ขั้วโลกของดาวอังคาร
องค์การอวกาศยุโรปเผยภาพพื้นที่ขั้วโลกเหนือของดาวอังคาร ซึ่งดาวอังคารมีแผ่นน้ำแข็งถาวรอยู่ที่ขั้วทั้งสอง เมื่อถึงฤดูหนาวของแต่ละขั้วพื้นที่โดยรอบก็จะตกอยู่ในความมืดอย่างต่อเนื่อง โดยก้อนน้ำแข็งแห้ง หรือคาร์บอนไดออกไซด์เยือกแข็ง บริเวณขั้วโลกเหนือนั้นทั่วไปแล้วจะมีความหนาประมาณ 1 เมตร
ดาวอังคารสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากโลกโดยง่ายซึ่งจะปรากฏให้เห็นเป็นสีออกแดง มีความส่องสว่างปรากฏได้ถึง −2.91 ซึ่งเป็นรองเพียงดาวพฤหัสบดี ดาวศุกร์ ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ ดาวอังคารมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณครึ่งหนึ่งของโลก และมีพื้นที่ผิวน้อยกว่าพื้นที่ผิวดินทั้งหมดของโลกรวมกันเพียงเล็กน้อย ดาวอังคารมีความหนาแน่นน้อยกว่าโลก มีปริมาตรประมาณร้อยละ 15 ของโลก และมีมวลประมาณร้อยละ 11 ของมวลของโลก
วงก้นหอยคล้ายลาเต้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์แช่แข็งที่ตกตะกอนออกมาจากชั้นบรรยากาศของดาวอังคารในฤดูหนาว รางเกลียวในชั้นเกิดจากแรงลมที่หมุนรอบขั้วโลกอันเนื่องจากการหมุนของดาวเคราะห์ ภาพนี้เป็นภาพโมเสคที่สร้างขึ้นจากภาพจำนวนมากที่ถ่ายโดยภารกิจของ ESA และ NASA วงก้นหอยนี้ครอบคลุมพื้นที่ประมาณหนึ่งล้านตารางกิโลเมตร
ดาวอังคารเกิดพายุหมุนขนาดเล็กอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเหมือนกับพายุหมุนบางๆ ที่มักเกิดในทะเลทรายบนโลก ส่วนพายุหมุนขนาดใหญ่และรุนแรงมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมากๆ พายุขนาดใหญ่ที่มนุษย์สำรวจได้คือพายุไซโคลนในปี 1999 ที่บริเวณขั้วโลกเหนือของดาวอังคาร เป็นพายุหมุนที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1,770 กิโลเมตร แต่พายุนี้คงอยู่แค่ประมาณ 6 ชั่วโมงเท่านั้นก่อนจะสลายตัวหายไป แต่หลังจากนั้นก็ได้รับข้อมูลพายุลักษณะคล้ายกันแต่ขนาดเล็กกว่าเกิดขึ้นในบริเวณนี้อยู่เรื่อยๆ เช่นในปี 2001, 2009 และ 2004
ขั้วโลกใต้ของจูปิเตอร์
องค์การนาซ่าเปิดตัวภาพอันน่าทึ่งของขั้วโลกใต้ของจูปิเตอร์ซึ่งถ่ายโดยยานจูโนที่มาถึงดาวก๊าซยักษ์นี้เมื่อฤดูร้อนสามปีที่แล้ว ในภาพแสดงให้เห็นกลุ่มเมฆ และพายุที่แปรปรวนหลายขนาดหมุนรอบเสาขั้วโลกอย่างหนาแน่น ภาพนี้ถ่ายจากความสูง 52,000 กิโลเมตร พายุไซโคลนแต่ละอันมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1,000 กิโลเมตร
ดาวพฤหัสบดีเป็นวัตถุที่สว่างที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ในท้องฟ้า (รองจากดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวศุกร์) อย่างไรก็ตาม บางครั้งดาวอังคารก็ปรากฏสว่างกว่าดาวพฤหัสบดี) จึงเป็นที่รู้จักมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ APOD เผยภาพนี้โดยนำภาพของดาวพฤหัสบดีกว่า 1,000 รูป มารวมกันจนเกิดเป็นภาพเคลื่อนไหวขึ้นมา
