คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
ผมคิดว่าจะมาตอบนานเเล้วล่ะเเต่ไม่ว่าง

ภาพวาดที่เเสดงให้เห็นว่าราชวงศ์ถังก็เคยรุ่งเรืองมาก่อน
การปกครองจักรวรรดิใหญ่ๆ อย่างจักรวรรดิสมัยโบราณสาเหตุที่เสื่อมสลายเเละล่มสลายก็เพราะ ถ้าเรามองคำว่า "จักรวรรดิ" เเล้ว เเสดงว่ามันต้องมีหลายชนชาติหลายชนเผ่าหลายอาณาจักรเเละหลายๆ รัฐ รวมตัวกัน เช่น จักรวรรดิอังกฤษที่มีเมืองขึ้นเป็นของตนเองมากมาย,จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ที่ประกอบด้วยหลายอาณาจักร ทั้ง ราชอาณาจักร,อาร์คดัชชี,ดัชชี ประมาณว่าเป็นราชรัฐ ซึ่งเเต่ละรัฐมีอิสรภาพเท่ากันหมด เเต่ไม่จำเป็นว่าถ้าเป็นจักรวรรดิเเล้วมันจะมีเมืองขึ้นหรือประกอบด้วยหลายชนชาติหลายอาณาจักรเสมอไป มันมักจะอยู่ที่คนเรียกเเต่เห็นพ้องไปในทางที่ผมว่าถึงจะเรียกว่าจักรวรรดิได้ ซึ่งพอมีคนหลายชนชาติทำให้คนพวกนี้ไม่อยากที่จะรวมตัวด้วย พอจักรวรรดิเสื่อมก็เลยล่มสลาย คล้ายกับจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
ในสมัยโบราณการปกครองโดยเฉพาะเเถบบ้านเรามักจะเเสดงให้เห็นว่าถ้ารัฐใดสามารถเป็นเอ็มไพร์ได้เเสดงว่ารัฐนั้นมีบุญญาธิการสูง ซึ่งูจะเป็นการส่งเสริมคติของพระเจ้าจักรพรรดิอันยิ่งใหญ่ในคติพุทธศาสนาและศาสนาำพราหมณ์-ฮินดู ได้อย่างดี เพราะอย่างนึงคือเป็นใหญ่กว่ากษัตริย์ทั้งหลายเเละมีเมืองขึ้นมาก การเอาเมืองต่างๆ มาเป็นประเทศราชจึงมักนิยมเอารัฐที่ติดกับตนมาเป็นเมืองขึ้น เช่น จักรวรรถัง ที่มีเมืองขึ้นเช่น อาณาจักรเติร์กข่านตะวันออก ซึ่งมีขนาดใหญ่โตพอๆ กับราชวงศ์ถังเลยทีเดียว (เเต่ประชากรอาจจะไม่เยอะเนื่องจากอยู่บริเวณมองโกเลียเเละเเมนจูเรีย) ทั้งนี้ก็เพื่อเเสดงให้เห็นว่าตนเหนือกว่าใครในเเถบเพื่อนบ้าน ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นการส่งเสริมบุญญาธิการอีกอย่างนึง เเละเป็นเรื่องปกติที่รัฐที่ใหญ่กว่ามักจะมีรัฐที่น้อยกว่ามาเป็น้เมืองขึ้นเเละส่งเครื่องราชบรรณาการมาอยู่เนืองๆ ทั้งเพื่อสานสัมพันธ์ไมตรีที่ดีอีกทั้งเป็นการคารวะเเละนอบน้อมอย่างหนึ่ง มันจึงไม่เเปลกที่ทำไมสยามถึงส่งเครื่องราชบรรณาการไปยังจักรวรรดิจีนอยู่เสมอๆ เพราะพี่เเกยิ่งใหญ่นั่นเอง
ถึงเเม้ว่าการมีเมืองขึ้นมากจะเป็นการส่งเสริมคติพระเจ้าจักรพรรดิเเละส่งเสริมบุญญาธิการให้รัฐต่างๆ พากันอ่อนน้อมเเละยอมเป็นเมืองขึ้นเเต่โดยดี
เเต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดาของโลกที่มีเกิดย่อมมีดับ พอจักรวรรดิใหญ่เสื่อม รัฐต่างๆ ก็จะพากันประกาศเอกราชในที่สุด สาเหตุนึงมาจากการที่ราชสำนักหรือรัฐบาลกลางฉ้อราษฎร์บังหลวง มีขุนนางคอรัปชั่น เกิดภาวะเเห้งเเล้ง ผู้คนล้มตายเเละอดอยาก คือต้องบอกเลยว่างานนี้เละ ทำให้อาณาจักรต่างๆ เห็นว่าจะพึ่งจักรวรรดินี้ต่อไปไม่ได้ละ เเละเกิดเหตุการณ์ที่เราคงรู้กันดีว่าจักรวรรดนั้นอาจถึงขั้นล้มสลายไปเลย
รัฐในสมัยโบราณที่มักเสื่อมอำนาจเเละสูญสิ้นไปก็เพราะไม่ดึงอำนาจเข้าศูนย์กลางด้วยนั่นเเหละ ผมเคยศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ประเทศญี่ปุ่น สาเหตุที่ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมาเพราะการที่เกิดจากการติดต่อยาก ทั้งยังห่างไกลจากเมืองหลวง พอราชสำนักเเต่งตั้งคนที่มีความรู้ความสามารถไปปกครอง เอาไป เอามา กลับสะสมที่ดินคือ "โชเฮ็ง" จนในที่สุดก็มีอำนาจเเละรวมหัวกันต่อต้านรัฐบาลกลางในที่สุด เลยมีการทะเลาะกันไปทะเลาะกันมาคนชนะก็มีสิทธิ์ชอบธรรมในการเเต่งตั้งรัฐบาล พอรัฐบาลกลางใส่ใจขุนนางที่ปกครองท้องที่มากเกินไปเลยทำให้เกิดการฉ้อราษฎร์บังหลวงในที่สุด ก็อย่างที่คิดนั่นเเหละฮะ ก็เกิดการทะเลาะขึ้นมาอีก ทำให้เมืองต่างๆ พากันเเยกตัวเป็นอิสระในที่สุด

