เคยสงสัยหรือเปล่า ทำไมบางครั้งต้นมะม่วงพันธุ์เดียวกัน ปลูกเหมือนกัน แต่ให้รสชาติต่างกัน
มันมีความลับอยู่นะ
ยามบ่ายแก่ๆ ที่แดดยังแรง เด็กสาวในชุดไว้ทุกข์ยืนถือโกศอย่างใจลอยอยู่ใต้ร่มเงาของต้นมะม่วงหน้าบ้าน
"ผกา ทำอะไรอยู่ ขึ้นบ้านสิ" พ่อของเด็กสาวเรียกแล้ว
"แม่" ผกายกมือลูบโกศ "เข้าบ้านกันนะ"
เธอเดินขึ้นบ้าน ส่งโกศบรรจุอัฐิของแม่ที่เพิ่งไปรับมาจากวัดวันนี้ให้กับนายเยี่ยม ผู้เป็นพ่อ นำไปวางไว้บนหิ้งพระในบ้าน
บรรยากาศในบ้านตอนนี้มันหดหู่เกินไป จนเด็กสาวต้องออกไปนั่งกอดเข่าใต้ต้นมะม่วงที่ปลูกมาตั้งแต่ผกายังไม่เกิด ก็น่าจะอายุ 16-17 ปีแล้ว แต่ยังไม่เคยออกลูกซักกะลูก ประโยชน์ของมันให้แค่เพียงร่มเงา แต่ถึงอย่างนั้นนายเยี่ยมก็ยังเก็บไว้ ไม่ได้โค่นทิ้ง
ผกานั่งทอดอารมณ์จนถึงเวลาเย็น จึงได้มาเตรียมข้าวเย็น นั่งกินกับพ่อ แล้วไปอาบน้ำเข้านอนอย่างเร็ว หลายวันนี้เธอเหนื่อยทั้งกายและใจมากพอแล้ว
อากาศข้างนอกอึมครึม ร้อนอบอ้าวราวฝนจะตก ผกาต้องนอนกระสับกระส่ายอยู่สักพักกว่าจะหลับลงได้ ซึ่งไม่รู้ว่าเด็กสาวหลับไปนานเพียงใด แต่เธอ
ตื่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าถูกบางอย่างคร่อมทับ ผกาลืมตาขึ้นมอง แสงจันทร์สว่างในคืนข้างขึ้น ส่องให้เห็นหน้าคนคนนี้ชัดเจน
"พ่อ!"
"พ่อเอง ผกา ตอนนี้แม่เอ็งไม่อยู่แล้ว เอ็งเป็นเมียพ่อนะ"
"ไม่นะพ่อ จะทำอะไร แม่เพิ่งตายไปนะ"
"เออ พ่อรู้ ถึงได้รอให้เผาเสร็จก่อนไงล่ะ แค่นี้ก็ไว้หน้าบุหงามากแล้ว"
เด็กสาวยายามจะดิ้นหนี แต่ถูกพ่อตัวเองจับข้อมือกดไว้แน่น ก้มลงจูบแก้มจูบปาก ผการีบเม้มปากไม่ยอมให้ถูกจูบ ปากร้อนๆกับลมหายใจหึ่งกลิ่นเหล้าเลื่อนลงไปซุกไซ้ซอกคอ
"พ่อ อย่าทำหนูเลย ขอร้องล่ะ"
"พ่อเลี้ยงเอ็งมาตั้ง 16 ปี เอ็งไม่คิดจะตอบแทนพ่อบ้างหรือ แม่เอ็งตายไปแล้ว พ่อก็ให้เอ็งทำหน้าที่แทนแม่ไง"
"หนูเป็นลูกพ่อนะ พ่อไม่กลัวบาปกลัวกรรมรึไง"
"เหอะ กูจะบอกให้ก็ได้ กูไม่ใช่พ่อแท้ๆของมึ- มึ-มันเป็นลูกติดท้องแม่มึ-มา"
"หา แล้วพ่อหนูเป็นใคร"
"เป็นใครก็ช่างเถอะ ตอนนี้มันไปคุยกับรากมะม่วงแล้ว"
"พ่อรู้ได้ยังไงกัน"
"เออ กูรู้" นายเยี่ยมยิ้มเหี้ยม "เพราะกูเป็นคนส่งมันไปเอง ถ้ามึ-ไม่อยากไปอยู่กับพ่อมึ- ก็ยอมกูซะดีๆ"
แต่เด็กสาวมีหรือจะยอม ฉวยโอกาสที่นายเยี่ยมประกบปากจูบเธออีกครั้ง อ้าปากกัดปากมัน กระทุ้งเข่าเข้าที่หว่างขา จนมือที่จับเธอไว้คลายลง
