กลับจากทะเล ก็ไปเมืองเก่ากันต่อต่ะ จังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่ดูเหมือนจะอยู่ไม่ไกล แต่เที่ยวยังไงก็ไม่ครบและไม่เบื่อสักที ครั้งนี้ครอบครัวเราตั้งใจปักหมุดกันสามจุดตามลำดับค่ะ เที่ยวกันชิลล์ ครอบครัวไหนมีเด็กเล็กก็สามารถไปเที่ยวแบบนี้ได้ค่ะ

ที่แรก ตลาดโก้งโค้ง จขกท เพิ่งเคยมาครั้งแรกเช่นเคย ชอบบรรยากาศย้อนยุคของร้านค้า แนะนำให้แวะรับประทานอาหารเช้าที่นี่คะ มีให้เลือกหลากหลายเลย ขนมไทยสูตรดั้งเดิม ราคาไม่แพง

มีมุมถ่ายรูปสวยเยอะเลยค่ะ จขกท ถูกใจสีโทนประมาณนี้อยู่แล้ว ไม่พลาดค่ะ

จากนั้นเราก็เดินทางกันต่อไปที่หมู่บ้านญี่ปุ่นค่ะ คือแบบ ณ ตอนนี้ไปญี่ปุ่นไม่ได้ ก็ไปที่นี่ก่อนค่ะ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง

มีอาคารเล็กๆ ที่แสดงประวัติความเป็นมาและมีรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของผู้ก่อตั้งด้วย ได้ความรู้ประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาเพิ่มขึ้นมาอีกค่ะ ต่อยอด

ห้องน้ำสะอาดสะอ้านนะคะ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารบริการด้วยค่ะ

ส่วนแสดงประวัติของท้าวทองกีบม้า หรือ "แม่มะลิ" จากในเรื่องบุพเพสันนิวาส ซึ่งท่านมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ของเรา

ด้านหลังติดแม่น้ำ มีผักตบชวาลอยหนาแน่นค่ะ อารมณ์ธรรมชาติบ้านเรามากๆ

จากนั้น ไปต่อกันที่วังช้างอยุธยา แลเพนียด ซึ่งคุณลูกสาวอยากนั่งหลังช้างรอบเล็กๆ และดูการแสดงน่ารักๆ ของช้างด้วย ช้างสองเชือกในรูปที่เห็นตัวโตมากค่ะ อายุ 24-25 ปี เป็นช้างที่เข้าฉากในภาพยนตร์เรื่องดัง
ค่าเข้าชมการแสดงช้างคนละ 50 บาทและเราสามารถซื้อเครื่องดื่มได้ในราคาลดพิเศษค่ะ พอสั่งเครื่องดื่มชำระเงิน เจ้าหน้าที่เขาจะแจกป้ายน่ารักแบบนี้ให้เราถือไว้ แล้วก็จะนำเครื่องดื่มมาเสิรฟให้ก่อนการแสดงเริ่ม

จากการชิมลิ้มรสโกโก้เย็นของเขา รสชาติดีเลยค่ะ

เราสามารถซื้อข้าวโพดและแตงกวามาป้อนช้างแบบใกล้ชิดด้วยนะคะ เจ้าหน้าที่บอกว่าช้างน้ำหนักประมาณ 1500 กิโลกรัม ต้องทานอาหารน้ำหนักร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัว น้องคงหิวกันทั้งวันเลย

อันนี้บัตรสำหรับขึ้นหลังช้าง ค่ะ มีควาญช้างพาเดินรอบเล็ก รอบใหญ่ แล้วแต่เราจะเลือก มันจะสูงหน่อยและโยกเยก โคลงเคลงไปมาตามการเยื้องย่างของช้าง เป็นการสัญจรที่สูงและสง่างาม แต่ทำไมเราขาสั่นก็ไม่รู้อะค่ะ
โบกมือลาน้องช้าง เรามุ่งหน้ามาต่อที่วัดนักบุญยอแซฟค่ะ วัดสร้างมานานแล้ว แต่ด้านหน้าเพิ่งจะมีเรือที่เป็นอนุสรณ์ครบรอบ 350 ปีมิสซังสยาม