ยุทธการที่ปลาศี จุดเริ่มต้นของอังกฤษเมื่อจะยึดอินเดีย
อีกสาเหตุนึงก็เพราะความเสื่อมเช่นกันเเต่เป็นความเสื่อมที่เกิดจากการรุกรานจากรัฐอื่น คล้ายๆ กับ ตอนที่อนุทวีปอินเดียในสมัยปลายจักรวรรดิมุกัล เพียงหุ่นเชิดเป็นเพียงเเค่ตัวละครที่เอาไว้อ้างถึงความชอบธรรม สุดท้ายพอจักรวรรดิเสื่อม(คือถ้าเอาจริงๆ จักรวรรดิโมกุลเสื่อมนานเเล้วฮะ เเต่อาจจะมีบางรัฐใช้อ้างสิทธิ์อยู่ ก็ถ้าเราจะนับความเสื่อมของจักรวรรดินี้ก็นับได้ตั้งเเต่หลังสมัยออรังเซพที่อินเดียทางตอนใต้เเยกเป็นจักรวรรดิมราฐาอะ) พอเกิดความเสื่อมอังกฤษเลยฉวยโอกาสยึดอินเดียเป็นเมืองขึ้นในที่สุด จนสุดท้ายในปี 1858 เลยสถาปนาบริทิชราชในที่สุด

การเสื่อมของจักรวรรดิโรมัน
(ลองอ่านตัวอย่างพวกนี้ดูฮะว่าความเสื่อมของจักรวรรดินี้เกิดจากอะไร)
การเสื่อมของจักรวรรดิโรมัน เริ่มต้นปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 180 โดยจักรวรรดิโรมัน ซึ่งเคยรุ่งเรืองเป็นมหาอำนาจในอดีต กลับค่อยๆ เสื่อมอำนาจลง อันเนื่องมาจากสาเหตุใหญ่ๆ ได้แก่ ไม่มีประสิทธิภาพมากพอในการ ปกครองจักรวรรดิ ซึ่งมีอาณาเขตกว้างใหญ่มหาศาลมากๆ ได้ ส่งผลให้บางช่วงจำเป็นต้องมีการแต่งตั้งจักรพรรดิร่วม เพื่อแบ่งแยกออกไปปกครองจักรวรรดิในอาณาเขตต่างๆ ในปี ค.ศ. 324 อันเป็นยุคของ จักรพรรติ Constantine ท่านได้ปกครองจักรวรรดิ Roman และได้เกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่ 2 เหตุการณ์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อจักรวรรดิที่เคยรุ่งเรือง ได้แก่…
เหตุการณ์ที่ 1 ของการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน
ได้มีการย้ายศูนย์กลางการปกครองจากเดิม คือ กรุง Rome ไปยังกรุง Constantinople และเรียกว่าจักรวรรดิByzantine ในปี ค.ศ. 330 ส่งผลให้จักรวรรดิ Roman ที่เคยเป็น 1 เดียว ต้องถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ จักรวรรดิ Roman ตะวันตก ซึ่งยังคงมีศูนย์กลางอยู่ ณ กรุง Rome ตามแบบเดิม และจักรวรรดิ Byzantine หรือจักรวรรดิ Roman ตะวันออก มีศูนย์กลางตั้งอยู่ ณ กรุง Constantinople ซึ่งปัจจุบัน คือ นคร Istanbul ประเทศตุรกี ส่งผลให้จักรวรรดิโรมันที่เคยเป็นปึกแผ่นเรืองรองค่อยๆ เสื่อมอำนาจลง จนกระทั่งถูกรุกรานในที่สุด
เหตุการณ์ที่ 2 ของการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน
จักรพรรดิ Constantine เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ ส่งผลทำให้คริสต์ศาสนาได้เข้าสู่เขตจักรวรรดิ Roman จนกระทั่งได้รับความนิยม กลายเป็นศาสนาหลักของดินแดนตะวันตกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 5 จักรวรรดิ Roman ทั้ง 2 ฝ่าย ได้รับการแบ่งแยกออกจากกันโดยเด็ดขาด ส่งผลให้จักรวรรดิ Roman ทางฝั่งตะวันตกค่อยๆ อ่อนแอลงตามลำดับ เนื่องจากโดนรุกรานทำลาย โดยฝีมือของอารยชนที่มีความสำคัญ 2 เผ่า ได้แก่
•เผ่าเยอรมัน ซึ่งบุกมาจากทางเหนือของแม่น้ำ Rhine และแม่น้ำ Danube