ผการีบดิ้น ลุกขึ้นวิ่งหนีออกมา ถึงชานบ้านเด็กสาวไม่ง้อบันได กระโดดผลุงเดียวถึงพื้น แม้จะล้มกลิ้งไปรอบหนึ่ง ตั้งหลักยืนได้ก้วิ่งไปหาบ้านป้าสมที่อยู่ใกล้ๆ แต่เด็กสาววิ่งพลาง ดึงผ้าถุงที่จะหลุดพลาง ทำให้ขาไปพันกับผ้าถุง จนล้มอีกครั้ง แต่คราวนี้ล้มฟาดไม่เป็นท่าอยู่แค่หน้าต้นมะม่วง นั่นคือตอนที่นายเยี่ยมตามมาทัน
มันจิกหัวผกาให้ลุกขึ้นจะลากกลับเข้าบ้าน แต่เด็กสาวกรีดร้องสุดเสียงขอความช่วยเหลือ มันจึงรีบบีบคอไม่ให้ส่งเสียง กดลงนอน สองมือที่บีบคอก็ยกหัวผกาขึ้นแล้วฟาดลงพื้นหลายครั้ง จนเธอหยุดส่งเสียงแล้วนอนแน่นิ่งไป
นายเยี่ยมไม่รอช้าอีกแล้ว เสื้อของเด็กสาวที่คร้านจะถอดก็ฉีกออก เจอเสื้อชั้นในก็ดึงทิ้ง ก้มลงตระโบมฟอนฟัดกับส่วนที่ยังโตไม่เต็มที่ของเด็กสาว
ความกำหนัดก่อตัวถึงขีดสุด
มันเงยหน้าขึ้นมองต้นมะม่วงด้วยแววตาชั่วร้ายและรอยยิ้มหยามเหยียดสะใจ
"มึ-ดูไว้ ไอ้ผัน" นายเยี่ยมดึงผ้าถุงผกาเหวี่ยงทิ้งโดยไม่สนว่ามันจะไปตกที่ใด "เมียมึ-กูก็เอาทำเมียมาแล้ว ตอนนี้กูจะเอาลูกสาวมึ-ทำเมียอีกคน"
มันกระชากกางเกงในอันเป็นปราการสุดท้ายของเด็กสาวออก แล้วเข้าแทรกกลางหว่างขา "มึ-ดูให้ดีนะ ไอ้ผัน"
ทันใดนั้น
วิชชุพลันเจิดจ้า เมฆาคำรามลั่น อสนีบาตฟาดสนั่น จนแก้วหูมันสะเทือน นายเยี่ยมใจหายวาบ เมื่อเห็นแสงไฟสีขาวและเสียงดังลั่นบนหัวตัวเอง คิดว่าตัวเองโดนฟ้าผ่าไปแล้ว แต่กลับเป็นฟ้าผ่าที่ยอดมะม่วงจนหักเกือบถึงครึ่งต้น กิ่งและใบบางส่วนก็ติดไฟ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ตัณหาราคะของมันมอดลง มันจับขาผกาลากออกห่างจากต้นมะม่วงอีกเล็กน้อย แล้วคุกเข่าลงไป ปลดกางเกง มันจะไม่ให้อะไรมาขัดขวางมันอีกแล้ว
วิชชุพลันเจิดจ้า เมฆาคำรามลั่นอีกครั้ง แต่คราวนี้ตามด้วยลมพัดโหมกระหน่ำ จนต้นมะม่วงที่เหลือเพียงครึ่งต้นเอียงจนล้มแบบถอนราก
นายเยี่ยมส่งเสียงร้องอย่างขัดใจ เมื่อถูกรบกวนอีกครั้ง ต้นมะม่วงเอียงล้มไปทางตรงข้ามกับนายเยี่ยม จึงหันด้านรากเผชิญหน้ากับมัน และที่รากของมะม่วงนั้นก็มีศพที่ถูกรากชอนไชติดอยู่ ศพที่เหลือเพียงโครงกระดูกและเศษเสื้อผ้าจนไม่อาจบอกได้ว่าเป็นใคร แต่นายเยี่ยมรู้จักเป็นอย่างดีแน่ มันจึงเบิกตามองอ้าปากค้าง
ลมกรรโชกอีกครั้ง มือขวาของศพยกชี้มาทางนายเยี่ยม รากมะม่วงขนาดเท่านิ้วโป้งหลายสิบรากพุ่งมาตามทิศทางที่ศพชี้ แทงเข้าใส่ร่างนายเยี่ยม มันคิดจะอ้าปากร้องก็ไร้เสียง เพราะรากหนึ่งในจำนวนนั้นแทงจนทะลุหลอดลม มันถูกยกขึ้น ม้วนลากเข้าหาประกบแนบชิดกับศพนั้น