ดาวพฤหัสบดีหมุนรอบตัวเองด้วยอัตราเร็วสูงที่สุด เมื่อเทียบกับดาวเคราะห์ดวงอื่นในระบบสุริยะ ทำให้มีรูปร่างแป้นเมื่อดูผ่านกล้องโทรทรรศน์ นอกจากชั้นเมฆที่ห่อหุ้มดาวพฤหัสบดี ร่องรอยที่เด่นชัดที่สุดบนดาวพฤหัสบดี คือ จุดแดงใหญ่ ซึ่งเป็นพายุหมุนที่มีขนาดใหญ่กว่าโลก
นอกจากจุดแดงใหญ่แล้ว ดาวพฤหัสบดียังมีพายุหมุนอีกมากมายหลายสี เช่นสีขาว และสีน้ำตาล แต่ไม่มีอันไหนที่ใหญ่เท่าจุดแดงใหญ่แล้ว มันเปรียบเทียบได้กับความเสียหายที่เฮอร์ริเคนแคทริน่าสร้างไว้ในปี 2005 ซึ่งเป็นเฮอร์ริเคนที่สร้างความเสียหายมากที่สุด หรือเทียบกับพายุหมุนที่รุนแรงที่สุดในโลกอย่างไต้ฝุ่นทิปในปี 1979 ที่สร้างความเสียหายรุนแรงให้หลายประเทศในโลก ทั้ง 2 พายุนั้นมีความแรงแค่ระดับ 5 แต่จุดแดงใหญ่นั้นถ้าเทียบตามระดับของพายุหมุนในโลกแล้ว กว่าระดับ 20 พายุขนาดยักษ์เป็น 3 เท่าของโลกนี้ใช้เวลาหมุนเพียงรอบละ 6 นาทีเท่านั้น
ขั้วเหนือของดาวเสาร์
ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะห์ที่น่าทึ่งอีกดวงหนึ่ง ขั้วโลกของดาวเคราะห์ดวงนี้ไม่มีอะไรที่เหมือนกับสิ่งที่เห็นบนดาวเคราะห์ดวงอื่นในระบบสุริยะ บริเวณขั้วเหนือของดาวเสาร์ แสดงการเกิดเจ็ตสตรีมหรือพายุหมุน ลักษณะรูปทรง 6 เหลี่ยม (Hexagon) มีความกว้างครอบคลุม 3,500 กิโลเมตร บรรยากาศภายในพายุมีอนุภาคหมอกควันขนาดใหญ่และมีความเข้มข้นของอนุภาค ภายใน 6 เหลี่ยม มีตาพายุ (นอกวงเล็กใจกลาง) กระจายทั่วไปประมาณ 50 แห่ง
ตาพายุบางส่วนนี้หมุนตามเข็มนาฬิกา แต่จุดศูนย์กลางขั้วในสุดเหนือของขั้วดาวเสาร์ตรงกลาง มีกำลังหมุนแรงอย่างรวดเร็ว กลับเป็นทิศทางการหมุนทวนเข็มนาฬิกา (เป็นการ หมุนต่างทิศทางกัน) ขอบจึงเกิดรูปทรงเป็น 6 เหลี่ยม ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษบางอย่างบนดาวเสาร์ ส่วนขอบใหญ่วงนอกสุดหมุนทวนเข็มนาฬิกา
พายุขนาดใหญ่ที่ขั้วเหนือดาวเสาร์ จากรูปถ่ายล่าสุดจากยานแคสสินีที่ปฏิบัติการอยู่รอบดาวเสาร์ที่ส่งมานั้นสามารถเปลี่ยนจากสีโทนฟ้า-น้ำเงิน ไปเป็นสีส้ม-ทอง โดยยังมีสีฟ้าอยู่ที่ศูนย์กลางพายุเป็นบริเวณเล็กๆ และจากการที่ดาวเสาร์มีแกนดาวเอียงเหมือนโลกของเรา คือเอียง 26.73° (โลกเอียง 23.5°) ทำให้ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะห์ที่มีฤดูกาลเหมือนที่โลก คืออุณหภูมิของ 2 ขั้วดาวเหนือใต้จะสลับกันร้อนเย็นเมื่อโคจรไปรอบดวงอาทิตย์
