🐶🐕🐱 THE GLOVES 2020 ถุงมือเรื่องสั้น # 12 สัปดาห์ที่ 5 : 27-31 กรกฎาคม "ลาภปาก" โดย ถุงมือปลอดเชื้อ 🐱🐕🐶

กระทู้คำถาม
ถุงมือเรื่องสั้น เรื่องที่ 3 ปิดท้ายสำหรับสัปดาห์นี้ครับ ^^

เรื่องนี้มีความดราม่าพอสมควร เรื่องราวของเด็กนักเรียนสาวผู้หลงความฟุ้งเฟ้อแต่มาจากครอบครัวยากจน ความอยากได้อยากมี อยากสวย ทำให้ต้องยอมเอาตัวเข้าแลกเพื่อให้ได้มา แต่สิ่งที่เธอได้เงินแล้วซื้อมาและทำให้เธอมีใจรักและผูกพันมากที่สุดคือ น้องหมาตัวหนึ่ง พอโตขึ้น เจ้าหมาก็กลายเป็นหมาดุและสร้างความเดือดร้อนให้ทางบ้านทางครอบครัว จนทางบ้านไม่ไหว บอกให้เอาไปปล่อยหรือให้คนอื่นเลี้ยงซะ!

เรื่องจะจบลงอย่างไร ตามมาอ่านกันครับ ^^ อมยิ้ม04อมยิ้ม50

ลูกสุนัขอายุไม่เกินหนึ่งเดือนตัวนั้นหมอบอยู่ข้างกล่องกระดาษที่มีจานพลาสติกใส่เศษขนมปังวางอยู่ใกล้ๆ ขนยาวของมันเป็นสีขาวแต้มรอยด่างสีเทาอ่อนทั่วทั้งตัวรวมทั้งหาง มันคือตัวช่วยสร้างบรรยากาศภายในห้องแคบๆ นั้นให้ดีขึ้น ห้องที่มีเพียงเตียงนอนหลังหนึ่ง ม้านั่งหน้ากระจกเงา และตู้เย็นเล็กๆ กับห้องน้ำที่อวลไปด้วยกลิ่นน้ำหอมจากวัตถุที่บรรจุในกล่องพลาสติกที่แขวนบนราวผ้าข้างผนัง

“ชอบมั้ย ?” ชายวัยหกสิบเศษผิวสองสี บนศีรษะมีเส้นผมปกคลุมเฉพาะครึ่งล่าง นัยน์ตายิ้มพรายขณะถามอีกฝ่ายที่ยืนห่างออกไปเพียงช่วงแขน

เด็กสาวร่างเล็กในเครื่องแบบนักเรียนมัธยมไว้ผมทรงหน้าม้าหลบสายตาเขาด้วยความขวยเขิน เธอพยักหน้าน้อยๆ ใจเต้นแรงขึ้นเมื่อสบนัยน์ตาคมวาวที่ทอดมาอย่างสำรวจตรวจตราของเขาคู่นั้น

“อาบน้ำสิ” เขาเอ่ยคล้ายออกคำสั่ง พร้อมเอื้อมไปหยิบผ้าขนหนูที่ปลายเตียงมาส่งให้จนถึงมือพร้อมกับกุมมือของเธอเอาไว้ขณะพูดด้วยเสียงกระซิบ

“หรือจะให้อาบให้ ?”

เด็กสาวสะเทิ้นอาย ไม่ตอบ รับผ้ามาแล้วค่อยๆ หมุนตัวเดินไปที่ประตูห้องน้ำช้าๆ เมื่อเธอผลักประตูก้าวเข้าไป เขาก็เดินไปถึงและจับบานประตูไว้เพื่อเบี่ยงตัวตามเข้าไปด้วย ลูกสุนัขลุกขึ้นยืนและเดินสำรวจกลิ่นตามพื้นไปทางเดียวกับเขาและเธอ มันตามไปจนถึงหน้าห้องน้ำที่ยังไม่ได้ปิดประตู มีเสียงหัวเราะและเสียงกระซิบกระซาบอยู่ภายใน สุนัขตัวน้อยก้าวขาสั้นๆ ของมันลงไปที่พื้นระหว่างรอยแง้มของบานประตู พร้อมทำจมูกฟุดฟิด แต่แล้วก็มีเสียงผู้ชายไล่มันออกมา แล้วบานประตูก็ถูกผลักปิดตามหลัง

