สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้ระบาย และแลกเปลี่ยนชีวิตในวัยเด็กนะคะ ก่อนอื่นเลย เราตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพราะเวลาเราเหนื่อย ท้อแท้ เราก็จะเอาเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมามาคิดว่าทำไมชีวิตเราถึงต้องเจออะไรแบบนี้มาตลอด ซึ่งเราก็คิดเหมือนกันว่า อาจจะมีคนที่ต้องเคยเจออะไรแบบนี้มาเหมือนกัน เรื่องของเราอาจจะเล็กน้อยมากก็ได้ แต่เราก็ไม่กล้าจะเล่าให้เพื่อนหรือคนรอบตัวฟังเพราะบางเรื่องมันก็น่าอายสำหรับเรา
เท่าที่เราจำความได้ ช่วงอนุบาล เราก็คงมีชีวิตเหมือนเด็กทั่วๆไป แต่เราย้ายบ้านและย้ายโรงเรียนบ่อย เรามารู้ทีหลังก็คือ พ่อเราติดยา แต่พ่อเราดีกับเรามาก จำได้ว่าไม่เคยโดนพ่อดุหรือตีเลยสักครั้ง และพ่อกับแม่เราก็ช่วยกันทำงาน อยู่กันแบบบ้านๆ จนช่วงป.1 พ่อเราล้มป่วย แม่ทำงานคนเดียว ดูแลพ่อ และเลี้ยงน้องด้วย ช่วงนั้นน่าจะเป็นครั้งแรกที่เราเริ่มมีความวิตกกังวล ไม่สดใส รู้สึกถึงความไม่ปกติ ไม่นานพ่อเราก็เสียค่ะ เสียด้วยโรคเอดส์ เพราะใช้เข็มฉีดยาฉีดสารเสพติดร่วมกับคนอื่น (โชคดีมากที่แม่เราไม่ติดเพราะแม่บอกว่า ตั้งแต่คลอดน้อง แม่กับพ่อไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กันเลย)
จากนั้นแม่พาเรากับน้องย้ายมาอยู่กรุงเทพ เช่าห้องอยู่กัน และแม่ไปทำงานรับจ้างกับญาติ แม่เราทำงานหนักมาก คือโดนญาติเอาเปรียบมากๆ ต้องทำงานตั้งแต่ตี4 ถึง 5 ทุ่ม เท่ากับว่าเราเป็นเด็กป.2 ที่ต้องจัดการเองทุกอย่าง ตั้งแต่ทำงานบ้าน ซักผ้า พาน้องไปโรงเรียน หาข้าวกินเอง ต่อมาไม่นานมีคนมาตามจีบแม่ เขาดีกับแม่กับเราและน้องมาก สุดท้ายแม่ก็ลงเอยกับเขา พออยู่กันไปสักพัก เขาเริ่มเปลี่ยนนิสัย เป็นคนโมโหง่ายมาก ชอบทำร้ายตบตีแม่เรา และในคืนหนึ่ง เขาชวนแม่เราทะเลาะและทำร้าย เราเข้าไปขวาง เราเลยโดนต่อยที่ตาอย่างแรง แต่แม่ก็ไม่เลิกกับเขา เราไม่รู้ว่าแม่เราโดนข่มขู่หรือเปล่า ซึ่งเราไม่เคยถามเรื่องนี้ ต่อมาแม่เราท้อง แล้วโดนญาติบังคับให้ไปทำแท้ง ไม่อย่างนั้นจะไม่ให้งานทำ