•พวก Huns เชื้อสายเอเชีย ซึ่งเข้ามาจากทางตอนเหนือของทะเลดำ
นอกจากนี้เยอรมันก็บุกโจมตีกรุง Rome ในปี ค.ศ. 410 รวมทั้งออกปล้นสะดมทุกสิ่งอย่าง ก่อให้เกิดความไม่มั่นคงขึ้นทั้งสภาพจิตใจของประชาชน และสภาพความเป็นอยู่ ภายในจักรวรรดิ Roman ตะวันตก จนกระทั่งสุดท้ายแล้วจักรพรรดิองค์สุดท้ายของจักรวรรดิ Roman ตะวันตกก็ถูกโค่นลงในปี ค.ศ. 476 โดยนักประวัติศาสตร์บันทึกไว้อย่างเป็นทางการ ให้รับทราบโดยทั่วกันว่า เป็นปีที่จักรวรรดิ Roman ล่มสลาย ถึงแม้ว่าจักรวรรดิ Byzantine จะยังอยู่ต่อไปก็ตาม
สาเหตุอื่นๆ ของการเกิดความเสื่อมของจักรวรรดิ
ภายหลังจากปี ค.ศ. 180 ไม่มีกำหนดการสืบตำแหน่งไว้ในรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้เกิดการแย่งอำนาจภายในหมู่ นายพล
•ถูกโจมตีจากศัตรูภายนอก
•ที่ดินเกือบทั้งหมดตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของชนชั้นสูง ซึ่งเป็นส่วนน้อยเท่านั้น โดยชาวนาที่ไม่เหลืออะไรเลยก็จะได้รับที่ดินผืนหนึ่งจากเจ้าของ ซึ่งสามารถนำมาเพาะปลูกได้อย่างเสรี หากแต่ต้องชดใช้ให้เจ้าของด้วยแรงงานของตนเอง ซึ่งเป็นสภาพกึ่งทาส
•สงครามกลางเมือง ทำให้กระทบกระเทือนระบบการค้า
ถ้าหากอยากศึกษาเกี่ยวกับจักรวรรดิโรมันเพิ่มเติมก็ศึกษาได้จากในเว็บนี้ฮะ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ทหารของจักรวาลสเเปนิช
สาเหตุการเสื่อมของจักรวรรดิสเปน
การเสื่อมลงของสเปน" เป็นไปอย่างช้า ๆ เริ่มต้นในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 17 โดยมีปัจจัยมาจากการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม แต่ประเด็นหลักคือความตึงเครียดเกี่ยวกับกำลังทหาร เป็นเวลานานที่กองทัพสเปนสามารถป้องกันไม่ให้จักรวรรดิฮับสบูร์กแตกแยกกระจัดกระจายได้ แต่ในที่สุดความเข้มแข็งนี้ก็พังทลายลง เมื่อสเปนต้องเสียเนเธอร์แลนด์ไปหลังจากสิ้นสุดสงครามสามสิบปี (Thirty Years War) และเมื่อถึงปี ค.ศ. 1640 (พ.ศ. 2183) ความปราชัยของสเปนครั้งสำคัญก็คือ การเสียโปรตุเกสไป ซึ่งนั่นหมายถึงเสียบราซิลและฐานที่มั่นในแอฟริกาและอินเดียไปด้วย
เมื่อเข้าสู่คริสต์ศตวรรษที่ 18 เกิดปัญหาว่าใครควรจะขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ จึงทำให้กษัตริย์ยุโรปหลายพระองค์ทรงสู้รบกันในสงครามสืบราชสมบัติสเปน (War of the Spanish Succession) ในที่สุดสงครามนี้ก็ทำให้สเปนสูญเสียความเป็นจักรวรรดิและตำแหน่งผู้นำของยุโรปไป แม้ว่าจะยังคงมีดินแดนโพ้นทะเลอยู่ก็ตาม)[17] และเมื่อสงครามสิ้นสุดลง ราชวงศ์ใหม่จากฝรั่งเศส คือ ราชวงศ์บูร์บง ได้รับการสถาปนาขึ้นในสเปนโดยกษัตริย์พระองค์แรก คือ พระเจ้าฟิลิปที่ 5 ในปี ค.ศ. 1707 (พ.ศ. 2250) ทรงรวมราชอาณาจักรคาสตีลและอารากอนเข้าด้วยกันเป็นราชอาณาจักรสเปน และทรงล้มล้างสิทธิพิเศษและกฎหมายปกครองตนเอง
ในศตวรรษนี้ การขยายตัวของอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า การเพิ่มมูลค่าทางการค้าและการผลิตอาหารค่อย ๆ ได้รับการฟื้นฟูขึ้น จำนวนประชากรในแคว้นคาสตีลก็เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ กษัตริย์ราชวงศ์บูร์บงได้ใช้ระบบของฝรั่งเศสเพื่อพยายามทำให้การบริหารและเศรษฐกิจมีความทันสมัยยิ่งขึ้น เมื่อสิ้นสุดคริสต์ศตวรรษที่ 18 การค้าก็เริ่มมีความมั่นคงขึ้นในที่สุด ฐานะของสเปนในสายตานานาชาติดีขึ้น กำลังทหารของสเปนที่มีประสิทธิภาพยังได้ช่วยเหลือชาวอาณานิคมอังกฤษในสงครามประกาศเอกราชอเมริกัน (American War of Independence) อีกด้วย