แว่วเสียงหัวเราะดังขึ้นอีกครั้ง ติดตามด้วยเสียงน้ำจากฝักบัวราดรดลงบนพื้น กับเสียงพึมพำบางอย่าง เจ้าสี่ขาเดินตุปัดตุเป๋เข้าไปใต้เตียงแล้วโผล่ออกไปนอนหมอบที่ข้างจานขนม มันส่งเสียงงี้ดง้าด สองสามครั้ง เมื่อไม่เห็นว่ามีความเคลื่อนไหวใดๆ อีก มันจึงหยุดร้องและค่อยๆ หลับไป

เมื่อพ่อถาม เด็กสาวเพียงแต่ตอบสั้นๆ ว่าได้ลูกสุนัขมาจากเพื่อน เธอตั้งชื่อมันว่า “ฮันนี่” มันเป็นเพศเมียพันธุ์ผสมบางแก้วซึ่งเธอให้เหตุผลกับพ่อว่าอยากให้ช่วยเฝ้าบ้านแทนตัวเก่าที่ตายลง โดยเฉพาะยามกลางวันที่ไม่มีคนอยู่ พ่อถามว่าจะเลี้ยงมันด้วยอะไรแล้วก็ไม่พูดต่อ ที่จริงเธออยากให้พ่อถาม หรือพูดคุยอะไรก็ได้ เพราะหลังจากที่แม่แยกออกไปอยู่คนเดียวในห้องเล็กๆ ที่บ้านยายตรงริมถนนเมื่อหลายเดือนมาแล้ว พ่อก็ยิ่งเงียบขรึมลงไป ยายที่เคยเดินมาหาก็เว้นระยะห่างจากเดิม มีตาที่เดินมาบ้างแต่ก็เพียงแค่เมียงมองๆ แล้วก็ผละไปทางทุ่งนาฝั่งตะวันตก บ้านน้อยในทุ่งของเธอจึงแสนเงียบเชียบผิดจากก่อน เงียบกระทั่งเธอเคยได้เสียงน้ำหยดจากปลายก๊อกลงในโอ่งข้างครัวในบางวันที่อยู่บ้านคนเดียว

พี่สาววัยยี่สิบของเธอทำงานในนิคมอุตสาหกรรมที่ตัวจังหวัด สัปดาห์หนึ่งกลับมาเพียงครั้งเดียวหรือบางทีก็ไม่กลับทั้งที่มีรถยนต์คันเล็กๆ มือสองที่พ่อซื้อต่อจากเพื่อนมาให้ใช้ตั้งแต่เรียนจบสถาบันอาชีวศึกษาแห่งหนึ่ง และพี่สาวก็ไม่ใช่คนช่างพูดเอาเสียเลย เหมือนกันกับแม่ที่พูดน้อยมากในลักษณะถามคำตอบคำ มีก็แต่รอยยิ้มที่ติดเอาความขวยอายใส่เข้าไปด้วยแทบทุกครั้ง
    
เด็กสาวไม่เข้าใจว่าทำไมแม่จึงทำตัวห่างเหินจากพ่อ และเลือกใช้ชีวิตราวกับสาวโสด นับแต่เธอขึ้นชั้นมัธยมต้นเมื่อสามปีก่อน แต่ก็ไม่มีใครกล้าพูดหรือซักถามอะไร ตั้งแต่พ่อที่ปกติเป็นคนใช้รอยยิ้มแทนคำพูด ยายที่ไม่ค่อยสุงสิงกับแม่นัก หรือแม้แต่ตาที่น่าจะเป็นคนถามมากที่สุด ดังนั้น หลายเรื่องที่เกี่ยวข้องกับชีวิตของตนเอง เด็กสาวจึงเลือกที่จะตัดสินใจและจัดการด้วยตัวของเธอเอง

เด็กสาวรับรู้เพียงว่า ถึงวันหนึ่งเมื่อเงินเดือนของพ่อซึ่งเป็นลูกจ้างหน่วยงานระดับอำเภอไม่ได้มากพอที่จะทำให้ทุกคนในบ้านสุขสบายได้ แม่จึงออกไปทำงานนอกบ้านอีกคนที่ร้านค้าใหญ่ในตัวอำเภอ และนับแต่นั้นแม่ก็เริ่มห่างพ่อไปเรื่อยๆ จนเลือกตัดสินใจไปทำงานดูแลคนป่วยที่กรุงเทพฯในอีกเกือบปีต่อมา และได้แต่ส่งเงินมาให้ลูกๆ เพราะไม่มีเวลาปลีกตัวกลับมาบ้านได้ ท่ามกลางข่าวลือว่าแม่มีคู่รักใหม่