แม่เราไม่ยอมทำแท้ง เลยพาเรากับน้อง หนีไปอยู่ที่บ้านญาติของพ่อเลี้ยงที่ต่างจังหวัด แม่เราอุ้มท้องไปทำงานที่กรุงเทพเราอยู่กับพ่อเลี้ยง และน้องชาย ที่บ้านเขาเลี้ยงวัวหลายสิบตัว วันหยุดเราเลยมีหน้าที่ ต้องออกไปเลี้ยงวัว พาวัวเดินไปที่ทุ่ง อยู่ที่ทุ่งนา ตั้งแต่เช้าจนเย็น ตอนนั้นเราตัวดำมาก และเคยเป็นลมที่ทุ่งนาตอนแรกๆที่เราไปอยู่ เราก็นอนในบ้านใหญ่ ลักษณะเป็นบ้านกว้างๆ ไม่มีกั้นห้อง มีพ่อกับแม่ของพ่อเลี้ยง นอนอยู่ที่มุมนึง และเรา น้อง พ่อเลี้ยงนอนอีกมุมนึง ต่อมาพ่อเลี้ยงพาเราลงไปนอนที่คล้ายๆยุ้งฉาง เป็นที่ๆที่เขาเลี้ยงไก่ ไม่มีหลังคา คืนที่2 ที่ไปนอนที่นั่น พ่อเลี้ยงเอามือมาจับที่หน้าอกเรา (ตอนนั้นเราอยู่ป.5แล้ว) แล้วพูดว่า “เมื่อไรจะโตสักทีนะ” เรานอนอยู่ตรงนั้นอีกไม่กี่คืน พ่อของพ่อเลี้ยง สั่งให้กลับขึ้นไปนอนบนบ้านใหญ่ เพราะกลัวเรากับน้องไม่สบาย พ่อของพ่อเลี้ยงเขาเอ็นดูและดีกับเรามาก เพราะเราขยันช่วยเขาทำงานทั้งงานบ้านและเลี้ยงวัว ต่อมาเราย้ายไปอยู่ที่บ้านญาติเขาอีกหลัง เพราะบ้านเขาว่าง มีอยู่วันหนึ่ง พ่อเลี้ยงเอานิ้วและเทียนไข แหย่เข้ามาที่อวัยวะเพศเรา เราโตพอจะรู้ว่านี่คือการล่วงละเมิด เราขยับหนี และพูดเสียงดัง น้องชายเราเลยตื่น เขาเลยเลิกทำไป แต่มันก็มีครั้งต่อมาอีก คืนนั้นฝนตก เขาพาเราเดินไปตามถนน เส้นทางเดียวกับที่พาวัวไปทุ่ง บอกว่าไปเอาวัวกลับบ้าน แต่เขาพาเราเดินตากฝนลุยทุ่งนา ข้ามไปอีกฟากจนไปถึงสิ่งก่อสร้างเป็นเหมือนอู่ ที่ไม่มีคนอยู่ มีห้อง เขาพาเราเข้าไปในห้อง บอกว่าหลบฝนก่อน ให้เรานอนบนเตียง แล้วเขาก็พยายามข่มขืนเรา เราดิ้นสุดแรง แล้วเขาก็หยุดทำ สักพักน่าจะเป็นเจ้าของอู่ขับรถเข้ามา เขาเลยพาเราออกทางหน้าต่างและพาเรากลับบ้าน หลังจากนั้นไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ช่วงนั้นเป็นช่วงที่แม่ไม่มาเยี่ยมเพราะท้องแก่ แล้วตอนที่แม่โทรมาบอกว่าจะมาอยู่กับเรา จนกว่าจะคลอดน้อง พ่อเลี้ยงเรียกเราไปคุยว่า เรื่องที่เขาเคยทำ ขอให้ยกโทษและไม่ให้บอกแม่ เขาบอกว่าเขาสำนึกผิดและจะไม่ทำอีก เขารักแม่เราและน้องที่กำลังจะเกิดมาก ถ้าเรารักน้องให้เราลืมเรื่องที่ผ่านมา เพื่อให้น้องมีครอบครัวอบอุ่น เราเลยปิดปากเงียบมาตลอด แม่มาอยู่กับเราจนน้องคลอดได้ไม่ถึงเดือน แม่ก็กลับไปทำงาน เราคิดถึงแม่มาก แม่บอกว่า จบป.5 จะมารับกลับไปอยู่ด้วย(แม่เราให้ความสำคัญกับการเรียนมาก)