สีที่เปลี่ยนไปนักดาราศาสตร์คาดว่ามาจากอนุภาคฝุ่นผงหรือแอโรซอลในบรรยากาศดาวเสาร์บริเวณที่เป็นพายุ ถูกแสงอาทิตย์ส่องเป็นระยะเวลานานในช่วงหน้าร้อนของซีกเหนือของดาว เป็นผลให้เกิดปฏิกิริยาเคมีเปลี่ยนสีของอนุภาคขึ้นมา ส่วนสาเหตุอื่นอาจเป็นการหมุนวนของกระแสอากาศ
ดาวเสาร์เป็นที่รู้จักกันในฐานะดาวเคราะห์ที่มีวงแหวนชัดเจนที่สุดในระบบสุริยะ และยังเป็นดาวเคราะห์ที่มีความหนาแน่นน้อยที่สุดจนสามารถลอยน้ำได้ พายุที่น่าสนใจที่สุดก็คือพายุหมุนที่อยู่ตรงกลางบริเวณหกเหลี่ยมหรือ hexagonal storm บริเวณขั้วโลกเหนือของดาวเสาร์ บริเวณหกเหลี่ยมนี้มีขนาดใหญ่กว่าโลก ส่วนตาพายุตรงกลางนี้ใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมงครึ่งในการหมุนหนึ่งรอบ
พายุหมุนหกเหลี่ยมนี้ค้นพบครั้งแรกโดยยานวอยเยเจอร์ในปี 1981 และถูกถ่ายวิดีโอและใช้กล้องอินฟาเรดบันทึกภาพส่งกลับมาอีกครั้งในปี 2006 โดยยานแคสซินี่ ทำให้นักดาราศาสตร์ทราบว่าพายุนี้มีความเร็วลมถึง 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ขั้วโลกของเนปจูน
นักดาราศาสตร์ใช้อินฟราเรดในการสังเกตสิ่งแปลกประหลาดของดาวเนปจูน ดาวเคราะห์อันเย็นยะเยือกนี้มีอุณหภูมิสูงต่ำกว่า -240 องศาเซลเซียสตลอดกาล และที่ระยะห่างของดาวเนปจูนที่ได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์น้อยกว่าโลกถึง 900 เท่า แม้ขั้วโลกใต้จะหนาวจัด แต่ก็อบอุ่นพอที่จะให้ก๊าซมีเธนหนีออกจากขั้วและเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก มีเธนจำนวนมากในชั้นบรรยากาศเหล่านี้ที่ทำให้ดาวเคราะห์มีสีฟ้า
ดาวเนปจูนมีแกนเอียงประมาณ 28 ° เมื่อเทียบกับโลก 23 ° ทำให้มีช่วงเวลาที่ซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ได้รับแสงแดดไม่เท่ากันในแต่ละช่วงปี ด้านที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์จะเป็นฤดูร้อน ด้านที่หันออกจากดวงอาทิตย์ก็จะเป็นฤดูหนาว จึงทำให้มีความแตกต่างของปริมาณแสงอาทิตย์ที่ได้รับในแต่ละซีกเช่นเดียวกันโลก อย่างไรก็ตาม ดาวเนปจูนใช้เวลาประมาณ 165 ปีในการโคจรรอบดวงอาทิตย์หนึ่งครั้ง ซึ่งหมายความว่าแต่ละฤดูกาลของดาวเนปจูนใช้เวลานานกว่า 40 ปีในโลก
ซีกโลกเหนือของดาวเนปจูนถูกโหมกระหน่ำจากพายุสีดำลึกลับหลายครั้ง พายุสีดำนี้ถูกพบแล้ว 4 ครั้งที่ดาวเคราะห์ดวงนี้ โดย 2 ครั้งแรกถ่ายภาพไว้ได้ด้วยกล้องของยานวอยเอเจอร์ตั้งแต่ปี 1989 ครั้งที่ 3 ถ่ายภาพได้โดยกล้องฮับเบิ้ลเมื่อปีที่แล้ว (2018) ในครั้งล่าสุดนี้ ฮับเบิ้ลพบพายุสีดำอยู่ข้างเมฆมีเทนสีขาวที่ซีกเหนือของดาวตามที่เห็นในภาพ โดยกะประมาณขนาดพายุสีดำลูกนี้ได้ราว 10,944 กิโลเมตร นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบที่มาของการเกิดพายุนี้ แต่คาดว่าน่าจะเกิดจากกระแสแก้สที่ปั่นป่วนในบรรยากาศแบบเดียวกับที่พบบนดาวพฤหัส