ซึ่งถ้าลองศึกษาดูก็ลองดูเว็บนี้ฮะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนบางจักรวรรดิพึ่งสิ้นสุดเมื่อไม่นานนี่เอง เช่น จักรวรรดิอังกฤษ,จักรวรรดิออตโตมัน,จักรวรรดิอาณานิคมฝรั่งเศส,จักรวรรดิอาณานิคมโปรตุเกส,จักรวรรดิอาณานิคมเบลเยียม,จักรวรรดิดัตช์,จักรวรรดิญี่ปุ่น,จักรวรรดิคาร์จาร์หรือจักรวรรดิเปอร์เซีย(มั้ย),จักรวรรดิเยอรมัน,จักรวรรดิอาณานิคมอิตาลี,จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งจักรวรรดิพวกนี้ล่มสลายเมื่อไม่ถึงร้อยปีที่เเล้ว(จักรวรรดิเยอรมันกับจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ไม่นับนะฮะ เเต่ว่ามันก็อยู่ถึงยุคสมัยใหม่เหมือนกันนั่นเเหละ) สาเหตุที่เสื่อมได้ก็ไม่ใช่ไรหรอก ด้วยสาเหตุที่ว่ามันเป็นจักรวรรดิสมัยใหม่ อีกทั้งการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศเเม่เเละอาณานิคมถือเป็นเรื่องง่ายมาก เพราะมีทั้งโทรเลข บลาๆๆ ซึ่งทำให้การติดต่อง่ายมากๆ กับอีกอย่างนึงคือกระเเสชาตินิยมที่กำลังรุ่งสุดๆ ทำให้ประเทศต่างๆ ที่กำลังรุ่งเรืองคิดว่าไม่เป็นคนพวกเดียวกับพวกเมืองขึ้น คล้ายๆ กับคนอังกฤษที่ค่อนข้างจะหยิ่งนิดๆ สาเหตุก็เพราะเค้าเคยเป็นมหาอำนาจเบอร์หนึ่งของโลกนั่นเอง
เเต่สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้จักรวรรดิสมัยใหม่ล่มสลายเเละต้องถูกยุบนั่นก็เพราะประเทศเเม่ไม่ใช่มหาอำนาจอีกต่อไป ทั้งยังเกิดการวุ่นวายทางการเมือง เช่น จักรวรรดิรัสเซียที่เกิดการปฏิวัติจนในที่สุดก็ต้องเปลี่ยนเป็นสหภาพโซเวียต
อีกทั้งเรื่องนึงคือสงครามที่เกิดขึ้นเช่นสงครามโลก โดยในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งมีอังกฤษ,ฝรั่งเศสและรัสเซียเป็นตัวหลักเพื่อที่จะปราบปรามจักรวรรดิเยอรมัน,จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี เเละจักรวรรดิออตโตมัน ถึงเเม่ว่าในที่สุดจักรวรรดิทั้งสามจะล้มสลายโดยเกิดจากการที่เเพ้สงครามโลก เเต่ถึงอย่างนั้น จักรวรรดิที่ชนะก็ใช่ว่าจะไม่เสีย

ภาพวาดที่เเสดงให้เห็นว่าราชวงศ์ถังก็เคยรุ่งเรืองมาก่อน
การปกครองจักรวรรดิใหญ่ๆ อย่างจักรวรรดิสมัยโบราณสาเหตุที่เสื่อมสลายเเละล่มสลายก็เพราะ ถ้าเรามองคำว่า "จักรวรรดิ" เเล้ว เเสดงว่ามันต้องมีหลายชนชาติหลายชนเผ่าหลายอาณาจักรเเละหลายๆ รัฐ รวมตัวกัน เช่น จักรวรรดิอังกฤษที่มีเมืองขึ้นเป็นของตนเองมากมาย,จักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ที่ประกอบด้วยหลายอาณาจักร ทั้ง ราชอาณาจักร,อาร์คดัชชี,ดัชชี ประมาณว่าเป็นราชรัฐ ซึ่งเเต่ละรัฐมีอิสรภาพเท่ากันหมด เเต่ไม่จำเป็นว่าถ้าเป็นจักรวรรดิเเล้วมันจะมีเมืองขึ้นหรือประกอบด้วยหลายชนชาติหลายอาณาจักรเสมอไป มันมักจะอยู่ที่คนเรียกเเต่เห็นพ้องไปในทางที่ผมว่าถึงจะเรียกว่าจักรวรรดิได้ ซึ่งพอมีคนหลายชนชาติทำให้คนพวกนี้ไม่อยากที่จะรวมตัวด้วย พอจักรวรรดิเสื่อมก็เลยล่มสลาย คล้ายกับจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี
ในสมัยโบราณการปกครองโดยเฉพาะเเถบบ้านเรามักจะเเสดงให้เห็นว่าถ้ารัฐใดสามารถเป็นเอ็มไพร์ได้เเสดงว่ารัฐนั้นมีบุญญาธิการสูง ซึ่งูจะเป็นการส่งเสริมคติของพระเจ้าจักรพรรดิอันยิ่งใหญ่ในคติพุทธศาสนาและศาสนาำพราหมณ์-ฮินดู ได้อย่างดี เพราะอย่างนึงคือเป็นใหญ่กว่ากษัตริย์ทั้งหลายเเละมีเมืองขึ้นมาก การเอาเมืองต่างๆ มาเป็นประเทศราชจึงมักนิยมเอารัฐที่ติดกับตนมาเป็นเมืองขึ้น เช่น จักรวรรถัง ที่มีเมืองขึ้นเช่น อาณาจักรเติร์กข่านตะวันออก ซึ่งมีขนาดใหญ่โตพอๆ กับราชวงศ์ถังเลยทีเดียว (เเต่ประชากรอาจจะไม่เยอะเนื่องจากอยู่บริเวณมองโกเลียเเละเเมนจูเรีย) ทั้งนี้ก็เพื่อเเสดงให้เห็นว่าตนเหนือกว่าใครในเเถบเพื่อนบ้าน ซึ่งนี่ก็ถือว่าเป็นการส่งเสริมบุญญาธิการอีกอย่างนึง เเละเป็นเรื่องปกติที่รัฐที่ใหญ่กว่ามักจะมีรัฐที่น้อยกว่ามาเป็น้เมืองขึ้นเเละส่งเครื่องราชบรรณาการมาอยู่เนืองๆ ทั้งเพื่อสานสัมพันธ์ไมตรีที่ดีอีกทั้งเป็นการคารวะเเละนอบน้อมอย่างหนึ่ง มันจึงไม่เเปลกที่ทำไมสยามถึงส่งเครื่องราชบรรณาการไปยังจักรวรรดิจีนอยู่เสมอๆ เพราะพี่เเกยิ่งใหญ่นั่นเอง
ถึงเเม้ว่าการมีเมืองขึ้นมากจะเป็นการส่งเสริมคติพระเจ้าจักรพรรดิเเละส่งเสริมบุญญาธิการให้รัฐต่างๆ พากันอ่อนน้อมเเละยอมเป็นเมืองขึ้นเเต่โดยดี
เเต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นเรื่องธรรมดาของโลกที่มีเกิดย่อมมีดับ พอจักรวรรดิใหญ่เสื่อม รัฐต่างๆ ก็จะพากันประกาศเอกราชในที่สุด สาเหตุนึงมาจากการที่ราชสำนักหรือรัฐบาลกลางฉ้อราษฎร์บังหลวง มีขุนนางคอรัปชั่น เกิดภาวะเเห้งเเล้ง ผู้คนล้มตายเเละอดอยาก คือต้องบอกเลยว่างานนี้เละ ทำให้อาณาจักรต่างๆ เห็นว่าจะพึ่งจักรวรรดินี้ต่อไปไม่ได้ละ เเละเกิดเหตุการณ์ที่เราคงรู้กันดีว่าจักรวรรดนั้นอาจถึงขั้นล้มสลายไปเลย
รัฐในสมัยโบราณที่มักเสื่อมอำนาจเเละสูญสิ้นไปก็เพราะไม่ดึงอำนาจเข้าศูนย์กลางด้วยนั่นเเหละ ผมเคยศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ประเทศญี่ปุ่น สาเหตุที่ทะเลาะกันไปทะเลาะกันมาเพราะการที่เกิดจากการติดต่อยาก ทั้งยังห่างไกลจากเมืองหลวง พอราชสำนักเเต่งตั้งคนที่มีความรู้ความสามารถไปปกครอง เอาไป เอามา กลับสะสมที่ดินคือ "โชเฮ็ง" จนในที่สุดก็มีอำนาจเเละรวมหัวกันต่อต้านรัฐบาลกลางในที่สุด เลยมีการทะเลาะกันไปทะเลาะกันมาคนชนะก็มีสิทธิ์ชอบธรรมในการเเต่งตั้งรัฐบาล พอรัฐบาลกลางใส่ใจขุนนางที่ปกครองท้องที่มากเกินไปเลยทำให้เกิดการฉ้อราษฎร์บังหลวงในที่สุด ก็อย่างที่คิดนั่นเเหละฮะ ก็เกิดการทะเลาะขึ้นมาอีก ทำให้เมืองต่างๆ พากันเเยกตัวเป็นอิสระในที่สุด

ยุทธการที่ปลาศี จุดเริ่มต้นของอังกฤษเมื่อจะยึดอินเดีย
อีกสาเหตุนึงก็เพราะความเสื่อมเช่นกันเเต่เป็นความเสื่อมที่เกิดจากการรุกรานจากรัฐอื่น คล้ายๆ กับ ตอนที่อนุทวีปอินเดียในสมัยปลายจักรวรรดิมุกัล เพียงหุ่นเชิดเป็นเพียงเเค่ตัวละครที่เอาไว้อ้างถึงความชอบธรรม สุดท้ายพอจักรวรรดิเสื่อม(คือถ้าเอาจริงๆ จักรวรรดิโมกุลเสื่อมนานเเล้วฮะ เเต่อาจจะมีบางรัฐใช้อ้างสิทธิ์อยู่ ก็ถ้าเราจะนับความเสื่อมของจักรวรรดินี้ก็นับได้ตั้งเเต่หลังสมัยออรังเซพที่อินเดียทางตอนใต้เเยกเป็นจักรวรรดิมราฐาอะ) พอเกิดความเสื่อมอังกฤษเลยฉวยโอกาสยึดอินเดียเป็นเมืองขึ้นในที่สุด จนสุดท้ายในปี 1858 เลยสถาปนาบริทิชราชในที่สุด

การเสื่อมของจักรวรรดิโรมัน
(ลองอ่านตัวอย่างพวกนี้ดูฮะว่าความเสื่อมของจักรวรรดินี้เกิดจากอะไร)