ขณะที่นายเยี่ยมเหลือกตาเบิกโพลง แววตาแตกตื่นพรั่นพรึง ต้นมะม่วงที่เอียงล้มนั้นพลันกลับตั้งตรงขึ้น ทิ้งรากหยั่งกลับลงในดินพร้อมกับหนึ่งศพและหนึ่งคน ดินรอบข้างที่ถูกขุดกระจายขึ้นมาในตอนแรก ก็กลับไปอัดแน่นที่รอบโคนต้น ราวกับมันไม่เคยล้มมาก่อน
ชั่วเวลาหนึ่งที่เงียบสงบ ก่อนฝนจะตกลงมา
หยาดฝนปลุกผกาให้ได้สติ เด็กสาวเหลียวมองรอบตัวไม่เห็นนายเยี่ยม แต่ก็ไม่วางใจ วิ่งไปบ้านป้าสมทั้งที่ยังล่อนจ้อน
ตอนเช้า ป้าสมพาเด็กสาว พร้อมผู้ใหญ่ก้อน มาหานายเยี่ยม แต่ก็ไม่เจอตัว จึงได้ไปแจ้งความ ให้ตำรวจตามจับตัวนายเยี่ยมมาดำเนินคดีต่อไป
ในปีนั้น ต้นมะม่วงหน้าบ้านผกาที่รอดตายจากฟ้าผ่า ออกลูกเป็นครั้งแรก ผลอวบใหญ่เต่งนวล แล้วยังสุกเหลืองส่งกลิ่นหอมพร้อมกัน
มันมีความลับอยู่นะ...
.....................................................................................................................................................................................................................
ความลับใต้ต้นมะม่วง
มันมีความลับอยู่นะ
ยามบ่ายแก่ๆ ที่แดดยังแรง เด็กสาวในชุดไว้ทุกข์ยืนถือโกศอย่างใจลอยอยู่ใต้ร่มเงาของต้นมะม่วงหน้าบ้าน
"ผกา ทำอะไรอยู่ ขึ้นบ้านสิ" พ่อของเด็กสาวเรียกแล้ว
"แม่" ผกายกมือลูบโกศ "เข้าบ้านกันนะ"
เธอเดินขึ้นบ้าน ส่งโกศบรรจุอัฐิของแม่ที่เพิ่งไปรับมาจากวัดวันนี้ให้กับนายเยี่ยม ผู้เป็นพ่อ นำไปวางไว้บนหิ้งพระในบ้าน
บรรยากาศในบ้านตอนนี้มันหดหู่เกินไป จนเด็กสาวต้องออกไปนั่งกอดเข่าใต้ต้นมะม่วงที่ปลูกมาตั้งแต่ผกายังไม่เกิด ก็น่าจะอายุ 16-17 ปีแล้ว แต่ยังไม่เคยออกลูกซักกะลูก ประโยชน์ของมันให้แค่เพียงร่มเงา แต่ถึงอย่างนั้นนายเยี่ยมก็ยังเก็บไว้ ไม่ได้โค่นทิ้ง
ผกานั่งทอดอารมณ์จนถึงเวลาเย็น จึงได้มาเตรียมข้าวเย็น นั่งกินกับพ่อ แล้วไปอาบน้ำเข้านอนอย่างเร็ว หลายวันนี้เธอเหนื่อยทั้งกายและใจมากพอแล้ว
อากาศข้างนอกอึมครึม ร้อนอบอ้าวราวฝนจะตก ผกาต้องนอนกระสับกระส่ายอยู่สักพักกว่าจะหลับลงได้ ซึ่งไม่รู้ว่าเด็กสาวหลับไปนานเพียงใด แต่เธอ
ตื่นขึ้นเมื่อรู้สึกว่าถูกบางอย่างคร่อมทับ ผกาลืมตาขึ้นมอง แสงจันทร์สว่างในคืนข้างขึ้น ส่องให้เห็นหน้าคนคนนี้ชัดเจน
"พ่อ!"