ขั้วโลกของดาวศุกร์
ชื่อละตินของดาวศุกร์ (Venus) มาจากเทพีแห่งความรักของโรมัน ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์หิน มีขนาดใกล้เคียงกับโลก ดาวศุกร์เป็นวัตถุท้องฟ้าที่สว่างที่สุดเป็นลำดับที่ 3 รองจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เนื่องจากดาวศุกร์มีวงโคจรใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลก จึงมีมุมห่างจากดวงอาทิตย์ไม่เกิน 47.8° มองเห็นได้เฉพาะในเวลาเช้ามืดหรือหัวค่ำเท่านั้น ขณะปรากฏในท้องฟ้าเวลาหัวค่ำทางทิศตะวันตก เรียกว่า ดาวประจำเมือง และเมื่อปรากฏในท้องฟ้าเวลาเช้ามืดทางทิศตะวันออก เรียกว่า ดาวประกายพรึก หรือ ดาวรุ่ง
แต่เชื่อว่าชาวบาบิโลนโบราณรู้จักดาวศุกร์มาตั้งแต่ราว 1,600 ปีก่อนคริสตกาล ด้วยความสว่างสุกใสของดาวศุกร์น่าจะเป็นที่รู้จักมาก่อนหน้านั้นนานแล้วนับตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์
ดาวศุกร์มีพายุหมุนที่นักดาราศาสตร์เชื่อว่าคงอยู่ถาวรและเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศในดาวศุกร์ไปแล้ว นั่นคือพายุหมุนที่อยู่บริเวณขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ของดาวศุกร์ แต่ไม่ได้มีลักษณะเหมือนพายุทั่วไป เพราะพายุตรงแต่ละขั้วนั้นมี 2 ตาพายุอยู่ข้างกันอีก ทำให้ดาวศุกร์มีพายุหมุนถาวรถึง 4 ตา และตาพายุทั้ง 2 ของแต่ละขั้วโลกนั้นก็เชื่อมกันเป็นตัว S
พายุหมุนที่ 2 ขั้วนี้มักจะสลายตัวทุกๆ 2 วันแล้วก็ก่อตัวขึ้นใหม่อีก เป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อยๆ พายุนี้มีขนาดใหญ่กว่าพายุทั่วไปบนโลก 4 เท่า และก่อตัวสูงขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ 20 กิโลเมตร (ยอดเขาเอเวอเรสต์สูง 8 กิโลเมตร)
ขอบคุณที่มา
https://youtu.be/7U--7zUsZrU
https://youtu.be/P8IrV0xSkkU
https://www.facebook.com/myscitv/photos/a.468678016122.255756.151464141122/10154423423146123/?type=3&theater
https://www.nasa.gov/image-feature/jpl/pia21049/changing-colors-in-saturns-north
https://stem.in.th/uranusnaptunenewpic/
Cr.
https://board.postjung.com/1066716 / โดย ghost
Cr.
https://board.postjung.com/1029277 / โดย ิทาสแมว
Cr.
http://www.sunflowercosmos.org/A00-08-solar_system_saturn.html
Cr.
https://stem.in.th/พายุรูป-6-เหลี่ยมที่ขั้ว/เรียบเรียงโดย @MrVop
Cr.
https://www.amusingplanet.com/2017/12/poles-of-beauty.html / โดยKaushik Patowary
Cr.
https://vpchothuegoldenking.com/th/hubble-telescope-showed-amazing-weather-phenomena-of-uranus-and-neptune/
Cr.
https://board.postjung.com/1128098 / โพสท์โดย กะทิ
Cr.
