ขอสอบถามผู้รู้หน่อยครับ

บรรดาชีคหรือสุลต่านนี่เวลาจะลงทุนทำอะไรก็ค่อนข้างที่จะใจป้ำและคาดหวังผลตอบแทนน้อยกว่าพวกเจ้าสัวจากจีนหรือนักธุรกิจชาวฝรั่งหรือเจ้าของกิจการชาวละติน ทั้งๆที่มีจำนวนทรัพย์สินมากพอๆกัน พวกท่านคิดว่าเปนเพ

ห้างภูธรสู้ไม่ไหว น่าจะเต็มเฉพาะห้างที่เจ้าของนอนตีพุงอยู่กรุงเทพฯ   แต่ตามหลักเศรษฐศาสตร์ถ้ายังมีห้างคนเต็มอยู่ ถือว่าเศรษฐกิจดี ส่วนห้างคนร้างก็ปิดไปตามระเบียบ เรื่องนี้เป็นอุทธาหรณ์ ต่อเ

นักธุรกิจที่มากประสบการณ์ ทำธุรกิจมาหลายสิบปี จนประสบความสำเร็จระดับเจ้าสัว billionaires ทั้งๆที่อาจจะไม่ได้เรียนจบสูงอะไร นักเศรษฐศาสตร์ มีโปรไฟล์การศึกษาดีเลิศ ได้รับรางวัลทางวิชาการต่างๆมากมาย ถ

เราจะได้เห็นคำเหล่านี้จาก ทั้ง กูรู กูไม่รู ทางเศรษฐศาสตร์ นักการเมือง นักเศรษฐศาสตร์ นายธนาคาร นักธุรกิจใหญ่ กันอย่างฉ่ำหูทุกเวที ช่วงหาเสียงต้นปีหน้า แต่หลังจากฟอร์มรัฐบาลเสร็จ เราจะได้ยินคำว่า &qu

คือแบบว่าลูกหลานกลุ่มผู้ดีเก่ามีทั้งเงินอำนาจวาสนารวมถึงการศึกษาที่ดีมาก ทำไมมาแพ้ทางธุรกิจกับเจ้าสัวเสื่อผืนหมอนใบที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากความ มุมานะ ความอดทน ความเพียรที่จะเรียนรู้ มาถึงปัจจุบัน ลูกหลา

"เศรษฐกิจก็มีวัฎจักร มีขึ้นมีลง เพียงแต่เวลาขึ้นใหม่มักจะไม่ใช่ธุรกิจแบบเดิมอีก แต่ก่อนมีเจ้าสัวธนาคาร ต่อมาก็เจ้าสัวอสังหาฯ ปัจจุบันก็เจ้าสัวค้าปลีกและสินค้าอุปโภคบริโภค  ในทุกวิกฤติมั

อย่างบรรดาเจ้าสัวในบ้านเราเงี้ย มีความเป็นไปได้แค่ไหนที่จะเทียบเท่า google amazon facebook lvmh microsoft ปู่warren หรือว่าแทบไม่มีเลย อยากรู้เฉยๆครับ ขอบคุณครับ งดดราม่านะครับ😂