"พ่อเอง ผกา ตอนนี้แม่เอ็งไม่อยู่แล้ว เอ็งเป็นเมียพ่อนะ"
"ไม่นะพ่อ จะทำอะไร แม่เพิ่งตายไปนะ"
"เออ พ่อรู้ ถึงได้รอให้เผาเสร็จก่อนไงล่ะ แค่นี้ก็ไว้หน้าบุหงามากแล้ว"
เด็กสาวยายามจะดิ้นหนี แต่ถูกพ่อตัวเองจับข้อมือกดไว้แน่น ก้มลงจูบแก้มจูบปาก ผการีบเม้มปากไม่ยอมให้ถูกจูบ ปากร้อนๆกับลมหายใจหึ่งกลิ่นเหล้าเลื่อนลงไปซุกไซ้ซอกคอ
"พ่อ อย่าทำหนูเลย ขอร้องล่ะ"
"พ่อเลี้ยงเอ็งมาตั้ง 16 ปี เอ็งไม่คิดจะตอบแทนพ่อบ้างหรือ แม่เอ็งตายไปแล้ว พ่อก็ให้เอ็งทำหน้าที่แทนแม่ไง"
"หนูเป็นลูกพ่อนะ พ่อไม่กลัวบาปกลัวกรรมรึไง"
"เหอะ กูจะบอกให้ก็ได้ กูไม่ใช่พ่อแท้ๆของมึ- มึ-มันเป็นลูกติดท้องแม่มึ-มา"
"หา แล้วพ่อหนูเป็นใคร"
"เป็นใครก็ช่างเถอะ ตอนนี้มันไปคุยกับรากมะม่วงแล้ว"
"พ่อรู้ได้ยังไงกัน"
"เออ กูรู้" นายเยี่ยมยิ้มเหี้ยม "เพราะกูเป็นคนส่งมันไปเอง ถ้ามึ-ไม่อยากไปอยู่กับพ่อมึ- ก็ยอมกูซะดีๆ"
แต่เด็กสาวมีหรือจะยอม ฉวยโอกาสที่นายเยี่ยมประกบปากจูบเธออีกครั้ง อ้าปากกัดปากมัน กระทุ้งเข่าเข้าที่หว่างขา จนมือที่จับเธอไว้คลายลง
ผการีบดิ้น ลุกขึ้นวิ่งหนีออกมา ถึงชานบ้านเด็กสาวไม่ง้อบันได กระโดดผลุงเดียวถึงพื้น แม้จะล้มกลิ้งไปรอบหนึ่ง ตั้งหลักยืนได้ก้วิ่งไปหาบ้านป้าสมที่อยู่ใกล้ๆ แต่เด็กสาววิ่งพลาง ดึงผ้าถุงที่จะหลุดพลาง ทำให้ขาไปพันกับผ้าถุง จนล้มอีกครั้ง แต่คราวนี้ล้มฟาดไม่เป็นท่าอยู่แค่หน้าต้นมะม่วง นั่นคือตอนที่นายเยี่ยมตามมาทัน
มันจิกหัวผกาให้ลุกขึ้นจะลากกลับเข้าบ้าน แต่เด็กสาวกรีดร้องสุดเสียงขอความช่วยเหลือ มันจึงรีบบีบคอไม่ให้ส่งเสียง กดลงนอน สองมือที่บีบคอก็ยกหัวผกาขึ้นแล้วฟาดลงพื้นหลายครั้ง จนเธอหยุดส่งเสียงแล้วนอนแน่นิ่งไป
นายเยี่ยมไม่รอช้าอีกแล้ว เสื้อของเด็กสาวที่คร้านจะถอดก็ฉีกออก เจอเสื้อชั้นในก็ดึงทิ้ง ก้มลงตระโบมฟอนฟัดกับส่วนที่ยังโตไม่เต็มที่ของเด็กสาว
ความกำหนัดก่อตัวถึงขีดสุด
มันเงยหน้าขึ้นมองต้นมะม่วงด้วยแววตาชั่วร้ายและรอยยิ้มหยามเหยียดสะใจ
"มึ-ดูไว้ ไอ้ผัน" นายเยี่ยมดึงผ้าถุงผกาเหวี่ยงทิ้งโดยไม่สนว่ามันจะไปตกที่ใด "เมียมึ-กูก็เอาทำเมียมาแล้ว ตอนนี้กูจะเอาลูกสาวมึ-ทำเมียอีกคน"
มันกระชากกางเกงในอันเป็นปราการสุดท้ายของเด็กสาวออก แล้วเข้าแทรกกลางหว่างขา "มึ-ดูให้ดีนะ ไอ้ผัน"
ทันใดนั้น
