41 ปี AOT กับภารกิจบริหาร 6 สนามบินของคนไทยเพื่อคนไทย

ครั้งแรกของการเดินทางของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป เต็มไปด้วยหลากหลายเรื่องราวให้จดจำ ตั้งแต่เพื่อนร่วมทาง การกำหนดจุดหมาย การจองที่พัก การเลือกวิธีการเดินทาง เพราะทุกคนต่างคาดหวังในการเดินทางแต่ละครั้งว่าจะเต็มไปด้วยความสุข ความสนุกสนาน ความประทับใจจากประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่จะได้พบเห็นและสัมผัส


ยิ่งถ้าใครที่อายุผ่านหลักสี่มาแล้วนี่คงรู้ซึ้งว่าการเริ่มทริปนี่มันช่างเต็มไปด้วยความปวดหัว วุ่นวาย แต่แล้วทริปนั้นก็มักจะจบลงด้วยรอยยิ้มและความสุขพร้อมภาพจำที่ประทับใจเสมอ

คนรุ่นใหม่อาจจะนึกภาพไม่ออกเพราะตอนนี้เรามีสนามบินที่ทันสมัย อยากไป เชียงราย เชียงใหม่ หาดใหญ่ ภูเก็ต ก็แค่จองตั๋วพาตัวและสัมภาระไปให้ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ หรือสนามบินดอนเมือง แล้วรอขึ้นเครื่องราวชั่วโมงนิด ๆ ก็ถึงสนามบินปลายทางแล้ว มันช่างสะดวกสบายง่ายดายเกินกว่าที่เราจะจินตนาการได้เมื่อย้อนไปเมื่อ 40 ปีที่แล้ว


ครั้งแรกของการเดินทางด้วยเครื่องบิน คน “หลักสี่” ย่อมรู้ดี รู้ซึ้ง และเชื่อว่าหลายคนแอบอมยิ้มอยู่ในใจ สมัยนั้นการบอกใครต่อใครว่าจะได้บินไปเที่ยว หรือไปสนามบินดอนเมืองหัวใจก็พองฟูแล้ว เพราะสมัยนั้นถ้าไม่ใช่เพราะหน้าที่การงานให้ได้ไปต่างประเทศ หรือไปงานที่ต่างจังหวัด เรื่องของการโดยสารเครื่องบินนี่ก็ออกจะห่างไกลอยู่สักกหน่อย การไปสนามบินสมัยนั้นเป็นความโกลาหลในระดับย่อม ๆ เพราะไหนจะต้องไหว้วานคนให้ไปส่งที่สนามบิน ต้องจัดสรรพื้นที่กระเป๋าทำน้ำหนักให้พอดี ต้องไปถึงสนามบินล่วงหน้าเพื่อเช็คอิน ตรวจค้น และไปเดินเตร็ดเตร่ ชมร้านนั่นนี่ในสนามบินรอเวลาบอร์ดดิ้ง แอบชื่นชมเหล่าเจ้าหน้าที่ผู้ที่ทำงานในสนามบินในหลายส่วนทั้งเจ้าหน้าที่สนามบิน แอร์ สจ๊วต เจ้าหน้าที่ศุลกากร ช่างเป็นคนในเครื่องแบบที่บุคลิกดี ยิ้มเก่ง แก้ปัญหาต่าง ๆ นานา ให้คนที่มาสนามบินได้เก่งชะมัด เพราะแม้สี่สิบปีที่แล้วการเดินทาง โดยเครื่องบินจะมีข้อจำกัดพอสมควร แต่ก็ถือว่าเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในสนามบินทุกคนสามารถรับมือกับผู้โดยสารเอย บรรดาญาติ บรรดารถที่เข้า - หรือการรับเรื่องสารพัดได้จบครบ จากกันด้วยความพึงพอใจแทบจะทุกเคส


พอมาถึงยุคแห่งการที่ทุกคนมีอิสระในการบินมากขึ้น เราก็เห็นการขยายตัวของสนามบิน ในพื้นที่ซึ่งเป็นยุทธศาสตร์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศเติบโตตามลำดับ จากจุดเริ่มที่ดอนเมืองที่รองรับนักท่องเที่ยวเกินกำลัง ประเทศไทยก็ได้มีท่าอากาศยานสุวรรณภูมิที่สวยงามทันสมัยทัดเทียมนานาชาติขึ้นมาเสริม นอกจากนั้น ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ ต่างก็ปรับโฉม เพิ่มศักยภาพการบริการเพื่อรองรับนักเดินทางจากทั้งในและนอกประเทศเป็นลำดับ เพราะนี่คือจุดหมายของนักท่องเที่ยวที่จะนำพารายได้และสร้างอาชีพ สร้างความคึกคัก และรอยยิ้มกว้าง ๆ ให้กับชุมชนได้เป็นอย่างดี


