คนสมัยก่อน พวก baby boomer วัย 40 50 กว่าขึ้นไป เราเคยฟังเรื่องเล่าจากเขา รู้สึกว่าเขามีโอกาสที่จะหางานรายได้ดีทำได้ง่าย เช่น แค่จบ ป.7 , ม.3 ในยุคนั้นก็สามารถรับราชการครูได้ง่ายๆ ไม่ต้องเป็นคนเก่ง ซึ่งการศึกษาสมัยก่อนมันก็ฟรี เรียนก็ไม่จำเป็นต้องสูงมีค่าใช้จ่ายค่าเทอมมาก
ครูยุคเก่าบางคนถึงไม่เก่งเลย พูดอังกฤษไม่ได้ ทัศนคติค่อนข้างล้าสมัย ไม่ทันต่อเหตุการณ์บ้านเมืองหรือวิธีคิดไม่สมเหตุสมผล ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น ฯลฯ แต่ก็เป็นครูได้ ยิ่งโรงเรียนเล็กๆตามต่างจังหวัดนี่คุณภาพครูอาจจะไม่ดีเท่าไร ( ไม่รวมท่านที่พัฒนาตนเองนะคะ ครูสูงวัยบางคนพัฒนาตนเองเสมอๆ แต่ภาพพจน์ส่วนใหญ่มันเป็นแบบนั้น เท่าที่เจอมา ) ผิดกับยุคนี้ที่สอบบรรจุรับราชการยาก ต้องจบตรงสาย ต้องแข่งเยอะ คนเรียนเก่งจะสอบผ่านมากขึ้น อันนี้สังเกตจากเพื่อนๆที่เป็นครู รู้สึกว่าต้องเก่งสักหน่อยถึงจะเป็นได้
หรืองานเอกชน คนเก่าๆบางทีไม่ต้องเรียนสูง จบ ปวช. มาก็สามารถใช้ประสบการณ์ทำงานไต่เต้าได้ บางทีค่าเฉลี่ยความเก่งมันไม่ได้สูง แต่ยุคนี้คงไม่ค่อยมีแล้วที่หัวหน้างานจะไม่จบ ป.ตรี หรือโท คงเพราะใครๆก็จบ นอกจากต้องเก่งแล้ววุฒิก็ต้องมีด้วย ถึงวุฒิมันจะไม่ใช่ตัวสะท้อนความเก่งในงานเลยหรือไม่ตรงกับงาน ก็ต้องไปขนขวายจบมา
ค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นมากก็ไม่ได้ ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เวียดนาม ค่าจ้างต่ำกว่าเยอะ กฎหมายแรงงานบ้างเราบังคับจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้างเยอะด้วย แม้ว่าจะต้องจ่ายประกันสังคมอีก ซ้ำซ้อนกันมากๆ บริษัทต่างชาติเค้ามองว่าต้นทุนค่าจ้างกับค่าชดเชยสูง แถมสหภาพแรงงานน่าเบื่อจะเอานั่นเอานี่ ไม่ได้ก็ประท้วงหยุดงาน เลิกจ้างก็จ่ายค่าชดเชยเยอะอีก ย้ายฐานการผลิตไปเลย
คนไทยก็ไม่ได้รับการส่งเสริมให้มีธุรกิจ มีแบรนด์อะไรเป็นของตัวเอง นี่ยังนึกไม่ออกเลยว่าถ้าตัวเองเป็นเด็กจบใหม่จะทำยังไงกับค่าจ้าง 9,000 บาทที่นายจ้างประกาศหา ( แพงนายจ้างก็จ่ายไม่ไหวเหมือนกันถ้าค่างาน ผลิตภาพงาน มันน้อย ) คงเน้นทำงานต่างประเทศอย่างเดียว ไม่ว่าจะไปในฐานะอะไรก็ตาม หรือคงต้องเรียนในสาขาที่ตลาดแรงงานต้องการจริงๆ ( ซึ่งไม่ใช่ทุกคนจะเรียนไหว สอบเข้าได้ มหาลัยเอกชนก็แพงอีก )