การเสื่อมของจักรวรรดิโรมัน เริ่มต้นปรากฏให้เห็นมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 180 โดยจักรวรรดิโรมัน ซึ่งเคยรุ่งเรืองเป็นมหาอำนาจในอดีต กลับค่อยๆ เสื่อมอำนาจลง อันเนื่องมาจากสาเหตุใหญ่ๆ ได้แก่ ไม่มีประสิทธิภาพมากพอในการ ปกครองจักรวรรดิ ซึ่งมีอาณาเขตกว้างใหญ่มหาศาลมากๆ ได้ ส่งผลให้บางช่วงจำเป็นต้องมีการแต่งตั้งจักรพรรดิร่วม เพื่อแบ่งแยกออกไปปกครองจักรวรรดิในอาณาเขตต่างๆ ในปี ค.ศ. 324 อันเป็นยุคของ จักรพรรติ Constantine ท่านได้ปกครองจักรวรรดิ Roman และได้เกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่ 2 เหตุการณ์ ซึ่งส่งผลกระทบต่อจักรวรรดิที่เคยรุ่งเรือง ได้แก่…
เหตุการณ์ที่ 1 ของการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน
ได้มีการย้ายศูนย์กลางการปกครองจากเดิม คือ กรุง Rome ไปยังกรุง Constantinople และเรียกว่าจักรวรรดิByzantine ในปี ค.ศ. 330 ส่งผลให้จักรวรรดิ Roman ที่เคยเป็น 1 เดียว ต้องถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ จักรวรรดิ Roman ตะวันตก ซึ่งยังคงมีศูนย์กลางอยู่ ณ กรุง Rome ตามแบบเดิม และจักรวรรดิ Byzantine หรือจักรวรรดิ Roman ตะวันออก มีศูนย์กลางตั้งอยู่ ณ กรุง Constantinople ซึ่งปัจจุบัน คือ นคร Istanbul ประเทศตุรกี ส่งผลให้จักรวรรดิโรมันที่เคยเป็นปึกแผ่นเรืองรองค่อยๆ เสื่อมอำนาจลง จนกระทั่งถูกรุกรานในที่สุด
เหตุการณ์ที่ 2 ของการล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน
จักรพรรดิ Constantine เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ ส่งผลทำให้คริสต์ศาสนาได้เข้าสู่เขตจักรวรรดิ Roman จนกระทั่งได้รับความนิยม กลายเป็นศาสนาหลักของดินแดนตะวันตกตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 5 จักรวรรดิ Roman ทั้ง 2 ฝ่าย ได้รับการแบ่งแยกออกจากกันโดยเด็ดขาด ส่งผลให้จักรวรรดิ Roman ทางฝั่งตะวันตกค่อยๆ อ่อนแอลงตามลำดับ เนื่องจากโดนรุกรานทำลาย โดยฝีมือของอารยชนที่มีความสำคัญ 2 เผ่า ได้แก่
•เผ่าเยอรมัน ซึ่งบุกมาจากทางเหนือของแม่น้ำ Rhine และแม่น้ำ Danube
•พวก Huns เชื้อสายเอเชีย ซึ่งเข้ามาจากทางตอนเหนือของทะเลดำ
นอกจากนี้เยอรมันก็บุกโจมตีกรุง Rome ในปี ค.ศ. 410 รวมทั้งออกปล้นสะดมทุกสิ่งอย่าง ก่อให้เกิดความไม่มั่นคงขึ้นทั้งสภาพจิตใจของประชาชน และสภาพความเป็นอยู่ ภายในจักรวรรดิ Roman ตะวันตก จนกระทั่งสุดท้ายแล้วจักรพรรดิองค์สุดท้ายของจักรวรรดิ Roman ตะวันตกก็ถูกโค่นลงในปี ค.ศ. 476 โดยนักประวัติศาสตร์บันทึกไว้อย่างเป็นทางการ ให้รับทราบโดยทั่วกันว่า เป็นปีที่จักรวรรดิ Roman ล่มสลาย ถึงแม้ว่าจักรวรรดิ Byzantine จะยังอยู่ต่อไปก็ตาม
สาเหตุอื่นๆ ของการเกิดความเสื่อมของจักรวรรดิ
ภายหลังจากปี ค.ศ. 180 ไม่มีกำหนดการสืบตำแหน่งไว้ในรัฐธรรมนูญ ส่งผลให้เกิดการแย่งอำนาจภายในหมู่ นายพล
•ถูกโจมตีจากศัตรูภายนอก
•ที่ดินเกือบทั้งหมดตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของชนชั้นสูง ซึ่งเป็นส่วนน้อยเท่านั้น โดยชาวนาที่ไม่เหลืออะไรเลยก็จะได้รับที่ดินผืนหนึ่งจากเจ้าของ ซึ่งสามารถนำมาเพาะปลูกได้อย่างเสรี หากแต่ต้องชดใช้ให้เจ้าของด้วยแรงงานของตนเอง ซึ่งเป็นสภาพกึ่งทาส
•สงครามกลางเมือง ทำให้กระทบกระเทือนระบบการค้า
ถ้าหากอยากศึกษาเกี่ยวกับจักรวรรดิโรมันเพิ่มเติมก็ศึกษาได้จากในเว็บนี้ฮะ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ทหารของจักรวาลสเเปนิช
สาเหตุการเสื่อมของจักรวรรดิสเปน