วิชชุพลันเจิดจ้า เมฆาคำรามลั่น อสนีบาตฟาดสนั่น จนแก้วหูมันสะเทือน นายเยี่ยมใจหายวาบ เมื่อเห็นแสงไฟสีขาวและเสียงดังลั่นบนหัวตัวเอง คิดว่าตัวเองโดนฟ้าผ่าไปแล้ว แต่กลับเป็นฟ้าผ่าที่ยอดมะม่วงจนหักเกือบถึงครึ่งต้น กิ่งและใบบางส่วนก็ติดไฟ แต่นั่นไม่ได้ทำให้ตัณหาราคะของมันมอดลง มันจับขาผกาลากออกห่างจากต้นมะม่วงอีกเล็กน้อย แล้วคุกเข่าลงไป ปลดกางเกง มันจะไม่ให้อะไรมาขัดขวางมันอีกแล้ว
วิชชุพลันเจิดจ้า เมฆาคำรามลั่นอีกครั้ง แต่คราวนี้ตามด้วยลมพัดโหมกระหน่ำ จนต้นมะม่วงที่เหลือเพียงครึ่งต้นเอียงจนล้มแบบถอนราก
นายเยี่ยมส่งเสียงร้องอย่างขัดใจ เมื่อถูกรบกวนอีกครั้ง ต้นมะม่วงเอียงล้มไปทางตรงข้ามกับนายเยี่ยม จึงหันด้านรากเผชิญหน้ากับมัน และที่รากของมะม่วงนั้นก็มีศพที่ถูกรากชอนไชติดอยู่ ศพที่เหลือเพียงโครงกระดูกและเศษเสื้อผ้าจนไม่อาจบอกได้ว่าเป็นใคร แต่นายเยี่ยมรู้จักเป็นอย่างดีแน่ มันจึงเบิกตามองอ้าปากค้าง
ลมกรรโชกอีกครั้ง มือขวาของศพยกชี้มาทางนายเยี่ยม รากมะม่วงขนาดเท่านิ้วโป้งหลายสิบรากพุ่งมาตามทิศทางที่ศพชี้ แทงเข้าใส่ร่างนายเยี่ยม มันคิดจะอ้าปากร้องก็ไร้เสียง เพราะรากหนึ่งในจำนวนนั้นแทงจนทะลุหลอดลม มันถูกยกขึ้น ม้วนลากเข้าหาประกบแนบชิดกับศพนั้น
ขณะที่นายเยี่ยมเหลือกตาเบิกโพลง แววตาแตกตื่นพรั่นพรึง ต้นมะม่วงที่เอียงล้มนั้นพลันกลับตั้งตรงขึ้น ทิ้งรากหยั่งกลับลงในดินพร้อมกับหนึ่งศพและหนึ่งคน ดินรอบข้างที่ถูกขุดกระจายขึ้นมาในตอนแรก ก็กลับไปอัดแน่นที่รอบโคนต้น ราวกับมันไม่เคยล้มมาก่อน
ชั่วเวลาหนึ่งที่เงียบสงบ ก่อนฝนจะตกลงมา
หยาดฝนปลุกผกาให้ได้สติ เด็กสาวเหลียวมองรอบตัวไม่เห็นนายเยี่ยม แต่ก็ไม่วางใจ วิ่งไปบ้านป้าสมทั้งที่ยังล่อนจ้อน
ตอนเช้า ป้าสมพาเด็กสาว พร้อมผู้ใหญ่ก้อน มาหานายเยี่ยม แต่ก็ไม่เจอตัว จึงได้ไปแจ้งความ ให้ตำรวจตามจับตัวนายเยี่ยมมาดำเนินคดีต่อไป
ในปีนั้น ต้นมะม่วงหน้าบ้านผกาที่รอดตายจากฟ้าผ่า ออกลูกเป็นครั้งแรก ผลอวบใหญ่เต่งนวล แล้วยังสุกเหลืองส่งกลิ่นหอมพร้อมกัน
มันมีความลับอยู่นะ...
.....................................................................................................................................................................................................................