https://stromgalaxy.wordpress.com/author/stromgalaxy/ By UNCATEGORIZED
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา )
พายุขั้วโลกของดาวต่างๆในระบบสุริยะ
องค์การอวกาศยุโรปเผยภาพพื้นที่ขั้วโลกเหนือของดาวอังคาร ซึ่งดาวอังคารมีแผ่นน้ำแข็งถาวรอยู่ที่ขั้วทั้งสอง เมื่อถึงฤดูหนาวของแต่ละขั้วพื้นที่โดยรอบก็จะตกอยู่ในความมืดอย่างต่อเนื่อง โดยก้อนน้ำแข็งแห้ง หรือคาร์บอนไดออกไซด์เยือกแข็ง บริเวณขั้วโลกเหนือนั้นทั่วไปแล้วจะมีความหนาประมาณ 1 เมตร
ดาวอังคารสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าจากโลกโดยง่ายซึ่งจะปรากฏให้เห็นเป็นสีออกแดง มีความส่องสว่างปรากฏได้ถึง −2.91 ซึ่งเป็นรองเพียงดาวพฤหัสบดี ดาวศุกร์ ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ ดาวอังคารมีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณครึ่งหนึ่งของโลก และมีพื้นที่ผิวน้อยกว่าพื้นที่ผิวดินทั้งหมดของโลกรวมกันเพียงเล็กน้อย ดาวอังคารมีความหนาแน่นน้อยกว่าโลก มีปริมาตรประมาณร้อยละ 15 ของโลก และมีมวลประมาณร้อยละ 11 ของมวลของโลก
วงก้นหอยคล้ายลาเต้เป็นคาร์บอนไดออกไซด์แช่แข็งที่ตกตะกอนออกมาจากชั้นบรรยากาศของดาวอังคารในฤดูหนาว รางเกลียวในชั้นเกิดจากแรงลมที่หมุนรอบขั้วโลกอันเนื่องจากการหมุนของดาวเคราะห์ ภาพนี้เป็นภาพโมเสคที่สร้างขึ้นจากภาพจำนวนมากที่ถ่ายโดยภารกิจของ ESA และ NASA วงก้นหอยนี้ครอบคลุมพื้นที่ประมาณหนึ่งล้านตารางกิโลเมตร
ดาวอังคารเกิดพายุหมุนขนาดเล็กอยู่เรื่อยๆ ซึ่งเหมือนกับพายุหมุนบางๆ ที่มักเกิดในทะเลทรายบนโลก ส่วนพายุหมุนขนาดใหญ่และรุนแรงมีโอกาสเกิดขึ้นได้น้อยมากๆ พายุขนาดใหญ่ที่มนุษย์สำรวจได้คือพายุไซโคลนในปี 1999 ที่บริเวณขั้วโลกเหนือของดาวอังคาร เป็นพายุหมุนที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1,770 กิโลเมตร แต่พายุนี้คงอยู่แค่ประมาณ 6 ชั่วโมงเท่านั้นก่อนจะสลายตัวหายไป แต่หลังจากนั้นก็ได้รับข้อมูลพายุลักษณะคล้ายกันแต่ขนาดเล็กกว่าเกิดขึ้นในบริเวณนี้อยู่เรื่อยๆ เช่นในปี 2001, 2009 และ 2004
ขั้วโลกใต้ของจูปิเตอร์
องค์การนาซ่าเปิดตัวภาพอันน่าทึ่งของขั้วโลกใต้ของจูปิเตอร์ซึ่งถ่ายโดยยานจูโนที่มาถึงดาวก๊าซยักษ์นี้เมื่อฤดูร้อนสามปีที่แล้ว ในภาพแสดงให้เห็นกลุ่มเมฆ และพายุที่แปรปรวนหลายขนาดหมุนรอบเสาขั้วโลกอย่างหนาแน่น ภาพนี้ถ่ายจากความสูง 52,000 กิโลเมตร พายุไซโคลนแต่ละอันมีเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1,000 กิโลเมตร