พอเราจบป.5 แม่ก็ย้ายเรากลับไปอยู่ที่กรุงเทพด้วยกัน กลับไปครั้งนี้เราย้ายไปอยู่ที่บ้านญาติฝ่ายแม่ เขาเปิดร้านอาหาร แล้วแม่เราเป็นลูกจ้างเขา ช่วงนี้เราก็ช่วยเลี้ยงน้อง เหนื่อย แต่มีความสุขมากที่เราได้อยู่กับแม่ แต่ช่วงนี้บางทีแม่เรานั่งร้องไห้ เพราะป้าสะใภ้หาว่าแม่เราขโมยเงินหน้าร้าน เราเศร้ามากที่เห็นแม่เสียใจ
ต่อมาช่วงเกือบจบป.6 แม่เรากับพ่อเลี้ยงทะเลาะกันรุนแรงมาก แม่โดนทำร้ายตบตีอีกแล้ว เลยหนีไปนอนบ้านเพื่อน พาเราไปด้วย คืนนั้นเราตัดสินใจบอกกับแม่ว่า เคยโดนพ่อเลี้ยงทำยังไงตอนอยู่ต่างจังหวัด เพราะเราไม่อยากให้แม่กลับไปคืนดีกับเขาอีกแล้ว แม่เชื่อเราและขอโทษที่ทำให้เราต้องเจอเรื่องแบบนี้ ต่อมาไม่กี่วัน มีการทะเลาะรุนแรงอีกครั้ง เราได้ยิน แม่พูดว่า "Kuรู้แล้วนะ ว่าเคยทำอะไรลูกKu" หลังจากทะเลาะกันครั้งนี้ แม่ก็เลิกกับเขา แล้วย้ายไปทำงานกับญาติอีกคน เรายังอยู่ที่เดิม เลี้ยงน้อง 2 คน แต่มียายช่วยเลี้ยงน้องคนเล็กด้วย พอแม่เราไม่อยู่ด้วย ลุงกับป้าสะใภ้ ใช้งานเราหนักมาก วันไปโรงเรียน เราต้องตื่นตี4 กว่าๆ ช่วยเขาทำความสะอาดจัดร้านก่อน ถึงจะไปโรงเรียนได้ วันหยุดก็ทำตั้งแต่ตื่นจนเขาปิดร้านประมาณ 4โมงเย็น ตื่นมาหั่นผัก เตรียมของจัดร้าน ตักอาหาร คิดเงิน เก็บโต๊ะ ล้างจานทำทุกอย่างเหมือนเป็นลูกจ้างคนหนึ่ง แต่ไม่ได้เงิน แลกกับการอาศัยอยู่กับเขา เวลารีดเสื้อผ้าไปเรียนก็จะได้ยินเสียงบ่นว่า เปลืองไฟ ยายเราก็รักเรามาก สงสารเรามาก แต่อยู่ในฐานะที่พูดอะไรไม่ได้ เพราะลุงเข้าข้างป้าสะใภ้ ลูกพี่ลูกน้องบางทีก็ดี บางทีก็ชอบพูดว่า เราหน้าด้านมาขออาศัยบ้านเขา
เราทำงานให้ลุงหนักมาก แต่เขาไม่เคยแม้แต่จะให้ค่าขนม ตอนนั้นเรารับจ้างญาติอีกคนทำความสะอาด กวาด ถู ตึก 4 ชั้น ทุกวันศุกร์ เพื่อเงินค่าจ้าง 300 บาทไว้ใช้ไปโรงเรียนกับน้อง และรับจ้างนวดกับล้างจานให้ครูตอนพักกลางวัน ครูให้อีกวันละ 20 บาท ตอนสอบเข้าม.1 เราจัดการเองหมดทุกอย่าง และสอบเข้าโรงเรียนมีชื่อได้ พอเข้าเรียนสักพัก เราได้รับคัดเลือกเป็นเด็กในโครงการนึง เป็นโครงการที่รวมเด็กเก่งๆในหลายๆวิชา มาฝึก มาสอนเพิ่มเพื่อส่งเด็กไปแข่งเอารางวัลตามงานต่างๆ แต่สุดท้ายเราพลาดโอกาสนี้ เพราะ เด็กโครงการต้องมาเรียนก่อนเวลาปกติและกลับช้ากว่าปกติ ลุงหาว่าเรา ขี้เกียจช่วยงานที่ร้าน เลยหาเรื่องไปโรงเรียนเร็ว