แม่เป็นผู้หญิงร่างเล็กสมส่วน ผิวขาว สิ่งที่โดดเด่นในตัวแม่คือ เสื้อผ้าสีสดใสกับลิปสติกสีหวานบนริมฝีปากยามออกนอกบ้าน ตั้งแต่รู้ความ เธอโปรดปรานกระเป๋าใส่เครื่องสำอางของแม่ รื้อออกมาดูและทดลองใช้ และมักออดอ้อนให้ซื้อชุดกระโปรงสีชมพู สีเหลือง สายสร้อย พร้อมกำไลข้อมือกับต่างหู โดยที่พ่อและแม่แทบไม่เคยขัดใจ และเมื่อถึงยามแรกรุ่น เสื้อผ้ากับรองเท้าของเธอจึงมีมากมายเกือบเท่าของแม่

เมื่อแต่งตัวสวย เด็กสาวก็อยากขี่จักรยานยนต์ออกไปหาเพื่อนตามหมู่บ้านในชุดสวยๆ เหล่านั้น เหตุผลเกี่ยวกับการเรียนทำให้พ่อต้องหาจักรยานยนต์มาไว้ให้เธอใช้เดินทางไปโรงเรียนที่ต่างตำบลอีกคันหนึ่ง โดยที่พ่อยอมเพิ่มเวลาทำงานในวันหยุดด้วย ทั้งที่ในความเป็นจริง เรื่องของบทเรียนหรือการบ้านกลับไม่ได้มีความหมายเท่ากับเสียงหยอกเย้าจากเพื่อนๆ ในกลุ่มเดียวกัน ก็ในเมื่อบ้านเงียบเชียบอย่างนั้น เธอต้องการเสียงต่างหาก เสียงและสีสันในชีวิต อย่างสีหวานๆ ของเสื้อยืดรัดรูป กระโปรงยีนเหนือเข่า และสีของลิปสติกกับบรัชออนบนเสี้ยวแก้มขาวๆ ของตนเอง

เธอรู้สึกภาคภูมิและเป็นสุขเสมอกับการเป็นเป้าสายตาของใครหลายคน โดยเฉพาะนัยน์ตาวาววับจากเพศตรงข้ามที่คอยแต่จะเผยรอยแย้มยิ้มฝากมาด้วยความหมายพิเศษ

“อีตัวเล็กนี่เที่ยวเก่งเอาแท้ๆ”

ยายว่ากับใครๆ อย่างนั้น และไม่เคยห้ามปรามอะไรได้ และยายอาจจะรู้หรือไม่รู้ก็ได้ว่า ถึงวันหนึ่งชุดสวยสะดุดตาที่เด็กสาวสวมใส่ได้ถูกถอดออกด้วยมือของเพื่อนชายที่กร้านโลกและสนใจสิ่งอื่นมากกว่าตำราเรียน ปีนั้นเธอสอบตก และต่อมาได้ทำเรื่องย้ายโรงเรียนด้วยตนเองโดยมีลายมือชื่อของพ่อกับแม่รับรองในเอกสารที่แสดงต่ออาจารย์ใหญ่ของสถาบันใหม่ที่ไม่ไกลจากเดิมมากนัก

บางคนว่าเธอมั่วสุมกับเพื่อนในกลุ่มที่พัวพันกับยาเสพติด บ้างก็ว่าอาจกำลังตั้งครรภ์ แต่สิ่งที่คนบางกลุ่มได้ล่วงรู้ในเวลาต่อมาก็คือ เธอก้าวลงจากรถยนต์ของชายสูงวัยในหมู่บ้านเดียวกันที่เป็นอดีตผู้นำและมีกิตติศัพท์ในทางปรนเปรอเงินแก่เด็กสาวเพื่อสนองรสสวาทตนเองในสายวันหนึ่งก่อนถึงรั้วประตูโรงเรียน
  
มันคือรถกระบะสีน้ำเงินสองประตูที่เพิ่มพื้นที่นั่งในตอนหน้าแต่ปิดทึบด้วยโลหะที่เชื่อมต่อกับโครงหลังคาสูงเพื่อให้คนนั่งโดยสารไปและกลับจากโรงงานในเขตรอยต่อกับอำเภอใหญ่ คงไม่มีใครคิดว่า หลายต่อหลายครั้งที่ภายในนั้นก็คือสถานที่เสพสุขชั่วคราวระหว่างชายเจ้าของรถกับเด็กสาวที่เพิ่งขึ้นชั้นมัธยมสี่อย่างเธอ
  
