สวัสดีครับ

ผมมีเรื่องมาสอบถามอีกแล้วครับ เรื่องนี้เกี่ยวกับลำดับขั้นของพระอริยะเจ้าครับ ผมอ่านแลัวก็งงนิดนึงครับ ถ้าผิดพลาดตรงไหนรบกวนช่วยชี้แจง แนะนำผมด้วยนะครับ
- พระโสดาบัน จะเกิดมากสุดไม่เกิน7ชาติใช่ไหมครับ 
-พระสกทาคามี ถ้าตอนนี้เป็นมนุษย์และสำเร็จธรรมในขั้นนี้ถ้าตายไปจะไปเกิดในที่ไหนครับ แล้วถ้าตายจากที่นั่นจะกลับมาเกิดบนโลกมนุษย์อีกไหมครับ หนังสือบางเล่มบอกว่าจะเกิดบนสวรรค์และก็กลับมาเกิดบนโลกมนุษย์อีกแค่ชาติเดียวก็นิพพาน แต่บางเล่มบอกว่าเกิดบนสวรรค์แล้วถ้าดับขันก็ไปเกิดบนสุธาวาสแล้วก็เข้านิพพานไม่กลับมาเกิดบนโลกมนุษย์อีกแล้ว
-พระอนาคามีหลังจากที่ดับขันต์จากโลกก็จะไปเกิดบนพรหมโลกชั้นสุธาวาสและไม่มาเกิดบนโลกอีกแล้วเพราะหลังจากดับขันต์จากสุทาวาสก็จะเข้านิพพานเลยใช่ไหมครับ แล้วถ้าผมต้องการที่จะบรรลุธรรมขั้นนี้ต้องทำยังไงบ้างครับ ผมอ่านเจอมีคนบอกไว้ว่าขั้นอนาคามีคือมีแต่คนที่เคยฟังธรรมจากพระพุทธเจ้าเท่านั้นถึงจะเข้าสุทาวาสได้เพราะถึงแม้ว่าจะเก่งแค่ไหนก็เข้าแค่โสดาบัน อกทาคามี และอรหันต์เลย อันนี้จริงไหมครับ
-ขั้นสุดท้ายคือพระอรหันต์เป็นผู้ที่หมดซึ่งกิเลส 

ในแต่ละขั้นผมอ่านแล้วแต่เจอแต่จ้อที่บอกว่าจะบรรลุแค่ละขั้นได้ต้องละสังโยชน์ในแต่ละอย่างได้ ละจนถึงขั้นอรหันต์ แต่ผมอ่านไม่เจอเลยครับว่าถ้าอยากบรรลุโสดาบันต้องปฏิบัติยังไง อยากบรรลุอกทาคามีต้องปฏิบัติยังไง อยากบรรลุขั้นพระอนาคามีต้องปฏิบัติยังไง  แต่ผมอ่านเจอที่บอกว่าถ้าอยากบรรลุอรหันต์ก็จะเล่นทางสมาธิภาวนา แต่ถ้าไม่รู้จักวิธีก็จะเข้าขั้นพรหมโลกขั้นอรูปชาน(ขออภัยด้วยครับหาตัวพยัญชนะตัวนั้นไม่เจอ) และถ้าผมปฏิบัติธรรมจำเป็นไหมครับที่ว่าผมจะต้องบรรลุขั้นโสดาบันก่อน ค่อยมาสกทาคามี อนาคามี และพระอรหันต์ เอาจริงๆผมงงเรื่องแบบนี้ครับ ไม่รู้ว่าจะพูดออกมายังไงให้คนที่อ่านเข้าใจแบบอ๋อออ เขาค้องการถามแบบนี้ อะไรประมาณนี้ครับ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ในแต่ละขั้นผมอ่านแล้วแต่เจอแต่จ้อที่บอกว่าจะบรรลุแค่ละขั้นได้ต้องละสังโยชน์ในแต่ละอย่างได้
ละจนถึงขั้นอรหันต์ แต่ผมอ่านไม่เจอเลยครับว่าถ้าอยากบรรลุโสดาบันต้องปฏิบัติยังไง อยากบรรลุอกทาคามีต้องปฏิบัติยังไง


บางทีการศึกษาพระธรรม ก็ต้องศึกษาอย่างละเอียด ปัญญาในแต่ละขั้นจึงจะเกิดได้
พระธรรมทั้ง 84,000 ต้องอ่าน ต้องทำความเข้าใจ ต้องตีความ ต้องศึกษา
และต้องนำไปปฏิบัติจนเป็นความประพฤติในชีวิตประจำวัน







https://84000.org/tipitaka/read/byitem.php?book=10&item=300&items=1&preline=0&pagebreak=0

พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐  พระสุตตันตปิฎกเล่มที่ ๒
ทีฆนิกาย มหาวรรค

             [๓๐๐] ดูกรภิกษุทั้งหลาย ก็ผู้ใดผู้หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้
อย่างนี้ ตลอด ๗ ปี เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ
พระอรหัตผลในปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ๑ ๗ ปี
ยกไว้ ผู้ใดผู้หนึ่งพึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ อย่างนี้ตลอด ๖ ปี ... ๕ ปี ... ๔ ปี ... ๓ ปี ...
๒ ปี ... ๑ ปี เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลใน
ปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ๑ ๑ ปียกไว้ ผู้ใดผู้
หนึ่ง พึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ อย่างนี้ตลอด ๗ เดือน เขาพึงหวังผล ๒ ประการ
อย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่
เป็นพระอนาคามี ๑ ๗ เดือนยกไว้ ผู้ใดผู้หนึ่งเจริญสติปัฏฐานทั้ง ๔ นี้ อย่างนี้
ตลอด ๖ เดือน ... ๕ เดือน ... ๔ เดือน ... ๓ เดือน ... ๒ เดือน ... ๑ เดือน ... กึ่ง
เดือน เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใดอย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน
๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็นพระอนาคามี ๑ กึ่งเดือนยกไว้ ผู้ใดผู้หนึ่ง
พึงเจริญสติปัฏฐาน ๔ นี้ อย่างนี้ตลอด ๗ วัน เขาพึงหวังผล ๒ ประการอย่างใด
อย่างหนึ่ง คือ พระอรหัตผลในปัจจุบัน ๑ หรือเมื่อยังมีอุปาทิเหลืออยู่ เป็น
พระอนาคามี ๑ ฯ
             ดูกรภิกษุทั้งหลาย หนทางนี้เป็นที่ไปอันเอก เพื่อความบริสุทธิ์ของเหล่า
สัตว์ เพื่อล่วงความโศกและปริเทวะ เพื่อความดับสูญแห่งทุกข์โทมนัส เพื่อ
บรรลุธรรมที่ถูกต้อง เพื่อทำให้แจ้งซึ่งพระนิพพาน หนทางนี้ คือ สติปัฏฐาน ๔
ประการ ฉะนี้แล คำที่เรากล่าว ดังพรรณนามาฉะนี้ เราอาศัยเอกายนมรรคกล่าว
แล้ว พระผู้มีพระภาคตรัสพระพุทธพจน์นี้แล้ว ภิกษุเหล่านั้น ยินดี ชื่นชมภาษิต
ของพระผู้มีพระภาคแล้ว ฉะนี้แล ฯ
จบมหาสติปัฏฐานสูตร ที่ ๙
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่