เราอยู่กับลุงจนจบม.2 แม่เราแต่งงานใหม่และพาเราย้ายไปอยู่ด้วยกัน พอย้ายมาโรงเรียนใหม่ ครูเห็นว่าเราย้ายมาจากโรงเรียนมีชื่อ เลยให้ความสนใจเราเป็นพิเศษ จนเราถูกเพื่อนๆในห้องบูลลี่ต่างๆนาๆ ทั้งปี จนขึ้นม.4 มีเพื่อนใหม่ๆ ฝันร้ายเรื่องเพื่อนก็จบไป ตอนม.4 แม่เราท้องน้องอีกคน ตอนนี้อายุแม่จริงๆแล้วคือเสี่ยงที่จะมีลูก ต้องดูแลเป็นพิเศษ เราเลยต้องไปขายของที่ตลาดนัดแทนแม่ ของที่ขายจะเป็นอาหารป่าตักใส่ถุง แล้วตลาดนัดอยู่ติดกับโรงเรียน บางทีเพื่อนเดินมาเจอ ก็โดนล้อบ้าง ม.4 กับการไปขายของที่ตลาดคนเดียวมันก็เหนื่อยเหมือนกัน คือตอนเช้าเราต้องตื่นมาล้างถาดอาหารที่ขายเมื่อวานก่อนไปโรงเรียน พอเลิกเรียนแม่จ้างคนเอาอาหารมาวางที่โต๊ะให้ เราก็ขายจนถึง 2-3 ทุ่ม และเนื่องจากตลาดไม่มีหลังคา เวลาฝนตก เราก็ต้องยืนเกาะร่มไว้ ไม่งั้นลมแรงร่มจะปลิวอาหารจะเปียก กลับบ้านไปก็ต้องทำการบ้านอีก วันหยุด เราต้องตื่นเช้านั่งรถเมล์เพื่อไปซื้อวัตถุดิบที่ตลาดสะพานใหม่ พวกของสด เป็นสิบๆโล มือหิ้ว 2 ข้าง ขึ้นรถเมล์ บางทีเลือดในถุงซึมออกมา กระเป๋ารถเมล์ก็มอง เราทำแบบนี้อยู่ 2 ปี
จนขึ้นม.6 เราเลยขอแม่ไปทำงานพิเศษที่ห้างแทน เลิกเรียนไปทำงาน จนถึง 4 ทุ่ม หัวหน้าที่ทำงาน สงสารเรา เลยให้เราเข้าทุกวันเพื่อให้ได้เงินเยอะ เราก็โดนเพื่อนร่วมงานบางคนเขม่นอีก พอจบม.6 เราได้โควต้าวิศวะ แต่แม่ไม่มีเงินให้เราไปเรียน และไม่อยากให้เราอยู่หอ เราเลยต้องเรียนมหาลัยเอกชนใกล้บ้านที่ไปกลับได้ และเขาให้เรียนฟรีก่อน ทำเรื่องกยศ. ตอนเราเข้ามหาลัย ก็ยังทำงานพิเศษจนเรียนจบ ตอนเช้าไปเรียนต้องหิ้วถุงใส่ชุดสำหรับเปลี่ยนทำงานไปด้วย เงินที่ทำงานได้ เราไม่ได้เก็บเป็นเงินเก็บ เราให้แม่ทั้งหมด และแม่ก็ให้เราไปมหาลัยอีกที เราเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับ2
ปัจจุบัน เรามีคู่ชีวิตที่ดี แต่มันจะมีปัญหาเรื่องที่เราไม่ชอบการมีเพศสัมพันธ์ เพราะเหตุการณ์ฝังใจในวัยเด็ก แต่เราก็ไม่กล้าบอกเขา ทำให้บางครั้งก๖องมาทะเลาะกันเรื่องที่เราเป็นคนตายด้าน และเราจะเป็นคนที่คิดมาก วิตกกังวล แม้กับเรื่องเล็กน้อย บางครั้งเราไม่สามารถจัดการอารมณ์ได้ มีเรื่องกระทบจิตใจนิดหน่อยเราก็ร้องไห้ บางทีเราก็ไม่อยากจะทำอะไร เพราะรู้สึกว่าเหนื่อยมาเยอะแล้ว ไม่มีพลังกายพลังใจคิดอะไรใหม่ๆเลย
ใครเคยมีชีวิตวัยเด็กที่ไม่ราบรื่นเหมือนเราบ้างคะ คุณมีวิธีจัดการกับความรู้สึกต่อเรื่องนั้นยังไงบ้าง ?