การเสื่อมลงของสเปน" เป็นไปอย่างช้า ๆ เริ่มต้นในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 17 โดยมีปัจจัยมาจากการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม แต่ประเด็นหลักคือความตึงเครียดเกี่ยวกับกำลังทหาร เป็นเวลานานที่กองทัพสเปนสามารถป้องกันไม่ให้จักรวรรดิฮับสบูร์กแตกแยกกระจัดกระจายได้ แต่ในที่สุดความเข้มแข็งนี้ก็พังทลายลง เมื่อสเปนต้องเสียเนเธอร์แลนด์ไปหลังจากสิ้นสุดสงครามสามสิบปี (Thirty Years War) และเมื่อถึงปี ค.ศ. 1640 (พ.ศ. 2183) ความปราชัยของสเปนครั้งสำคัญก็คือ การเสียโปรตุเกสไป ซึ่งนั่นหมายถึงเสียบราซิลและฐานที่มั่นในแอฟริกาและอินเดียไปด้วย
เมื่อเข้าสู่คริสต์ศตวรรษที่ 18 เกิดปัญหาว่าใครควรจะขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์ จึงทำให้กษัตริย์ยุโรปหลายพระองค์ทรงสู้รบกันในสงครามสืบราชสมบัติสเปน (War of the Spanish Succession) ในที่สุดสงครามนี้ก็ทำให้สเปนสูญเสียความเป็นจักรวรรดิและตำแหน่งผู้นำของยุโรปไป แม้ว่าจะยังคงมีดินแดนโพ้นทะเลอยู่ก็ตาม)[17] และเมื่อสงครามสิ้นสุดลง ราชวงศ์ใหม่จากฝรั่งเศส คือ ราชวงศ์บูร์บง ได้รับการสถาปนาขึ้นในสเปนโดยกษัตริย์พระองค์แรก คือ พระเจ้าฟิลิปที่ 5 ในปี ค.ศ. 1707 (พ.ศ. 2250) ทรงรวมราชอาณาจักรคาสตีลและอารากอนเข้าด้วยกันเป็นราชอาณาจักรสเปน และทรงล้มล้างสิทธิพิเศษและกฎหมายปกครองตนเอง
ในศตวรรษนี้ การขยายตัวของอุตสาหกรรมเหล็กและเหล็กกล้า การเพิ่มมูลค่าทางการค้าและการผลิตอาหารค่อย ๆ ได้รับการฟื้นฟูขึ้น จำนวนประชากรในแคว้นคาสตีลก็เพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ กษัตริย์ราชวงศ์บูร์บงได้ใช้ระบบของฝรั่งเศสเพื่อพยายามทำให้การบริหารและเศรษฐกิจมีความทันสมัยยิ่งขึ้น เมื่อสิ้นสุดคริสต์ศตวรรษที่ 18 การค้าก็เริ่มมีความมั่นคงขึ้นในที่สุด ฐานะของสเปนในสายตานานาชาติดีขึ้น กำลังทหารของสเปนที่มีประสิทธิภาพยังได้ช่วยเหลือชาวอาณานิคมอังกฤษในสงครามประกาศเอกราชอเมริกัน (American War of Independence) อีกด้วย
ซึ่งถ้าลองศึกษาดูก็ลองดูเว็บนี้ฮะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ส่วนบางจักรวรรดิพึ่งสิ้นสุดเมื่อไม่นานนี่เอง เช่น จักรวรรดิอังกฤษ,จักรวรรดิออตโตมัน,จักรวรรดิอาณานิคมฝรั่งเศส,จักรวรรดิอาณานิคมโปรตุเกส,จักรวรรดิอาณานิคมเบลเยียม,จักรวรรดิดัตช์,จักรวรรดิญี่ปุ่น,จักรวรรดิคาร์จาร์หรือจักรวรรดิเปอร์เซีย(มั้ย),จักรวรรดิเยอรมัน,จักรวรรดิอาณานิคมอิตาลี,จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ซึ่งจักรวรรดิพวกนี้ล่มสลายเมื่อไม่ถึงร้อยปีที่เเล้ว(จักรวรรดิเยอรมันกับจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ไม่นับนะฮะ เเต่ว่ามันก็อยู่ถึงยุคสมัยใหม่เหมือนกันนั่นเเหละ) สาเหตุที่เสื่อมได้ก็ไม่ใช่ไรหรอก ด้วยสาเหตุที่ว่ามันเป็นจักรวรรดิสมัยใหม่ อีกทั้งการติดต่อสื่อสารระหว่างประเทศเเม่เเละอาณานิคมถือเป็นเรื่องง่ายมาก เพราะมีทั้งโทรเลข บลาๆๆ ซึ่งทำให้การติดต่อง่ายมากๆ กับอีกอย่างนึงคือกระเเสชาตินิยมที่กำลังรุ่งสุดๆ ทำให้ประเทศต่างๆ ที่กำลังรุ่งเรืองคิดว่าไม่เป็นคนพวกเดียวกับพวกเมืองขึ้น คล้ายๆ กับคนอังกฤษที่ค่อนข้างจะหยิ่งนิดๆ สาเหตุก็เพราะเค้าเคยเป็นมหาอำนาจเบอร์หนึ่งของโลกนั่นเอง
เเต่สาเหตุหลักๆ ที่ทำให้จักรวรรดิสมัยใหม่ล่มสลายเเละต้องถูกยุบนั่นก็เพราะประเทศเเม่ไม่ใช่มหาอำนาจอีกต่อไป ทั้งยังเกิดการวุ่นวายทางการเมือง เช่น จักรวรรดิรัสเซียที่เกิดการปฏิวัติจนในที่สุดก็ต้องเปลี่ยนเป็นสหภาพโซเวียต