ในวันที่ใคร ๆ ก็บินได้ ผู้คนมีอิสระในการเดินทางด้วยเครื่องบินอย่างกว้างขวาง เรื่องการเดินทางด้วยเครื่องบินของใครหลายคนจึงอาจจะมองข้ามร่องรอยบางอย่างไป มองข้ามบทบาทของใครหลายคนที่ทำให้การเดินทางของเรากลายเป็นเรื่องง่าย มองข้ามความพยายาม ทุ่มเท ที่จะให้บริการ ตอบคำถาม รับเรื่องร้อนใจที่เกิดขึ้นในสนามบินไปช่วยสะสาง มองข้ามคนที่คอยคิดแทนเราด้วยการจัดระบบการเดินทางมายังสนามบินให้ง่ายขึ้น จัดพื้นที่พักคอยที่ลดความน่าเบื่อของการรอไฟล์ทบิน ไม่ว่าจะเป็นโซนร้านค้า  ชอปปิ้ง มุมถ่ายภาพแจ่ม ๆ จุดบริการทางการแพทย์ ธุรกรรม จุดตรวจความปลอดภัย จุดบริการข้อมูล บลา ๆๆ ใครกันที่สามารถคิดค้น ออกแบบ บริหารสนามบินเพื่อให้การเดินทางของเราทุกคนได้มีความสุขทันทีที่เท้าแตะสนามบิน


หลายคนเมื่อได้ยินชื่อ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT ก็อาจจะเผลอเข้าใจไปว่ารัฐวิสาหกิจที่ก่อตั้งมาแล้วถึง 41 ปี คือผู้บริหารสายการบิน แต่เอาเข้าจริงแล้วรัฐวิสาหกิจแห่งนี้คือหน่วยงานที่อยู่เบื้องหลังการเติบโตของสนามบินชั้นนำของประเทศไทยทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่


8 มีนาคม 2457 ประเทศไทยมีเที่ยวบินปฐมฤกษ์ วันที่ 1 กรกฎาคม 2522 ก่อตั้งท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย ตามมาด้วยการได้รับความไว้วางใจให้รับโอนเพื่อบริหารท่าอากาศยานที่เป็นยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของประเทศ อย่างท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ จากวันนั้นถึงปัจจุบันเป็นการครบรอบ 41 ปีของการเป็นผู้บริหารสนามบินของคนไทย ซึ่งให้การรองรับนักเดินทางกว่า 140 ล้านคน ให้บริการขนถ่ายสินค้าทั้งสิ้น 1.47 ล้านตัน รองรับเที่ยวบินทั้งสิ้น 909,837 เที่ยวบิน ในปี 2562 (อ้างอิงจาก รายงานการพัฒนาอย่างยั่งยืน ปี 2562 หน้า 21) ที่ผ่านมา

และน่าคิดว่าหากเป็นไปตามแผนแม่บทการพัฒนาศักยภาพสนามบินของ AOT ตั้งเป้าไว้ในปี 2578 ที่ว่า

ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 120 ล้านคนต่อปี รองรับเที่ยวบินได้ราว 120 เที่ยวบินต่อชั่วโมง รวมทั้งรองรับการขนส่งสินค้าและพัสดุ 3 ล้านตันต่อปี

ท่าอากาศยานดอนเมือง จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 40 ล้านคนต่อปี รองรับปริมาณเที่ยวบิน 50 เที่ยวบินต่อชั่วโมง รองรับการขนส่งสินค้าและพัสดุ 5.2 หมื่นตันต่อปี

ท่าอากาศยานเชียงใหม่ จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 20 ล้านคนต่อปี รองรับปริมาณเที่ยวบิน 34 เที่ยวบินต่อชั่วโมง รองรับการขนส่งสินค้าและพัสดุ 3.5 หมื่นตันต่อปี

ท่าอากาศยานหาดใหญ่ จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 10.5 ล้านคนต่อปี รองรับปริมาณเที่ยวบิน 21 เที่ยวบินต่อชั่วโมง รองรับการขนส่งสินค้าและพัสดุ 1.4 หมื่นตันต่อปี


ท่าอากาศยานภูเก็ต จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 18 ล้านคนต่อปี รองรับปริมาณเที่ยวบิน 25 เที่ยวบินต่อชั่วโมง รองรับการขนส่งสินค้าและพัสดุ 4.5 หมื่นตันต่อปี

และท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวง เชียงราย จะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ 5.2 ล้านคนต่อปี รองรับปริมาณเที่ยวบิน 16 เที่ยวบินต่อชั่วโมง รองรับการขนส่งสินค้าและพัสดุ 3,000 ตันต่อปี (อ้างอิงจาก รายงานการพัฒนาอย่างยั่งยืน ปี 2562 หน้า 44-48)

หากสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจริง คิดดูว่าจะมีเม็ดเงินขนาดไหนที่ไหลเข้ามาสู่ชุมชน สร้างงาน สร้างความสุข ความมั่นคง สร้างความภาคภูมิใจ สร้างรอยยิ้มให้กับคนไทยทั้งประเทศได้ขนาดไหน

ปีที่ 41 ของ AOT ในการบริหารสนามบินชั้นนำของคนไทยทั้งประเทศ จึงควรเป็นวันที่คนไทยทุกคนได้ยิ้มกว้าง ๆ ภาคภูมิใจที่ได้ใช้บริการ และเป็นเจ้าของสนามบินที่ดีที่สุดในโลกเป็นสนามบินที่มอบความปลอดภัยด้วยมาตรฐาน บริการด้วยหัวใจ สร้างความสุขให้กับคนไทยมาอย่างต่อเนื่องยาวนานอย่างแท้จริง



[Advertorial]