส่บาตรให้นะ เราสองคนไม่คุยอะไรกันเลย จนเกือบๆจะถึงสะพานมอญ เพื่อน 2 คนก็ตื่นพอดี 

ไปถึงหมู่บ้านมอญ จอดรถเสร็จ กำลังจะเดินไปซื้อของเตรียมใส่บาตร แฟนเราบอกกับเพื่อนว่า 2คนหลับสบายเลยเนอะ ไม่เห็นอะไรดีๆแบบเค้าเลย เลยเลยมองหน้าแฟน ถามว่าเห็นหรอ เค้าบอกว่าเห็น เห็นเหมือนเราเลย แต่เค้าไม่เห็นขาของผู้หญิงคนนั้น เลยมั่นใจว่าไม่ใช่คน เค้าเห็นเรามองหน้า เค้าก็ว่ารู้แล้วล่ะว่าเราเห็นเหมือนกันเลยนิ่ง รอคุยกันตอนเช้าดีกว่าอีกไม่กี่ชั่วโมงเอง

เช้านั้นเรา 4 คน ตั้งใจใส่บาตร เพิ่ออุทิศให้กับผู้หญิงคนนั้นที่เราเจอ เพื่อนเราโทรไปหาเพื่อนรุ่นพี่ที่เป็นเจ้าของรีสอร์ทที่กาญจนบุรี ว่ามีห้องพักว่างไหมเราจะไปพักกัน แล้วก็เล่าเรื่องที่เราเจอให้กับพี่เค้าฟัง พี่เค้าบอกว่า ถ้าเป็นไปได้ให้ไปทำบุญที่มูลนิธิ ทำบุญให้ศพไร้ญาติ ตอนกลับด้วยนะ  

ก่อนจะไปถึงรีสอร์ทพี่เค้า เราผ่านมูลนิธิพอดี เลยเเวะทำบุญโลงศพ ผ้าขาวกัน หลังจากนันก็ไม่เจอเรื่องอะไรต่อค่ะ ไปพักก็นอนหลับสบายไม่เจออะไรรบกวน ^-^

ไปเหนือแล้ว ภาคกลางเเล้ว ลงใต้กันต่อไหมคะ

ทริปใต้ครั้งนี้ สดๆร้อนๆช่วงโควิด-19 ปีนี้เองค่ะ ก่อนที่จะมีการปิดเมือง เราไปคุยงานที่นครศรีธรรมราช เหมิอนเดิมค่ะ เรากับแฟนขับรถกันไป ออกจากนครฯ เราก็ไม่รู้จะไปไหนต่อ เพราะวางแพลนมาแค่นี้ แฟนเลยบอกว่า เพื่อนเค้ามีรีสอร์ทอยู่ที่กระบี ไปกันไหม ยังไม่เคยไปนี่ ไปนอนกระบี่สักคืนไหม ค่อยกลับกทม.กัน เราเลยมุ่งหน้าไปกระบี่กัน แบบไม่จองที่พัก แฟนโทรคุยกับเพื่อน ก็ได้ความว่า เพื่อนปิดรีสอร์ทเพราะสถานการณ์โควิด-19 เค้ากลัว เลยไม่ให้เข้าพัก เราก็ต้องขับรถหาที่พักกัน เราไปถึงที่อ่าวๆ นึง ก็ตัดสินใจว่าพักที่อ่าวนี้แหละ ดูเหมือนครึกครื้นสุด ในตอนนี้ แล้วเราก็ไปเจอโรงแรมนี้ เพราะมองเข้าไปเห็นที่จอดรถเยอะ ใหญ่ ดูสะอาด ข้างๆโรงแรมเป็นร้านสะดวกซื้อ ฝั่งตรงข้ามก็มีโรงแรมหลายที่ ดูไม่เงียบเหงา

เราเดินเข้าไปถามราคาค่าห้องพัก พนักงานน่ารักมาก น้องที่ฟร้อนท์บอกว่า ให้จองในเวปเพราะว่าราคาในเวปถูกกว่าราคาที่เค้าให้ขายหน้าฟร้อนท์  เราเลยกดจองตรงหน้าเคานเตอร์เลย ก็ระหว่างรอดำเนินการ ก็คุยกับน้องว่าเป็นอย่างไรบ้าง น้องก็บอกว่า ไม่มีลูกค้าเลย คืนนี้ก็ไม่มีค่ะ ปกติโรงแรมเค้าจะมีลูกค้าเยอะ แต่โดนยกเลิกจองหมดแล้ว น้องถามเราว่าพักห้องไหนดีเลือกได้เลย โรงแรมนี้จะมี 2โซน คือบ้านเป็นหลังๆริมสระน้ำและเป็นอาคาร เราเลือกบ้านเป็นหลังริมสระน้ำ ซึ่งนั้นแหละค่ะ  มีเรา 2 คน ฟร้อนท์ แม่บ้าน พี่ รปภ. รวมแล้ว 5 คนถ้วน  -*- แล้วก็แจ้งว่าอาหารเช้าให้สั่งกับพนักงานได้เลยนะ ห้องอาหารอยู่ตรงด้านหลังตึก เวลาทานข้าวก็เห็นโซนสระน้ำ 

หลังจากเช็คอินเสร็จ เราก็ออกไปเดินเล่น หาอะไรทาน ดูบรรยากาศ แล้วก็ให้เพื่อนแฟนจองโปรแกรมดำน้ำของวันพรุ่งนี้ เป็นการไปพักผ่อนจริงๆ เรานั่งกินบุฟเฟ่ต์อย่างร่าเริงเลยค่ะ กลับมาที่ห้องก็เกือบ 23.00 อาบน้ำ เล่นมือถือ แฟนก็นั่งเล่นเกมส์อยู่ คุยก็ยังบอกแฟนว่าอย่านอนดึกนะ พรุ่งนี้เช้าไปดำน้ำ ใช้แรงเยอะ คุยไปคุยมาเราก็เผลอหลับไป 

คืนนั้นเราฝันค่ะ ฝันว่ามองออกมาจากห้องพักในสระน้ำมีคนเต็มไปหมด ทั้งคนไทยและต่างชาติ  ก็มีคนเต็มไปหมด จะว่าว่ายน้ำก็ไม่ใช่ เหมือนพวกเค้าลอยอยู่ในสระน้ำ ผู้ชายก็ใส่ขาสั้น ผู้หญิงก็แต่งชุดว่ายน้ำ เราเดินออกจากห้อง ก็เห็นว่าตรงโซนโรงแรมมีคนเต็มเลย แม้กระทั้งตรงทางหนีไฟ หรือห้องอาหาร แต่คนที่อยู่ตรงห้องอาหารก็นั่งนิ่งๆ ไม่มีใครทานอาหาร เราก็เดินออกจากห้องจะไปห้องอาหาร มีคุณลุงคนนึง ผิวเกรียมๆเหมือนโดนแดดเผา ใส่กา
เกงขาสั้น เดินมาหาเราว่า ถ้าจะทานอาหาร เรียกเค้าด้วยนะ เค้าหิว เเต่เค้าหยิบกินไมได้ แล้วเราก็สะดุ้งตื่นมาตอน ตี 5 เห็นแฟนกำลังหลับอยู่ แล้วเราก็นอนต่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่