อีกทั้งเรื่องนึงคือสงครามที่เกิดขึ้นเช่นสงครามโลก โดยในสงครามโลกครั้งที่หนึ่งมีอังกฤษ,ฝรั่งเศสและรัสเซียเป็นตัวหลักเพื่อที่จะปราบปรามจักรวรรดิเยอรมัน,จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี เเละจักรวรรดิออตโตมัน ถึงเเม่ว่าในที่สุดจักรวรรดิทั้งสามจะล้มสลายโดยเกิดจากการที่เเพ้สงครามโลก เเต่ถึงอย่างนั้น จักรวรรดิที่ชนะก็ใช่ว่าจะไม่เสีย
แสดงความคิดเห็น
การปกครองแบบจักรวรรดิใหญ่ๆ มีอาณาเขตเยอะมากๆ หรืออาณานิคมห่างไกล มีวิธีปกครอง หรือควบคุมอย่างไรครับ
กระทู้แรกคือ Macidonia หลังยุค Alexander แล้ว ไม่มีใคร รบเก่ง เลยหรอครับ ของ Escalation https://pantip.com/topic/30001048
ความคิดเห็นที่ 8 ของ HotChoc
มาซิดอนเป็นรัฐเล็กๆ อยู่ทางตอนเหนือของกรีกมาตลอดอยู่แล้วครับ คนบางกลุ่มก็รับว่ามาซิดอนเป็นกรีก บางกลุ่มก็บอกว่าไม่ใช่กรีก ก็แล้วแต่ว่าจะฟังใคร มาซิดอนมามีอำนาจเหนือกรีกในยุคของกษัตริย์ฟิลลิปที่สองและอเล็กซานเดอร์ผู้เป็นลูกชาย แต่การปกครองของกรีกยุคนั้นเป็นลักษณะกระจายอำนาจ คืออเล็กซานเดอร์มีอำนาจเหนือนครรัฐกรีกก็จริง แต่ไม่ได้ปกครองโดยตรง แต่ละนครรัฐก็ยังมีกษัตริย์หรือผู้นำของตนเช่นกัน แต่ยอมรับอำนาจของอเล็กซานเดอร์เฉยๆ
เนื่องจากรูปแบบการปกครองเป็นลักษณะกระจายอำนาจ เมื่อไม่มีศูนย์กลางอำนาจที่เข้มแข็งกว่าคนอื่น จักรวรรดิของอเล็กซานเดอร์เองก็ถูกแบ่งกันระหว่างแม่ทัพมาซิดอนทั้งหลายนั่นแหละครับ แต่ละคนก็ตั้งอาณาจักรของตนเองขึ้นมา อย่างปโตเลมีก็ได้อิยิปต์ไป เซลูคัสได้บาบิลอนและตีเปอร์เซียทั้งหมดมาได้ แอนติโกนัสกบฏยึดมาซิดอนได้ แอนติพาเตอร์ได้กรีซ คือจะบอกว่าไม่มีแม่ทัพมาซิดอนที่เก่งก็ไม่ได้ เพียงแต่ไม่มีใครเก่งเหนือกว่าคนอื่นแบบอเล็กซานเดอร์
จะมองว่าเป็นความอ่อนแอก็ไม่ใช่นะครับ เพราะตอนนั้นความก้าวหน้าทางการเมืองการปกครองมันยังต่ำ ผู้คนยุคนั้นยังปกครองจักรวรรดิขนาดใหญ่ไม่เป็น การกระจายอำนาจปกครองเป็นวิธีที่เป็นธรรมชาติที่สุด ทุกจักรวรรดิหลังอเล็กซานเดอร์ก็ทำแบบนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นโรมัน (ตะวันตก-ตะวันออก) จักรวรรดิของชาร์เลอมาญก็แบ่งฝรั่งเศสกับเยอรมันให้ลูกสองคน มองโกลก็แบ่งจักรวรรดิให้ลูกๆ จนกระทั่งหลังยุคกลางที่ประเทศในยุโรปเริ่มออกหาอาณานิคมกัน ก็ต้องพัฒนาองค์ความรู้ในการปกครองดินแดนโพ้นทะเล เช่น สเปนก็ตั้งไวซ์รอย (Viceroy) ปกครองอาณานิคมแทนกษัตริย์ จนมาถึงยุคจักรวรรดิอังกฤษที่สามารถปกครองอินเดียแบบรวมอำนาจที่ศูนย์กลางได้ การปกครองดินแดนที่กว้างใหญ่ไพศาลมันไม่ใช่ทำกันได้ง่ายๆ
กระทู้ที่สอง ตั้งแต่ยุค 16th ความร่ำรวยของสเปนหายไปไหนครับ? ของ สมาชิกหมายเลข 3698854 https://pantip.com/topic/37579088
ความคิดเห็นที่ 5 ของ Lucifin
-ระบบการจัดการอาณานิคมก็แย่ คือกฎหมายทุกฉบับต้องมาออกที่สเปน และการเดินทางไปๆมาๆก็ใช้เวลาแรมปี ทำให้กว่ากฎหมายจะออกไปใช้แก้ปัญหาสักเรื่อง กฎหมายที่ส่งไปก็ไม่เหมาะกับสถานการณ์แล้ว พวกข้าราชการเลยไม่เคารพกฎหมายกันเลย ขนาดพระเจ้าฟิลิปที่ 2 ทรงขยันมากและว่าราชการสม่ำเสมอยังมีปัญหาเลย พอมาสมัยพระเจ้าฟิลิปที่ 3 พระองค์ไม่ค่อยสนใจการบริหารราชการ ทำให้การอนุมัติกฎหมายก็ช้าลงไปอีก กฎหมายก็ยิ่งไร้ประสิทธิภาพหนักไปอีก