ดาวพฤหัสบดีเป็นวัตถุที่สว่างที่สุดเป็นอันดับที่ 4 ในท้องฟ้า (รองจากดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดาวศุกร์) อย่างไรก็ตาม บางครั้งดาวอังคารก็ปรากฏสว่างกว่าดาวพฤหัสบดี) จึงเป็นที่รู้จักมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ APOD เผยภาพนี้โดยนำภาพของดาวพฤหัสบดีกว่า 1,000 รูป มารวมกันจนเกิดเป็นภาพเคลื่อนไหวขึ้นมา
ดาวพฤหัสบดีหมุนรอบตัวเองด้วยอัตราเร็วสูงที่สุด เมื่อเทียบกับดาวเคราะห์ดวงอื่นในระบบสุริยะ ทำให้มีรูปร่างแป้นเมื่อดูผ่านกล้องโทรทรรศน์ นอกจากชั้นเมฆที่ห่อหุ้มดาวพฤหัสบดี ร่องรอยที่เด่นชัดที่สุดบนดาวพฤหัสบดี คือ จุดแดงใหญ่ ซึ่งเป็นพายุหมุนที่มีขนาดใหญ่กว่าโลก
นอกจากจุดแดงใหญ่แล้ว ดาวพฤหัสบดียังมีพายุหมุนอีกมากมายหลายสี เช่นสีขาว และสีน้ำตาล แต่ไม่มีอันไหนที่ใหญ่เท่าจุดแดงใหญ่แล้ว มันเปรียบเทียบได้กับความเสียหายที่เฮอร์ริเคนแคทริน่าสร้างไว้ในปี 2005 ซึ่งเป็นเฮอร์ริเคนที่สร้างความเสียหายมากที่สุด หรือเทียบกับพายุหมุนที่รุนแรงที่สุดในโลกอย่างไต้ฝุ่นทิปในปี 1979 ที่สร้างความเสียหายรุนแรงให้หลายประเทศในโลก ทั้ง 2 พายุนั้นมีความแรงแค่ระดับ 5 แต่จุดแดงใหญ่นั้นถ้าเทียบตามระดับของพายุหมุนในโลกแล้ว กว่าระดับ 20 พายุขนาดยักษ์เป็น 3 เท่าของโลกนี้ใช้เวลาหมุนเพียงรอบละ 6 นาทีเท่านั้น
ขั้วเหนือของดาวเสาร์
ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะห์ที่น่าทึ่งอีกดวงหนึ่ง ขั้วโลกของดาวเคราะห์ดวงนี้ไม่มีอะไรที่เหมือนกับสิ่งที่เห็นบนดาวเคราะห์ดวงอื่นในระบบสุริยะ บริเวณขั้วเหนือของดาวเสาร์ แสดงการเกิดเจ็ตสตรีมหรือพายุหมุน ลักษณะรูปทรง 6 เหลี่ยม (Hexagon) มีความกว้างครอบคลุม 3,500 กิโลเมตร บรรยากาศภายในพายุมีอนุภาคหมอกควันขนาดใหญ่และมีความเข้มข้นของอนุภาค ภายใน 6 เหลี่ยม มีตาพายุ (นอกวงเล็กใจกลาง) กระจายทั่วไปประมาณ 50 แห่ง
ตาพายุบางส่วนนี้หมุนตามเข็มนาฬิกา แต่จุดศูนย์กลางขั้วในสุดเหนือของขั้วดาวเสาร์ตรงกลาง มีกำลังหมุนแรงอย่างรวดเร็ว กลับเป็นทิศทางการหมุนทวนเข็มนาฬิกา (เป็นการ หมุนต่างทิศทางกัน) ขอบจึงเกิดรูปทรงเป็น 6 เหลี่ยม ซึ่งเป็นลักษณะพิเศษบางอย่างบนดาวเสาร์ ส่วนขอบใหญ่วงนอกสุดหมุนทวนเข็มนาฬิกา
พายุขนาดใหญ่ที่ขั้วเหนือดาวเสาร์ จากรูปถ่ายล่าสุดจากยานแคสสินีที่ปฏิบัติการอยู่รอบดาวเสาร์ที่ส่งมานั้นสามารถเปลี่ยนจากสีโทนฟ้า-น้ำเงิน ไปเป็นสีส้ม-ทอง โดยยังมีสีฟ้าอยู่ที่ศูนย์กลางพายุเป็นบริเวณเล็กๆ และจากการที่ดาวเสาร์มีแกนดาวเอียงเหมือนโลกของเรา คือเอียง 26.73° (โลกเอียง 23.5°) ทำให้ดาวเสาร์เป็นดาวเคราะห์ที่มีฤดูกาลเหมือนที่โลก คืออุณหภูมิของ 2 ขั้วดาวเหนือใต้จะสลับกันร้อนเย็นเมื่อโคจรไปรอบดวงอาทิตย์