ความสัมพันธ์ระหว่างเด็กสาวกับชายสูงวัยดำเนินไปโดยที่ครอบครัวของเธอไม่อาจล่วงรู้ แต่ละครั้งของการปล่อยให้เนื้อตัวเป็นที่ตักตวงเพื่อเติมเต็มความใคร่ของชายสูงวัยผู้นี้มีค่าเป็นสิ่งตอบแทนที่ล้วนเป็นที่ต้องใจของเด็กสาวยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นธนบัตร เสื้อผ้า อาหาร ข้าวของเครื่องใช้ รวมทั้งเจ้าฮันนี่ที่เธอยอมรับว่าผูกพันกับมันมากกว่าเขาเสียอีก เพราะมันคือสิ่งมีชีวิตสิ่งเดียวในบ้านที่อยู่กับเธอมากที่สุด มันโตวันโตคืนจนร่างขยายใหญ่และสูงขึ้นผิดตา ขนนุ่มฟูสีสะอาดตาของมันชวนให้สัมผัส เธอเลี้ยงมันด้วยอาหารสำเร็จรูปที่บอกพ่อว่าฝากเพื่อนซื้อในตัวเมือง ยายเริ่มออกปากว่า ตอนกลางวันมันชอบวิ่งไล่กัดไก่ที่หลังบ้านลุงกับป้า และเคยคาบนกมากัดแทะด้วย

“ต้องหาตะกร้อครอบปากซะละมั้ง” ยายเปรยกับพ่อของเธอในวันหนึ่งที่เดินมาพบกันตรงหน้าบ้าน

เมื่อเจ้าฮันนี่อายุได้สี่เดือนเศษ พ่อพาเธอที่อุ้มมันขึ้นรถไปฉีดวัคซีนที่บ้านสัตวบาลในหมู่บ้าน ร่างผอมสูงของเขาที่เดินนำหน้าอยู่ในชุดเสื้อยืดสีแสดกับกางเกงสีดำที่เลอะดินโคลนเป็นหย่อมๆ อันเนื่องมาจากการทำงาน ส่วนเด็กสาวสวมเสื้อแขนกุดสีฟ้ากับกางเกงขาสั้นรัดรูปสีขาว ใส่รองเท้าส้นหนาอย่างนางแบบที่เธอเคยเห็นในโทรทัศน์ และอุ้มหมาไว้ในอ้อมอกราวกับมันเป็นเด็กเล็กๆ เมื่อหมาแลบลิ้นเลียใบหน้า เธอก็เบี่ยงหน้าหนีพร้อมหวีดร้องเสียงแหลมก่อนส่งเสียงหัวเราะคิกคัก

“เลอะน้ำลายหมดแล้วฮันนี่”
          
ผ่านไปไม่ถึงสองเดือน ยังไม่ทันที่เจ้าฮันนี่จะถูกตะกร้อครอบปาก เด็กสาวก็ต้องนั่งรถไปโรงพยาบาลในอำเภอกับพ่อพร้อมแม่ค้าเร่ที่ผ่านหน้าบ้านยายแล้วถูกเจ้าฮันนี่งับที่ข้อเท้าจนเลือดออก

“ฉันเห็นมันงามดี คิดว่าไม่รู้จักกัดคน เอ๊า ! พอจะเดินเข้าไปหายายตรงหน้าบ้าน มันกระโจนเข้าใส่จนฉันหัวคะมำเลย”

แม่ค้าข้าวหมากที่ถีบจักรยานผ่านหน้าบ้านยายของเด็กสาวเล่าเสียงสั่นขณะนั่งรอเรียกชื่อที่หน้าห้องฉุกเฉิน สีหน้าของคนเป็นพ่อไม่สู้ดีนัก เขาชำเลืองมองนาฬิกาที่ผนังแล้วหันมามองหน้าลูกสาว ส่วนเธอยังคงนั่งมองโทรศัพท์ในมือและกดปุ่มต่างๆ ด้วยปลายนิ้วอย่างว่องไว และนั่นเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เจ้าฮันนี่ต้องมีตะกร้อสวมปากในเวลาต่อมา

ฟ้ามืดแล้วเมื่อเด็กสาวจอดจักรยานยนต์ไว้ในชายคาบ้าน พ่อยังไม่กลับ เจ้าฮันนี่ถลาเข้าไปตะกุยตะกายรอบๆ กระโปรงของเธอ มันดีอกดีใจที่เธอพยายามจะอุ้มมันขึ้นมาแม้จะทำได้ไม่ถนัดเพราะตัวมันโตกว่าเก่าจนเห็นได้ชัด

“ทำไมมาถึงค่ำนัก ?”