เท่าที่เราจำความได้ ช่วงอนุบาล เราก็คงมีชีวิตเหมือนเด็กทั่วๆไป แต่เราย้ายบ้านและย้ายโรงเรียนบ่อย เรามารู้ทีหลังก็คือ พ่อเราติดยา แต่พ่อเราดีกับเรามาก จำได้ว่าไม่เคยโดนพ่อดุหรือตีเลยสักครั้ง และพ่อกับแม่เราก็ช่วยกันทำงาน อยู่กันแบบบ้านๆ จนช่วงป.1 พ่อเราล้มป่วย แม่ทำงานคนเดียว ดูแลพ่อ และเลี้ยงน้องด้วย ช่วงนั้นน่าจะเป็นครั้งแรกที่เราเริ่มมีความวิตกกังวล ไม่สดใส รู้สึกถึงความไม่ปกติ ไม่นานพ่อเราก็เสียค่ะ เสียด้วยโรคเอดส์ เพราะใช้เข็มฉีดยาฉีดสารเสพติดร่วมกับคนอื่น (โชคดีมากที่แม่เราไม่ติดเพราะแม่บอกว่า ตั้งแต่คลอดน้อง แม่กับพ่อไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กันเลย)
จากนั้นแม่พาเรากับน้องย้ายมาอยู่กรุงเทพ เช่าห้องอยู่กัน และแม่ไปทำงานรับจ้างกับญาติ แม่เราทำงานหนักมาก คือโดนญาติเอาเปรียบมากๆ ต้องทำงานตั้งแต่ตี4 ถึง 5 ทุ่ม เท่ากับว่าเราเป็นเด็กป.2 ที่ต้องจัดการเองทุกอย่าง ตั้งแต่ทำงานบ้าน ซักผ้า พาน้องไปโรงเรียน หาข้าวกินเอง ต่อมาไม่นานมีคนมาตามจีบแม่ เขาดีกับแม่กับเราและน้องมาก สุดท้ายแม่ก็ลงเอยกับเขา พออยู่กันไปสักพัก เขาเริ่มเปลี่ยนนิสัย เป็นคนโมโหง่ายมาก ชอบทำร้ายตบตีแม่เรา และในคืนหนึ่ง เขาชวนแม่เราทะเลาะและทำร้าย เราเข้าไปขวาง เราเลยโดนต่อยที่ตาอย่างแรง แต่แม่ก็ไม่เลิกกับเขา เราไม่รู้ว่าแม่เราโดนข่มขู่หรือเปล่า ซึ่งเราไม่เคยถามเรื่องนี้ ต่อมาแม่เราท้อง แล้วโดนญาติบังคับให้ไปทำแท้ง ไม่อย่างนั้นจะไม่ให้งานทำ
แม่เราไม่ยอมทำแท้ง เลยพาเรากับน้อง หนีไปอยู่ที่บ้านญาติของพ่อเลี้ยงที่ต่างจังหวัด แม่เราอุ้มท้องไปทำงานที่กรุงเทพเราอยู่กับพ่อเลี้ยง และน้องชาย ที่บ้านเขาเลี้ยงวัวหลายสิบตัว วันหยุดเราเลยมีหน้าที่ ต้องออกไปเลี้ยงวัว พาวัวเดินไปที่ทุ่ง อยู่ที่ทุ่งนา ตั้งแต่เช้าจนเย็น ตอนนั้นเราตัวดำมาก และเคยเป็นลมที่ทุ่งนาตอนแรกๆที่เราไปอยู่ เราก็นอนในบ้านใหญ่ ลักษณะเป็นบ้านกว้างๆ ไม่มีกั้นห้อง มีพ่อกับแม่ของพ่อเลี้ยง นอนอยู่ที่มุมนึง และเรา น้อง พ่อเลี้ยงนอนอีกมุมนึง ต่อมาพ่อเลี้ยงพาเราลงไปนอนที่คล้ายๆยุ้งฉาง เป็นที่ๆที่เขาเลี้ยงไก่ ไม่มีหลังคา คืนที่2 ที่ไปนอนที่นั่น พ่อเลี้ยงเอามือมาจับที่หน้าอกเรา (ตอนนั้นเราอยู่ป.5แล้ว) แล้วพูดว่า “เมื่อไรจะโตสักทีนะ” เรานอนอยู่ตรงนั้นอีกไม่กี่คืน พ่อของพ่อเลี้ยง สั่งให้กลับขึ้นไปนอนบนบ้านใหญ่ เพราะกลัวเรากับน้องไม่สบาย พ่อของพ่อเลี้ยงเขาเอ็นดูและดีกับเรามาก เพราะเราขยันช่วยเขาทำงานทั้งงานบ้านและเลี้ยงวัว ต่อมาเราย้ายไปอยู่ที่บ้านญาติเขาอีกหลัง เพราะบ้านเขาว่าง มีอยู่วันหนึ่ง พ่อเลี้ยงเอานิ้วและเทียนไข แหย่เข้ามาที่อวัยวะเพศเรา เราโตพอจะรู้ว่านี่คือการล่วงละเมิด เราขยับหนี และพูดเสียงดัง น้องชายเราเลยตื่น เขาเลยเลิกทำไป แต่มันก็มีครั้งต่อมาอีก คืนนั้นฝนตก เขาพาเราเดินไปตามถนน เส้นทางเดียวกับที่พาวัวไปทุ่ง บอกว่าไปเอาวัวกลับบ้าน แต่เขาพาเราเดินตากฝนลุยทุ่งนา ข้ามไปอีกฟากจนไปถึงสิ่งก่อสร้างเป็นเหมือนอู่ ที่ไม่มีคนอยู่ มีห้อง เขาพาเราเข้าไปในห้อง บอกว่าหลบฝนก่อน ให้เรานอนบนเตียง แล้วเขาก็พยายามข่มขืนเรา เราดิ้นสุดแรง แล้วเขาก็หยุดทำ สักพักน่าจะเป็นเจ้าของอู่ขับรถเข้ามา เขาเลยพาเราออกทางหน้าต่างและพาเรากลับบ้าน หลังจากนั้นไม่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ช่วงนั้นเป็นช่วงที่แม่ไม่มาเยี่ยมเพราะท้องแก่ แล้วตอนที่แม่โทรมาบอกว่าจะมาอยู่กับเรา จนกว่าจะคลอดน้อง พ่อเลี้ยงเรียกเราไปคุยว่า เรื่องที่เขาเคยทำ ขอให้ยกโทษและไม่ให้บอกแม่ เขาบอกว่าเขาสำนึกผิดและจะไม่ทำอีก เขารักแม่เราและน้องที่กำลังจะเกิดมาก ถ้าเรารักน้องให้เราลืมเรื่องที่ผ่านมา เพื่อให้น้องมีครอบครัวอบอุ่น เราเลยปิดปากเงียบมาตลอด แม่มาอยู่กับเราจนน้องคลอดได้ไม่ถึงเดือน แม่ก็กลับไปทำงาน เราคิดถึงแม่มาก แม่บอกว่า จบป.5 จะมารับกลับไปอยู่ด้วย(แม่เราให้ความสำคัญกับการเรียนมาก)
พอเราจบป.5 แม่ก็ย้ายเรากลับไปอยู่ที่กรุงเทพด้วยกัน กลับไปครั้งนี้เราย้ายไปอยู่ที่บ้านญาติฝ่ายแม่ เขาเปิดร้านอาหาร แล้วแม่เราเป็นลูกจ้างเขา ช่วงนี้เราก็ช่วยเลี้ยงน้อง เหนื่อย แต่มีความสุขมากที่เราได้อยู่กับแม่ แต่ช่วงนี้บางทีแม่เรานั่งร้องไห้ เพราะป้าสะใภ้หาว่าแม่เราขโมยเงินหน้าร้าน เราเศร้ามากที่เห็นแม่เสียใจ