สีที่เปลี่ยนไปนักดาราศาสตร์คาดว่ามาจากอนุภาคฝุ่นผงหรือแอโรซอลในบรรยากาศดาวเสาร์บริเวณที่เป็นพายุ ถูกแสงอาทิตย์ส่องเป็นระยะเวลานานในช่วงหน้าร้อนของซีกเหนือของดาว เป็นผลให้เกิดปฏิกิริยาเคมีเปลี่ยนสีของอนุภาคขึ้นมา ส่วนสาเหตุอื่นอาจเป็นการหมุนวนของกระแสอากาศ
ดาวเสาร์เป็นที่รู้จักกันในฐานะดาวเคราะห์ที่มีวงแหวนชัดเจนที่สุดในระบบสุริยะ และยังเป็นดาวเคราะห์ที่มีความหนาแน่นน้อยที่สุดจนสามารถลอยน้ำได้ พายุที่น่าสนใจที่สุดก็คือพายุหมุนที่อยู่ตรงกลางบริเวณหกเหลี่ยมหรือ hexagonal storm บริเวณขั้วโลกเหนือของดาวเสาร์ บริเวณหกเหลี่ยมนี้มีขนาดใหญ่กว่าโลก ส่วนตาพายุตรงกลางนี้ใช้เวลาประมาณ 10 ชั่วโมงครึ่งในการหมุนหนึ่งรอบ
พายุหมุนหกเหลี่ยมนี้ค้นพบครั้งแรกโดยยานวอยเยเจอร์ในปี 1981 และถูกถ่ายวิดีโอและใช้กล้องอินฟาเรดบันทึกภาพส่งกลับมาอีกครั้งในปี 2006 โดยยานแคสซินี่ ทำให้นักดาราศาสตร์ทราบว่าพายุนี้มีความเร็วลมถึง 500 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ขั้วโลกของเนปจูน
นักดาราศาสตร์ใช้อินฟราเรดในการสังเกตสิ่งแปลกประหลาดของดาวเนปจูน ดาวเคราะห์อันเย็นยะเยือกนี้มีอุณหภูมิสูงต่ำกว่า -240 องศาเซลเซียสตลอดกาล และที่ระยะห่างของดาวเนปจูนที่ได้รับพลังงานจากดวงอาทิตย์น้อยกว่าโลกถึง 900 เท่า แม้ขั้วโลกใต้จะหนาวจัด แต่ก็อบอุ่นพอที่จะให้ก๊าซมีเธนหนีออกจากขั้วและเข้าสู่ชั้นบรรยากาศของโลก มีเธนจำนวนมากในชั้นบรรยากาศเหล่านี้ที่ทำให้ดาวเคราะห์มีสีฟ้า
ดาวเนปจูนมีแกนเอียงประมาณ 28 ° เมื่อเทียบกับโลก 23 ° ทำให้มีช่วงเวลาที่ซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้ได้รับแสงแดดไม่เท่ากันในแต่ละช่วงปี ด้านที่หันเข้าหาดวงอาทิตย์จะเป็นฤดูร้อน ด้านที่หันออกจากดวงอาทิตย์ก็จะเป็นฤดูหนาว จึงทำให้มีความแตกต่างของปริมาณแสงอาทิตย์ที่ได้รับในแต่ละซีกเช่นเดียวกันโลก อย่างไรก็ตาม ดาวเนปจูนใช้เวลาประมาณ 165 ปีในการโคจรรอบดวงอาทิตย์หนึ่งครั้ง ซึ่งหมายความว่าแต่ละฤดูกาลของดาวเนปจูนใช้เวลานานกว่า 40 ปีในโลก
ซีกโลกเหนือของดาวเนปจูนถูกโหมกระหน่ำจากพายุสีดำลึกลับหลายครั้ง พายุสีดำนี้ถูกพบแล้ว 4 ครั้งที่ดาวเคราะห์ดวงนี้ โดย 2 ครั้งแรกถ่ายภาพไว้ได้ด้วยกล้องของยานวอยเอเจอร์ตั้งแต่ปี 1989 ครั้งที่ 3 ถ่ายภาพได้โดยกล้องฮับเบิ้ลเมื่อปีที่แล้ว (2018) ในครั้งล่าสุดนี้ ฮับเบิ้ลพบพายุสีดำอยู่ข้างเมฆมีเทนสีขาวที่ซีกเหนือของดาวตามที่เห็นในภาพ โดยกะประมาณขนาดพายุสีดำลูกนี้ได้ราว 10,944 กิโลเมตร นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบที่มาของการเกิดพายุนี้ แต่คาดว่าน่าจะเกิดจากกระแสแก้สที่ปั่นป่วนในบรรยากาศแบบเดียวกับที่พบบนดาวพฤหัส
ขั้วโลกของดาวศุกร์