มหาลัยเองยังต้องหาเงินด้วยการเปิดสาขาวิชาอะไรก็ไม่รู้ ที่ตลาดแรงงานไม่ต้องการ แต่เด็กเรียนไหว สาขาครอบจักรวาลชื่อแปลกๆ ได้ปริญญาเป็นพวกจิปาถะ เรียนอะไรที่ไม่ทักษะแบบ hard skills จบมาก็ตกงาน หรือโดนพวกไม่จบตรงสายแต่ดันเก่งกว่าในสายงานจริงๆแย่งงานไปอีก
คิดว่าคนยุค baby boomer ไม่ต้องเก่งมาก ก็หางานรายได้ดีทำ ง่ายกว่าเด็กจบใหม่ยุคนี้ไหมคะ เทียบที่ความขยันเท่ากัน
ครูยุคเก่าบางคนถึงไม่เก่งเลย พูดอังกฤษไม่ได้ ทัศนคติค่อนข้างล้าสมัย ไม่ทันต่อเหตุการณ์บ้านเมืองหรือวิธีคิดไม่สมเหตุสมผล ใช้คอมพิวเตอร์ไม่เป็น ฯลฯ แต่ก็เป็นครูได้ ยิ่งโรงเรียนเล็กๆตามต่างจังหวัดนี่คุณภาพครูอาจจะไม่ดีเท่าไร ( ไม่รวมท่านที่พัฒนาตนเองนะคะ ครูสูงวัยบางคนพัฒนาตนเองเสมอๆ แต่ภาพพจน์ส่วนใหญ่มันเป็นแบบนั้น เท่าที่เจอมา ) ผิดกับยุคนี้ที่สอบบรรจุรับราชการยาก ต้องจบตรงสาย ต้องแข่งเยอะ คนเรียนเก่งจะสอบผ่านมากขึ้น อันนี้สังเกตจากเพื่อนๆที่เป็นครู รู้สึกว่าต้องเก่งสักหน่อยถึงจะเป็นได้
หรืองานเอกชน คนเก่าๆบางทีไม่ต้องเรียนสูง จบ ปวช. มาก็สามารถใช้ประสบการณ์ทำงานไต่เต้าได้ บางทีค่าเฉลี่ยความเก่งมันไม่ได้สูง แต่ยุคนี้คงไม่ค่อยมีแล้วที่หัวหน้างานจะไม่จบ ป.ตรี หรือโท คงเพราะใครๆก็จบ นอกจากต้องเก่งแล้ววุฒิก็ต้องมีด้วย ถึงวุฒิมันจะไม่ใช่ตัวสะท้อนความเก่งในงานเลยหรือไม่ตรงกับงาน ก็ต้องไปขนขวายจบมา
ค่าจ้างขั้นต่ำขึ้นมากก็ไม่ได้ ประเทศเพื่อนบ้านอย่าง เวียดนาม ค่าจ้างต่ำกว่าเยอะ กฎหมายแรงงานบ้างเราบังคับจ่ายเงินชดเชยเลิกจ้างเยอะด้วย แม้ว่าจะต้องจ่ายประกันสังคมอีก ซ้ำซ้อนกันมากๆ บริษัทต่างชาติเค้ามองว่าต้นทุนค่าจ้างกับค่าชดเชยสูง แถมสหภาพแรงงานน่าเบื่อจะเอานั่นเอานี่ ไม่ได้ก็ประท้วงหยุดงาน เลิกจ้างก็จ่ายค่าชดเชยเยอะอีก ย้ายฐานการผลิตไปเลย
คนไทยก็ไม่ได้รับการส่งเสริมให้มีธุรกิจ มีแบรนด์อะไรเป็นของตัวเอง นี่ยังนึกไม่ออกเลยว่าถ้าตัวเองเป็นเด็กจบใหม่จะทำยังไงกับค่าจ้าง 9,000 บาทที่นายจ้างประกาศหา ( แพงนายจ้างก็จ่ายไม่ไหวเหมือนกันถ้าค่างาน ผลิตภาพงาน มันน้อย ) คงเน้นทำงานต่างประเทศอย่างเดียว ไม่ว่าจะไปในฐานะอะไรก็ตาม หรือคงต้องเรียนในสาขาที่ตลาดแรงงานต้องการจริงๆ ( ซึ่งไม่ใช่ทุกคนจะเรียนไหว สอบเข้าได้ มหาลัยเอกชนก็แพงอีก )
มหาลัยเองยังต้องหาเงินด้วยการเปิดสาขาวิชาอะไรก็ไม่รู้ ที่ตลาดแรงงานไม่ต้องการ แต่เด็กเรียนไหว สาขาครอบจักรวาลชื่อแปลกๆ ได้ปริญญาเป็นพวกจิปาถะ เรียนอะไรที่ไม่ทักษะแบบ hard skills จบมาก็ตกงาน หรือโดนพวกไม่จบตรงสายแต่ดันเก่งกว่าในสายงานจริงๆแย่งงานไปอีก