.
มีศูนย์อำนวยการเล็กๆ แอร์เย็นฉ่ำ แสดงประวัติความเป็นมาด้วยค่ะ
ตอนที่เราไป เห็นฝูงแกะเดินออกมากินหญ้าด้วยค่ะ เดินตามกันเป็นขบวนเลย

ภาพด้านหน้าวัดและภายในวัดค่ะ สร้างได้อลังการมาก

ก่อนจะมืดค่ำ เราแวะรับประทานมื้อเย็นที่ร้าน ท่าน้ำวิว ค่ะ ถ่ายภาพกุ้งแม่น้ำและของหวานมาให้ดู รสชาติดีไม่แพ้บรรยากาศค่ะ ริมน้ำจริงๆ มีเรื่อหางยาวแล่นผ่าน มองเห็นเจดีย์ขาว ทางร้านมีห้องแอร์บริการด้วยค่ะ เผื่อท่านใดแวะไปตอนกลางวันและอากาศร้อนเกิ๊น
แต่ถ้าจะนั่งด้านนอก ริมน้ำ ก็ไม่ต้องกลัวพนักงานจะไม่มาดูแลนะคะ เขามีเจ้านี่ค่ะ

เป็นอันจบทริปเชิงวัฒนธรรมตามอัธยาศัยของครอบครัวเราค่ะ เราขับรถเรื่อยๆ แบบไม่รีบ ขากลับผ่านวัดไชยวัฒนาราม ที่คึกคักขึ้นจากละครบุพเพสันนิวาส ตอนนี้ก็ยังคึกคักอยู่ มีร้านให้เช่าชุดไทยเรียงรายเลยค่ะ ถือเป็นสีสันของการท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาค่ะ
ประมาณนี้ละนะคะ เราก็จะเน้นถ่ายรูปนิดหน่อย กินจุบกินจิบนิดหน่อย ตามรอยละครนิดหน่อย แต่กินเยอะหน่อย