ชื่อละตินของดาวศุกร์ (Venus) มาจากเทพีแห่งความรักของโรมัน ดาวศุกร์เป็นดาวเคราะห์หิน มีขนาดใกล้เคียงกับโลก ดาวศุกร์เป็นวัตถุท้องฟ้าที่สว่างที่สุดเป็นลำดับที่ 3 รองจากดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ เนื่องจากดาวศุกร์มีวงโคจรใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าโลก จึงมีมุมห่างจากดวงอาทิตย์ไม่เกิน 47.8° มองเห็นได้เฉพาะในเวลาเช้ามืดหรือหัวค่ำเท่านั้น ขณะปรากฏในท้องฟ้าเวลาหัวค่ำทางทิศตะวันตก เรียกว่า ดาวประจำเมือง และเมื่อปรากฏในท้องฟ้าเวลาเช้ามืดทางทิศตะวันออก เรียกว่า ดาวประกายพรึก หรือ ดาวรุ่ง
แต่เชื่อว่าชาวบาบิโลนโบราณรู้จักดาวศุกร์มาตั้งแต่ราว 1,600 ปีก่อนคริสตกาล ด้วยความสว่างสุกใสของดาวศุกร์น่าจะเป็นที่รู้จักมาก่อนหน้านั้นนานแล้วนับตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์
ดาวศุกร์มีพายุหมุนที่นักดาราศาสตร์เชื่อว่าคงอยู่ถาวรและเป็นส่วนหนึ่งของบรรยากาศในดาวศุกร์ไปแล้ว นั่นคือพายุหมุนที่อยู่บริเวณขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ของดาวศุกร์ แต่ไม่ได้มีลักษณะเหมือนพายุทั่วไป เพราะพายุตรงแต่ละขั้วนั้นมี 2 ตาพายุอยู่ข้างกันอีก ทำให้ดาวศุกร์มีพายุหมุนถาวรถึง 4 ตา และตาพายุทั้ง 2 ของแต่ละขั้วโลกนั้นก็เชื่อมกันเป็นตัว S
พายุหมุนที่ 2 ขั้วนี้มักจะสลายตัวทุกๆ 2 วันแล้วก็ก่อตัวขึ้นใหม่อีก เป็นวงจรแบบนี้ไปเรื่อยๆ พายุนี้มีขนาดใหญ่กว่าพายุทั่วไปบนโลก 4 เท่า และก่อตัวสูงขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ 20 กิโลเมตร (ยอดเขาเอเวอเรสต์สูง 8 กิโลเมตร)
ขอบคุณที่มา https://youtu.be/7U--7zUsZrU
https://youtu.be/P8IrV0xSkkU
https://www.facebook.com/myscitv/photos/a.468678016122.255756.151464141122/10154423423146123/?type=3&theater
https://www.nasa.gov/image-feature/jpl/pia21049/changing-colors-in-saturns-north
https://stem.in.th/uranusnaptunenewpic/
Cr.https://board.postjung.com/1066716 / โดย ghost
Cr.https://board.postjung.com/1029277 / โดย ิทาสแมว
Cr.http://www.sunflowercosmos.org/A00-08-solar_system_saturn.html
Cr.https://stem.in.th/พายุรูป-6-เหลี่ยมที่ขั้ว/เรียบเรียงโดย @MrVop
Cr.https://www.amusingplanet.com/2017/12/poles-of-beauty.html / โดยKaushik Patowary
Cr.https://vpchothuegoldenking.com/th/hubble-telescope-showed-amazing-weather-phenomena-of-uranus-and-neptune/
Cr.https://board.postjung.com/1128098 / โพสท์โดย กะทิ
Cr.https://stromgalaxy.wordpress.com/author/stromgalaxy/ By UNCATEGORIZED
(ขอขอบคุณที่มาของข้อมูลทั้งหมดและขออนุญาตนำมา )