ต่อมาช่วงเกือบจบป.6 แม่เรากับพ่อเลี้ยงทะเลาะกันรุนแรงมาก แม่โดนทำร้ายตบตีอีกแล้ว เลยหนีไปนอนบ้านเพื่อน พาเราไปด้วย คืนนั้นเราตัดสินใจบอกกับแม่ว่า เคยโดนพ่อเลี้ยงทำยังไงตอนอยู่ต่างจังหวัด เพราะเราไม่อยากให้แม่กลับไปคืนดีกับเขาอีกแล้ว แม่เชื่อเราและขอโทษที่ทำให้เราต้องเจอเรื่องแบบนี้ ต่อมาไม่กี่วัน มีการทะเลาะรุนแรงอีกครั้ง เราได้ยิน แม่พูดว่า "Kuรู้แล้วนะ ว่าเคยทำอะไรลูกKu" หลังจากทะเลาะกันครั้งนี้ แม่ก็เลิกกับเขา แล้วย้ายไปทำงานกับญาติอีกคน เรายังอยู่ที่เดิม เลี้ยงน้อง 2 คน แต่มียายช่วยเลี้ยงน้องคนเล็กด้วย พอแม่เราไม่อยู่ด้วย ลุงกับป้าสะใภ้ ใช้งานเราหนักมาก วันไปโรงเรียน เราต้องตื่นตี4 กว่าๆ ช่วยเขาทำความสะอาดจัดร้านก่อน ถึงจะไปโรงเรียนได้ วันหยุดก็ทำตั้งแต่ตื่นจนเขาปิดร้านประมาณ 4โมงเย็น ตื่นมาหั่นผัก เตรียมของจัดร้าน ตักอาหาร คิดเงิน เก็บโต๊ะ ล้างจานทำทุกอย่างเหมือนเป็นลูกจ้างคนหนึ่ง แต่ไม่ได้เงิน แลกกับการอาศัยอยู่กับเขา เวลารีดเสื้อผ้าไปเรียนก็จะได้ยินเสียงบ่นว่า เปลืองไฟ ยายเราก็รักเรามาก สงสารเรามาก แต่อยู่ในฐานะที่พูดอะไรไม่ได้ เพราะลุงเข้าข้างป้าสะใภ้ ลูกพี่ลูกน้องบางทีก็ดี บางทีก็ชอบพูดว่า เราหน้าด้านมาขออาศัยบ้านเขา
เราทำงานให้ลุงหนักมาก แต่เขาไม่เคยแม้แต่จะให้ค่าขนม ตอนนั้นเรารับจ้างญาติอีกคนทำความสะอาด กวาด ถู ตึก 4 ชั้น ทุกวันศุกร์ เพื่อเงินค่าจ้าง 300 บาทไว้ใช้ไปโรงเรียนกับน้อง และรับจ้างนวดกับล้างจานให้ครูตอนพักกลางวัน ครูให้อีกวันละ 20 บาท ตอนสอบเข้าม.1 เราจัดการเองหมดทุกอย่าง และสอบเข้าโรงเรียนมีชื่อได้ พอเข้าเรียนสักพัก เราได้รับคัดเลือกเป็นเด็กในโครงการนึง เป็นโครงการที่รวมเด็กเก่งๆในหลายๆวิชา มาฝึก มาสอนเพิ่มเพื่อส่งเด็กไปแข่งเอารางวัลตามงานต่างๆ แต่สุดท้ายเราพลาดโอกาสนี้ เพราะ เด็กโครงการต้องมาเรียนก่อนเวลาปกติและกลับช้ากว่าปกติ ลุงหาว่าเรา ขี้เกียจช่วยงานที่ร้าน เลยหาเรื่องไปโรงเรียนเร็ว
