คงต้องเท้าความไปสมัยวัยรุ่น
เลยแหละ(13-14นี่วัยรุ่นแล้วโน๊ะ) บ้านผมยังใช้ตะเกียงน้ำมัน
โซล่าอยู่เลย อยู่แต่ไหนอยู่มาได้ มืดเมื่อไหร่นั่นแหละถึงจะรู้ว่าตะเกียงน้ำมันหมด คนรวยก็อาจใช้ไฟแบตบ้างไรบ้าง แต่แถวบ้านผมใช้ตะเกียงทุกหลัง
ทีนี้กว่าจะรู้ว่าน้ำมันหมดก็หกโมงกว่าแหละ ยิ่งหน้าหนาวมืดเร็วนี่
มืดตื๋อเลย จะไปคนเดียวก็กลัว
ผีครับ ชวนน้องไปด้วยพอได้เป็น
เพื่อนกลัว(ไปคนเดียวกลัวคนเดียว ไปสองคนกลัวสองคนค่อย
ยังชั่วหน่อย😁) แล้ววันสยอง
ของผมก็มาถึง เหตุการณ์ดังว่า
ก็เวียนมาบรรจบอีกครั้งหนึ่ง(โห...ปานเล่านิทานโน๊ะ)
เช่นเคยครับ นายแม่จะใช้ใครไปซื้อล่ะถ้าไม่ไช่ผม และผมก็จะไปคนเดียวได้ยังไง😂
จำได้ว่าตอนนั้นเข้าหน้าหนาวแล้วละ ทั้งมืดเร็วทั้งลมแรง ผมก็บอกกับน้องว่า ถ้าเห็นหรือได้ยิน
อะไรแปลกๆอย่าทักนะให้กอด
แขนเฮียแน่นๆ(กันน้องวิ่งหนีครับ
เห็นมั้ยผมฉลาด🤣) น้องก็น่ารัก
มากเดินตามเฮียเงียบกริ๊บ
ผ่านขาไป ไปด้วยดีทีนี้ขากลับ
สิครับ แถวชนบทน่ะบ้านก็จะอยู่ห่างกัน แถมไม่มีไฟฟ้ามองไปทางไหนก็มืดไปหมด ช้ำสองข้างทางยังเป็นป่า อีกข้างยูคาลิปตัส
อีกข้างมันสำปะหลังที่ตัดต้น
เตรียมขุด(เขาชอบปลูกมันช่วงเดือน12ครับ เพราะจะได้มันโตเต็มที่น้ำหนักหัวดีแป้งดี ราคาก็
ดีไปด้วย) จนอีกประมาณสัก100เมตรจะถึงบ้าน ผมก็ได้
ยินเสียงนึง ดังมาก
มันดังเหมือนเสียงกระพือปีกของ
นกใหญ่ๆ ผมกับน้องหยุดกึก
หัวใจเหมือนจะหยุดเต้นเลยครับ
และ รู้ไช่ไหมครับว่าน้องต้องกอดผมแน่นชนิดถ้าสิงได้คงไม่
ลังเลเลยละ ผมเองก็แหะๆ
สั่นเป็นเจ้าเข้า
น้อง: เฮียหนูกลัว หนูวิ่งนะ
ผม:. ไม่ๆเฮียอยู่นี่ไม่ต้องกลัว
น้อง: แต่มันหน้ากลัวนะ ค้างคาวยักษ์รึเปล่า
ผม: ไม่รู้ แต่อย่าวิ่งนะ
น้องก็ไม่วิ่งครับ แต่กอดผมตัวสั่น
อยู่อย่างนั้น ผมเองก็กลัวจนขา
แข้งอ่อน(แต่ด้วยความเป็นพี่ วิ่ง
ก่อนน้องก็อายสิครับ.. ที่แท้ก้าวขาไม่ออก😆) ผ่านไปเป็นนาที
แหละก็พอจะตั้งสติได้ พอสติมา
ปัญญาก็เกิด ก็ได้คิดว่า เออ..