เสียงยายดังขึ้นก่อนที่ร่างจะโผล่เข้ามาในแสงไฟบริเวณหน้าบ้าน หน้าตาของยายยับย่นมากกว่าที่เคย เธอไม่สบตายายเมื่อปล่อยเจ้าฮันนี่ลงเดิน ก่อนหันไปคว้าถุงกระดาษจากตะแกรงหน้ารถทำท่าเดินเข้าบ้าน

“ถุงอะไรนั่น ?”

“ชุดพละ”

เด็กสาวตอบคำถามโดยไม่ได้เหลียวกลับมามองยาย และถ้ายายจะถามต่อ เธอก็มีคำตอบให้ได้ทุกคำถาม รวมทั้งเรื่องเงินๆ ทองๆ ที่ยายมักซักไซ้มากเป็นพิเศษ

“เอ็งยกหมาให้คนอื่นไปซะ เลิกเลี้ยงเสียที วันนี้มันกัดไก่ชนของไอ้เบิ้มตายไปอีกตัวแล้ว เขาทำท่าขอเงินจากข้า มันเรื่องอะไร ? ต้องมาคุยกับพ่อเอ็งถึงจะถูก”

เธอเดินออกมามองดูยายด้วยอาการตกตะลึง ส่วนเจ้าตัวที่ถูกพูดถึงกำลังยืนเพ่งจิ้งจกที่หล่นจากใต้หลังคาลงไปอยู่บนพื้น ก่อนจะเดินเข้าไปหมายสำรวจดู แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะอีกฝ่ายคลานหนีไปอย่างรวดเร็ว

“หมาบางแก้วมันดุจะตายโหง ไม่น่าเอามาเป็นภาระของข้าเลย”

เด็กสาวหน้าม่อย นึกอาลัยเจ้าฮันนี่ที่เลี้ยงมาแต่ยังตัวกระจ้อยร่อย และนึกไปถึงหน้าคนที่ไปหาซื้อมันมาให้ในราคาที่ไม่น้อยเลย ไม่รู้เขาจะต่อว่าเธออย่างไรบ้าง

คำตอบที่เธอได้รับในการนัดพบกับเขาในเย็นวันถัดมากลับผิดคาด เพราะพลันประตูรถถูกดึงปิด ร่างเล็กๆ ของเธอก็ถูกรวบเข้าไปหาร่างของเขาทันควัน เธอพยายามปัดป้องเพื่อหวังบอกเล่าสิ่งที่เก็บงำในใจ

“ทำไม ? มีอะไรรึ ?” เขาถามพลางปลดกระดุมเสื้อเม็ดแรกของเธอด้วยอาการร้อนรน

“ฮันนี่มันกัดคนแล้ว กัดไก่ตายด้วย ยายไม่อยากให้เลี้ยง”

ฝ่ายผู้สูงวัยยังคงสาละวนกับเนื้อตัวของเธอที่อยู่ตรงหน้า บางทีเธออาจจะอ่อนวัยกว่าหลานสาวของเขาเพียงไม่กี่ปี ดวงตาคู่นั้นหรี่ปรือเมื่อออกแรงทึ้งเสื้อสีขาวแขนสั้นตัวนั้นออกไป เสื้อนักเรียน มันคือสิ่งกระตุ้นอารมณ์ชั้นดีของเขาในแต่ละครั้งที่ยอมแลกมันมาด้วยเงินจำนวนหนึ่ง

ก่อนที่เขาจะก้มศีรษะลงต่ำเพื่อซบลงบนทรวงอกที่ยังถูกปกปิดด้วยชุดชั้นใน เธอจับใบหน้าของเขาเอาไว้พร้อมถามเสียงเครือ

“จะเอาไปให้ใครดีล่ะ ?”

เขาไม่ตอบ เฝ้าตระโบมสัมผัสเนื้ออ่อนๆ ด้วยอาการหิวกระหาย เสียงลมหายใจหอบแข่งกันกับเสียงเครื่องปรับอากาศในรถยนต์ เด็กสาวได้ยินเสียงแต่เสียงของตนเองที่พร่ำซ้ำๆ ขณะเรือนร่างถูกกกกอดและก่ายเกย  

“ช่วยหาคนเลี้ยงฮันนี่ให้ด้วย หาให้หนูด้วยนะ”

(ต่ออีกนิดครับ) ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่