ขอบคุณที่แวะมาอ่านค่ะ
วันเดียวเที่ยวเพลินที่อยุธยา
ที่แรก ตลาดโก้งโค้ง จขกท เพิ่งเคยมาครั้งแรกเช่นเคย ชอบบรรยากาศย้อนยุคของร้านค้า แนะนำให้แวะรับประทานอาหารเช้าที่นี่คะ มีให้เลือกหลากหลายเลย ขนมไทยสูตรดั้งเดิม ราคาไม่แพง
มีมุมถ่ายรูปสวยเยอะเลยค่ะ จขกท ถูกใจสีโทนประมาณนี้อยู่แล้ว ไม่พลาดค่ะ
จากนั้นเราก็เดินทางกันต่อไปที่หมู่บ้านญี่ปุ่นค่ะ คือแบบ ณ ตอนนี้ไปญี่ปุ่นไม่ได้ ก็ไปที่นี่ก่อนค่ะ ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง
มีอาคารเล็กๆ ที่แสดงประวัติความเป็นมาและมีรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งของผู้ก่อตั้งด้วย ได้ความรู้ประวัติศาสตร์สมัยอยุธยาเพิ่มขึ้นมาอีกค่ะ ต่อยอด
ห้องน้ำสะอาดสะอ้านนะคะ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหารบริการด้วยค่ะ
ส่วนแสดงประวัติของท้าวทองกีบม้า หรือ "แม่มะลิ" จากในเรื่องบุพเพสันนิวาส ซึ่งท่านมีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ของเรา
ด้านหลังติดแม่น้ำ มีผักตบชวาลอยหนาแน่นค่ะ อารมณ์ธรรมชาติบ้านเรามากๆ
จากนั้น ไปต่อกันที่วังช้างอยุธยา แลเพนียด ซึ่งคุณลูกสาวอยากนั่งหลังช้างรอบเล็กๆ และดูการแสดงน่ารักๆ ของช้างด้วย ช้างสองเชือกในรูปที่เห็นตัวโตมากค่ะ อายุ 24-25 ปี เป็นช้างที่เข้าฉากในภาพยนตร์เรื่องดัง
ค่าเข้าชมการแสดงช้างคนละ 50 บาทและเราสามารถซื้อเครื่องดื่มได้ในราคาลดพิเศษค่ะ พอสั่งเครื่องดื่มชำระเงิน เจ้าหน้าที่เขาจะแจกป้ายน่ารักแบบนี้ให้เราถือไว้ แล้วก็จะนำเครื่องดื่มมาเสิรฟให้ก่อนการแสดงเริ่ม
จากการชิมลิ้มรสโกโก้เย็นของเขา รสชาติดีเลยค่ะ
เราสามารถซื้อข้าวโพดและแตงกวามาป้อนช้างแบบใกล้ชิดด้วยนะคะ เจ้าหน้าที่บอกว่าช้างน้ำหนักประมาณ 1500 กิโลกรัม ต้องทานอาหารน้ำหนักร้อยละ 10 ของน้ำหนักตัว น้องคงหิวกันทั้งวันเลย
อันนี้บัตรสำหรับขึ้นหลังช้าง ค่ะ มีควาญช้างพาเดินรอบเล็ก รอบใหญ่ แล้วแต่เราจะเลือก มันจะสูงหน่อยและโยกเยก โคลงเคลงไปมาตามการเยื้องย่างของช้าง เป็นการสัญจรที่สูงและสง่างาม แต่ทำไมเราขาสั่นก็ไม่รู้อะค่ะ
โบกมือลาน้องช้าง เรามุ่งหน้ามาต่อที่วัดนักบุญยอแซฟค่ะ วัดสร้างมานานแล้ว แต่ด้านหน้าเพิ่งจะมีเรือที่เป็นอนุสรณ์ครบรอบ 350 ปีมิสซังสยาม
มีศูนย์อำนวยการเล็กๆ แอร์เย็นฉ่ำ แสดงประวัติความเป็นมาด้วยค่ะ
ตอนที่เราไป เห็นฝูงแกะเดินออกมากินหญ้าด้วยค่ะ เดินตามกันเป็นขบวนเลย
ภาพด้านหน้าวัดและภายในวัดค่ะ สร้างได้อลังการมาก
ก่อนจะมืดค่ำ เราแวะรับประทานมื้อเย็นที่ร้าน ท่าน้ำวิว ค่ะ ถ่ายภาพกุ้งแม่น้ำและของหวานมาให้ดู รสชาติดีไม่แพ้บรรยากาศค่ะ ริมน้ำจริงๆ มีเรื่อหางยาวแล่นผ่าน มองเห็นเจดีย์ขาว ทางร้านมีห้องแอร์บริการด้วยค่ะ เผื่อท่านใดแวะไปตอนกลางวันและอากาศร้อนเกิ๊น
แต่ถ้าจะนั่งด้านนอก ริมน้ำ ก็ไม่ต้องกลัวพนักงานจะไม่มาดูแลนะคะ เขามีเจ้านี่ค่ะ
เป็นอันจบทริปเชิงวัฒนธรรมตามอัธยาศัยของครอบครัวเราค่ะ เราขับรถเรื่อยๆ แบบไม่รีบ ขากลับผ่านวัดไชยวัฒนาราม ที่คึกคักขึ้นจากละครบุพเพสันนิวาส ตอนนี้ก็ยังคึกคักอยู่ มีร้านให้เช่าชุดไทยเรียงรายเลยค่ะ ถือเป็นสีสันของการท่องเที่ยวจังหวัดพระนครศรีอยุธยาค่ะ
ประมาณนี้ละนะคะ เราก็จะเน้นถ่ายรูปนิดหน่อย กินจุบกินจิบนิดหน่อย ตามรอยละครนิดหน่อย แต่กินเยอะหน่อย