นกอะไรมันจะกระพือปีกบินอยู่
ที่เดิม ให้ยังไงก็ต้องเคลื่อนที่บ้าง
แหละ ก็เลยบอกกับน้องว่า
ผม: ยืนอยู่ตรงนี้นะ เฮียจะเข้าไป
ดูว่ามันเป็นตัวอะไร เสียงมันอยู่ที่
ดินตรงนี้แหละ
น้อง: ถ้ามันเป็นผีล่ะ
ผม: เฮียจะร้อง ถ้าเฮียร้องรีบวิ่ง
ไปบ้านตามคนช่วยเฮียเลยนะ
ไม่ต้องวิ่งเข้าไปช่วยเอง
บอกน้องเข้าใจแล้วผมก็ย่องเข้าไป ความรู้สึกตอนนั้นโครต
กลัวเลยครับ อยากรู้ก็อยาก
กลัวก็กลัว .ห่วงน้องก็ห่วง
แต่พอผมย่องเข้าไปถึง...
จากกลัวๆผมขำก๊าก รีบกลับ
มาจูงน้องไปดูผีค้างคาวยักษ์
แล้วทีนี้สองคนพี่น้องก็แข่งกัน
ขำจนต้องนั่งกุมท้อง กว่าจะมีแรงเดินกลับบ้านได้หลายนาที
เลยละ
ผีที่ผมเจอมันคือถุงหูหิ้วยักษ์ครับ
หูนึงเกาะต้นมันอยู่ อีกหูสะบัดตามลมแบบไม่เกรงใจใครเล๊ย
ไม่สนด้วยว่าสองพี่น้องจะหัวใจ
วายตายเพราะมัน อยู่รอมร่อ
ตั้งแต่นั้นมาผมไม่เคยกลัวอะไร
แบบขาดสติอีกเลยครับ
ผมว่าถ้าวันนั้นผมวิ่ง ทุกวันนี้ก็คง
ยังสงสัยอยู่แหละว่าวันนั้นมันคือเสียงอะไร
ถ้าเพื่อนๆได้ยินเหมือนผมจะเข้า
ไปดูกันไหมครับ
ถ้ามีประสบการณ์แบบนี้อย่าลืม
เล่าให้ฟังบ้างนะ
ใครเคยมีประสบการณ์ขนหัวลุกแบบขำๆบ้างไหม
เลยแหละ(13-14นี่วัยรุ่นแล้วโน๊ะ) บ้านผมยังใช้ตะเกียงน้ำมัน
โซล่าอยู่เลย อยู่แต่ไหนอยู่มาได้ มืดเมื่อไหร่นั่นแหละถึงจะรู้ว่าตะเกียงน้ำมันหมด คนรวยก็อาจใช้ไฟแบตบ้างไรบ้าง แต่แถวบ้านผมใช้ตะเกียงทุกหลัง
ทีนี้กว่าจะรู้ว่าน้ำมันหมดก็หกโมงกว่าแหละ ยิ่งหน้าหนาวมืดเร็วนี่
มืดตื๋อเลย จะไปคนเดียวก็กลัว
ผีครับ ชวนน้องไปด้วยพอได้เป็น
เพื่อนกลัว(ไปคนเดียวกลัวคนเดียว ไปสองคนกลัวสองคนค่อย
ยังชั่วหน่อย😁) แล้ววันสยอง
ของผมก็มาถึง เหตุการณ์ดังว่า
ก็เวียนมาบรรจบอีกครั้งหนึ่ง(โห...ปานเล่านิทานโน๊ะ)
เช่นเคยครับ นายแม่จะใช้ใครไปซื้อล่ะถ้าไม่ไช่ผม และผมก็จะไปคนเดียวได้ยังไง😂
จำได้ว่าตอนนั้นเข้าหน้าหนาวแล้วละ ทั้งมืดเร็วทั้งลมแรง ผมก็บอกกับน้องว่า ถ้าเห็นหรือได้ยิน
อะไรแปลกๆอย่าทักนะให้กอด
แขนเฮียแน่นๆ(กันน้องวิ่งหนีครับ
เห็นมั้ยผมฉลาด🤣) น้องก็น่ารัก
มากเดินตามเฮียเงียบกริ๊บ
ผ่านขาไป ไปด้วยดีทีนี้ขากลับ
