ช่วงนี้ข่าวโควิดสร่างซาไปนิด ด้วยว่าโดนเจ้า "แฮมทาโร่" กับ "ม๊อบมุ๊งมิ๊ง" เบียดพื้นที่ไป.....
จึงแวะมาตั้งกระทู้อัพเดทติดตามการทดลองฉีดวัคซีนที่อังกฤษที่ผมเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ บางท่านที่ติดตามอาจจะทราบมาบ้างแล้วว่าผลการทดลองในครั้งนั้นประกายความหวังที่จะต่อสู้กับเจ้าไวรัสร้ายไม่น้อย การสนองตอบจากผู้กล้าที่อาสารับฉีดวัคซีนทดลงครั้งนั้นเป็นไปในทางบวก ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงและสร้างภูมิคุ้มกันระยะแยก และตอนนี้การมีการฉีดทดลงให้กับคนอังกฤษหลายพันคนไปแล้ว และยังนำไปฉีดให้กับอาสาที่บราซิลและแอฟริกา กระนั้นทีมงานวิจัยและผลิตที่มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ดยังถ่อมตนว่า ยังมีอีกหลายด้านที่ต้องศึกษาและเรียนรู้เจ้าไวรัสร้ายตัวนี้
สำหรับสถานการณ์ในประเทศอังกฤษตอนนี้ ก็เริ่มค่อยๆ คลายล็อคหลายอย่างลงไปแล้ว แต่ที่ประกาศเป็นมาตรการใหม่ก็มีขึ้นเช่นต้องสวมหน้ากากเวลาเข้าห้าง ร้านอาหาร โรงยิม ผับก็ค่อยๆ ผ่อนผันทะยอยเปิด อาทิตย์นี้...ส่วนตัวผมก็คงจะได้ตีแบดกันล่ะ เขายังไม่อนุญาตให้ตีคู่ ต้องตีเดี่ยวกับลูกชายไปก่อน
สภาพเศรษฐกิจ ?? แน่ล่ะ! มีหลากหลายกิจการที่ต้องปิดตัวลงไป แต่โดยภาครวมแล้วต้องยอมรับว่าอังกฤษเตรียมรับมือผลกระทบด้านเศรษฐกิจได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะการ "จ่ายเงินทดแทน" ให้กับพนักงานและร้านค้า ยกตัวอย่าง ลูกสาวผมทำงานพาร์ตไทม์อาทิตย์ละ 2 วัน ช่วงล็อคดาวน์เธอได้รับเงินรัฐเข้าบัญชีทุกเดือนมากกว่าที่เธอได้รับ! ตัวผมเองทำงานที่บ้านช่วงล็อคดาวน์ ก็สามารถเคลมค่าไฟฟ้า คนจรจัด(Homeless) ก็จะถูกจัดเข้าพักในโรงแรมของแต่ละเมืองพร้อมข้าวปลาอาหารและเงินติดกระเป๋า ประมาณว่าตราบใดที่ประชากรยังมีเงินติดกระเป๋าเหมือนเดิม ปลดล็อคหรือคลายล็อคเมื่อไหร่ การฟื้นตัวและสภาพคล่องทางเศรษกิจตั้งแต่ระดับล่างคงจะใช้เวลาไม่นาน เงินที่รัฐบาลอัดฉีดตรงนี้ต่อวันนั้นถือว่าเยอะ
การสูญเสียผู้คนจากไวรัสร้ายนี้เลี่ยงไม่ได้ ทุกรัฐบาลทำอย่างเต็มที่ พร้อมๆ กันนั้นการพยุงโครงสร้างเศรษฐกิจก็สำคัญยิ่งยวด หากพังครืนลงมาผู้คนอาจจะล้มตายมากกว่าจากไวรัสร้าย การประคับประคองความสมดุลย์สองสิ่งนี้ถือว่าอังกฤษทำได้ดี และรวมไปถึงความรุดหน้าของคณะวิจัยไวรัสโควิดด้วย ใครจะสมน้ำหน้าหรือตราหน้าอังกฤษว่าเจริญซะเปล่า ปล่อยให้คนล้มตายเหยียบแสนได้อย่างไร? ก็แล้วแต่ใครจะมอง ผมไม่ได้โปรอังกฤษมากมาย แต่ต้องให้เครดิตเขาและเชื่อว่าสุดท้ายอังกฤษ "เอาอยู่" รัฐประเมินเอาไว้ว่ากลางปีหน้าประชากรอังกฤษคงจะได้ทะยอยฉีดวัคซีนกัน
ไม่กี่วันมานี้มีบทความชิ้นหนึ่งของของศาสตราจารย์ ไทเลอร์ ชาวอเมริกันบอกว่า "การต่อสู้กับไวรัสร้ายของอังกฤษจัดว่า เวิร์ลคลาส" ประเทศหนึ่งที่ทุ่มเทมากกว่าประเทศอื่นในการหาวิธีหยุดยั้งไวรัสร้าย
https://www.bloomberg.com/opinion/articles/2020-07-22/british-response-to-covid-19-has-been-world-class
และเรื่องราวบันทึกดีๆ ของคนรับอาสาฉีดวัคซีน