เราอยู่กับลุงจนจบม.2 แม่เราแต่งงานใหม่และพาเราย้ายไปอยู่ด้วยกัน พอย้ายมาโรงเรียนใหม่ ครูเห็นว่าเราย้ายมาจากโรงเรียนมีชื่อ เลยให้ความสนใจเราเป็นพิเศษ จนเราถูกเพื่อนๆในห้องบูลลี่ต่างๆนาๆ ทั้งปี จนขึ้นม.4 มีเพื่อนใหม่ๆ ฝันร้ายเรื่องเพื่อนก็จบไป ตอนม.4 แม่เราท้องน้องอีกคน ตอนนี้อายุแม่จริงๆแล้วคือเสี่ยงที่จะมีลูก ต้องดูแลเป็นพิเศษ เราเลยต้องไปขายของที่ตลาดนัดแทนแม่ ของที่ขายจะเป็นอาหารป่าตักใส่ถุง แล้วตลาดนัดอยู่ติดกับโรงเรียน บางทีเพื่อนเดินมาเจอ ก็โดนล้อบ้าง ม.4 กับการไปขายของที่ตลาดคนเดียวมันก็เหนื่อยเหมือนกัน คือตอนเช้าเราต้องตื่นมาล้างถาดอาหารที่ขายเมื่อวานก่อนไปโรงเรียน พอเลิกเรียนแม่จ้างคนเอาอาหารมาวางที่โต๊ะให้ เราก็ขายจนถึง 2-3 ทุ่ม และเนื่องจากตลาดไม่มีหลังคา เวลาฝนตก เราก็ต้องยืนเกาะร่มไว้ ไม่งั้นลมแรงร่มจะปลิวอาหารจะเปียก กลับบ้านไปก็ต้องทำการบ้านอีก วันหยุด เราต้องตื่นเช้านั่งรถเมล์เพื่อไปซื้อวัตถุดิบที่ตลาดสะพานใหม่ พวกของสด เป็นสิบๆโล มือหิ้ว 2 ข้าง ขึ้นรถเมล์ บางทีเลือดในถุงซึมออกมา กระเป๋ารถเมล์ก็มอง เราทำแบบนี้อยู่ 2 ปี
จนขึ้นม.6 เราเลยขอแม่ไปทำงานพิเศษที่ห้างแทน เลิกเรียนไปทำงาน จนถึง 4 ทุ่ม หัวหน้าที่ทำงาน สงสารเรา เลยให้เราเข้าทุกวันเพื่อให้ได้เงินเยอะ เราก็โดนเพื่อนร่วมงานบางคนเขม่นอีก พอจบม.6 เราได้โควต้าวิศวะ แต่แม่ไม่มีเงินให้เราไปเรียน และไม่อยากให้เราอยู่หอ เราเลยต้องเรียนมหาลัยเอกชนใกล้บ้านที่ไปกลับได้ และเขาให้เรียนฟรีก่อน ทำเรื่องกยศ. ตอนเราเข้ามหาลัย ก็ยังทำงานพิเศษจนเรียนจบ ตอนเช้าไปเรียนต้องหิ้วถุงใส่ชุดสำหรับเปลี่ยนทำงานไปด้วย เงินที่ทำงานได้ เราไม่ได้เก็บเป็นเงินเก็บ เราให้แม่ทั้งหมด และแม่ก็ให้เราไปมหาลัยอีกที เราเรียนจบด้วยเกียรตินิยมอันดับ2
ปัจจุบัน เรามีคู่ชีวิตที่ดี แต่มันจะมีปัญหาเรื่องที่เราไม่ชอบการมีเพศสัมพันธ์ เพราะเหตุการณ์ฝังใจในวัยเด็ก แต่เราก็ไม่กล้าบอกเขา ทำให้บางครั้งก๖องมาทะเลาะกันเรื่องที่เราเป็นคนตายด้าน และเราจะเป็นคนที่คิดมาก วิตกกังวล แม้กับเรื่องเล็กน้อย บางครั้งเราไม่สามารถจัดการอารมณ์ได้ มีเรื่องกระทบจิตใจนิดหน่อยเราก็ร้องไห้ บางทีเราก็ไม่อยากจะทำอะไร เพราะรู้สึกว่าเหนื่อยมาเยอะแล้ว ไม่มีพลังกายพลังใจคิดอะไรใหม่ๆเลย