สิครับ แถวชนบทน่ะบ้านก็จะอยู่ห่างกัน แถมไม่มีไฟฟ้ามองไปทางไหนก็มืดไปหมด ช้ำสองข้างทางยังเป็นป่า อีกข้างยูคาลิปตัส
อีกข้างมันสำปะหลังที่ตัดต้น
เตรียมขุด(เขาชอบปลูกมันช่วงเดือน12ครับ เพราะจะได้มันโตเต็มที่น้ำหนักหัวดีแป้งดี ราคาก็
ดีไปด้วย) จนอีกประมาณสัก100เมตรจะถึงบ้าน ผมก็ได้
ยินเสียงนึง ดังมาก
มันดังเหมือนเสียงกระพือปีกของ
นกใหญ่ๆ ผมกับน้องหยุดกึก
หัวใจเหมือนจะหยุดเต้นเลยครับ
และ รู้ไช่ไหมครับว่าน้องต้องกอดผมแน่นชนิดถ้าสิงได้คงไม่
ลังเลเลยละ ผมเองก็แหะๆ
สั่นเป็นเจ้าเข้า
น้อง: เฮียหนูกลัว หนูวิ่งนะ
ผม:. ไม่ๆเฮียอยู่นี่ไม่ต้องกลัว
น้อง: แต่มันหน้ากลัวนะ ค้างคาวยักษ์รึเปล่า
ผม: ไม่รู้ แต่อย่าวิ่งนะ
น้องก็ไม่วิ่งครับ แต่กอดผมตัวสั่น
อยู่อย่างนั้น ผมเองก็กลัวจนขา
แข้งอ่อน(แต่ด้วยความเป็นพี่ วิ่ง
ก่อนน้องก็อายสิครับ.. ที่แท้ก้าวขาไม่ออก😆) ผ่านไปเป็นนาที
แหละก็พอจะตั้งสติได้ พอสติมา
ปัญญาก็เกิด ก็ได้คิดว่า เออ..
นกอะไรมันจะกระพือปีกบินอยู่
ที่เดิม ให้ยังไงก็ต้องเคลื่อนที่บ้าง
แหละ ก็เลยบอกกับน้องว่า
ผม: ยืนอยู่ตรงนี้นะ เฮียจะเข้าไป
ดูว่ามันเป็นตัวอะไร เสียงมันอยู่ที่
ดินตรงนี้แหละ
น้อง: ถ้ามันเป็นผีล่ะ
ผม: เฮียจะร้อง ถ้าเฮียร้องรีบวิ่ง
ไปบ้านตามคนช่วยเฮียเลยนะ
ไม่ต้องวิ่งเข้าไปช่วยเอง
บอกน้องเข้าใจแล้วผมก็ย่องเข้าไป ความรู้สึกตอนนั้นโครต
กลัวเลยครับ อยากรู้ก็อยาก
กลัวก็กลัว .ห่วงน้องก็ห่วง
แต่พอผมย่องเข้าไปถึง...
จากกลัวๆผมขำก๊าก รีบกลับ
มาจูงน้องไปดูผีค้างคาวยักษ์
แล้วทีนี้สองคนพี่น้องก็แข่งกัน
ขำจนต้องนั่งกุมท้อง กว่าจะมีแรงเดินกลับบ้านได้หลายนาที
เลยละ
ผีที่ผมเจอมันคือถุงหูหิ้วยักษ์ครับ
หูนึงเกาะต้นมันอยู่ อีกหูสะบัดตามลมแบบไม่เกรงใจใครเล๊ย
ไม่สนด้วยว่าสองพี่น้องจะหัวใจ
วายตายเพราะมัน อยู่รอมร่อ
ตั้งแต่นั้นมาผมไม่เคยกลัวอะไร
แบบขาดสติอีกเลยครับ
ผมว่าถ้าวันนั้นผมวิ่ง ทุกวันนี้ก็คง
ยังสงสัยอยู่แหละว่าวันนั้นมันคือเสียงอะไร
ถ้าเพื่อนๆได้ยินเหมือนผมจะเข้า
ไปดูกันไหมครับ
ถ้ามีประสบการณ์แบบนี้อย่าลืม
เล่าให้ฟังบ้างนะ