https://www.bbc.com/future/article/20200721-coronavirus-vaccine-trial-what-its-like-to-participate
...ชัยชนะที่มีต่อ "โควิด-19"..../วชรน
จึงแวะมาตั้งกระทู้อัพเดทติดตามการทดลองฉีดวัคซีนที่อังกฤษที่ผมเคยเขียนไว้ก่อนหน้านี้ บางท่านที่ติดตามอาจจะทราบมาบ้างแล้วว่าผลการทดลองในครั้งนั้นประกายความหวังที่จะต่อสู้กับเจ้าไวรัสร้ายไม่น้อย การสนองตอบจากผู้กล้าที่อาสารับฉีดวัคซีนทดลงครั้งนั้นเป็นไปในทางบวก ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงและสร้างภูมิคุ้มกันระยะแยก และตอนนี้การมีการฉีดทดลงให้กับคนอังกฤษหลายพันคนไปแล้ว และยังนำไปฉีดให้กับอาสาที่บราซิลและแอฟริกา กระนั้นทีมงานวิจัยและผลิตที่มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ดยังถ่อมตนว่า ยังมีอีกหลายด้านที่ต้องศึกษาและเรียนรู้เจ้าไวรัสร้ายตัวนี้
สำหรับสถานการณ์ในประเทศอังกฤษตอนนี้ ก็เริ่มค่อยๆ คลายล็อคหลายอย่างลงไปแล้ว แต่ที่ประกาศเป็นมาตรการใหม่ก็มีขึ้นเช่นต้องสวมหน้ากากเวลาเข้าห้าง ร้านอาหาร โรงยิม ผับก็ค่อยๆ ผ่อนผันทะยอยเปิด อาทิตย์นี้...ส่วนตัวผมก็คงจะได้ตีแบดกันล่ะ เขายังไม่อนุญาตให้ตีคู่ ต้องตีเดี่ยวกับลูกชายไปก่อน
สภาพเศรษฐกิจ ?? แน่ล่ะ! มีหลากหลายกิจการที่ต้องปิดตัวลงไป แต่โดยภาครวมแล้วต้องยอมรับว่าอังกฤษเตรียมรับมือผลกระทบด้านเศรษฐกิจได้ดีทีเดียว โดยเฉพาะการ "จ่ายเงินทดแทน" ให้กับพนักงานและร้านค้า ยกตัวอย่าง ลูกสาวผมทำงานพาร์ตไทม์อาทิตย์ละ 2 วัน ช่วงล็อคดาวน์เธอได้รับเงินรัฐเข้าบัญชีทุกเดือนมากกว่าที่เธอได้รับ! ตัวผมเองทำงานที่บ้านช่วงล็อคดาวน์ ก็สามารถเคลมค่าไฟฟ้า คนจรจัด(Homeless) ก็จะถูกจัดเข้าพักในโรงแรมของแต่ละเมืองพร้อมข้าวปลาอาหารและเงินติดกระเป๋า ประมาณว่าตราบใดที่ประชากรยังมีเงินติดกระเป๋าเหมือนเดิม ปลดล็อคหรือคลายล็อคเมื่อไหร่ การฟื้นตัวและสภาพคล่องทางเศรษกิจตั้งแต่ระดับล่างคงจะใช้เวลาไม่นาน เงินที่รัฐบาลอัดฉีดตรงนี้ต่อวันนั้นถือว่าเยอะ
การสูญเสียผู้คนจากไวรัสร้ายนี้เลี่ยงไม่ได้ ทุกรัฐบาลทำอย่างเต็มที่ พร้อมๆ กันนั้นการพยุงโครงสร้างเศรษฐกิจก็สำคัญยิ่งยวด หากพังครืนลงมาผู้คนอาจจะล้มตายมากกว่าจากไวรัสร้าย การประคับประคองความสมดุลย์สองสิ่งนี้ถือว่าอังกฤษทำได้ดี และรวมไปถึงความรุดหน้าของคณะวิจัยไวรัสโควิดด้วย ใครจะสมน้ำหน้าหรือตราหน้าอังกฤษว่าเจริญซะเปล่า ปล่อยให้คนล้มตายเหยียบแสนได้อย่างไร? ก็แล้วแต่ใครจะมอง ผมไม่ได้โปรอังกฤษมากมาย แต่ต้องให้เครดิตเขาและเชื่อว่าสุดท้ายอังกฤษ "เอาอยู่" รัฐประเมินเอาไว้ว่ากลางปีหน้าประชากรอังกฤษคงจะได้ทะยอยฉีดวัคซีนกัน
ไม่กี่วันมานี้มีบทความชิ้นหนึ่งของของศาสตราจารย์ ไทเลอร์ ชาวอเมริกันบอกว่า "การต่อสู้กับไวรัสร้ายของอังกฤษจัดว่า เวิร์ลคลาส" ประเทศหนึ่งที่ทุ่มเทมากกว่าประเทศอื่นในการหาวิธีหยุดยั้งไวรัสร้าย https://www.bloomberg.com/opinion/articles/2020-07-22/british-response-to-covid-19-has-been-world-class
และเรื่องราวบันทึกดีๆ ของคนรับอาสาฉีดวัคซีน https://www.bbc.com/future/article/20200721-coronavirus-vaccine-trial-what-its-like-to-participate