Idol (ไอดอล) ในวงการบันเทิงคืออะไร....ต่างกับศิลปินอย่างไร....รู้จัก Idol อย่างละเอียด

เนื้อหานี้เขียนขึ้นเพื่อให้คนได้เข้าใจคำว่า "ไอดอล" (ในวงการบันเทิง) ที่ญี่ปุ่นเริ่มใช้และรู้จักไอดอลของญี่ปุ่นมากขึ้น เนื่องจากผมยังเห็นว่ามีหลายคนที่ยังมีความเข้าใจผิดเกี่ยวกับบันเทิงญี่ปุ่นอยู่พอสมควร ไม่ว่าจะเป็นบางอย่างที่มีหลายคนเข้าใจผิดเกี่ยวกับไอดอลของญี่ปุ่นว่าจะต้องเป็นเหมือนกับ AKB48  หรือบางอย่างที่มีคนไม่น้อยคิดว่าญี่ปุ่นเอารูปแบบของเกาหลีมา หรือเกาหลีเป็นคนเริ่ม (ที่จริงก็ไม่รู้เหมือนกันครับว่าใครเริ่มแต่ไม่ใช่เกาหลีเพราะมันเป็นไปพร้อมๆ กันทั่วโลก)

เนื้อหาในกระทู้เป็นเนื้อหาที่มีการตัดทอนมาจากในบล๊อก ซึ่งก็ยังยาวอยู่ ผมอยากให้คนเข้าใจเรื่องนี้กันมากขึ้น และมันก็ไม่ง่ายที่จะอธิบายต่อไปจากจุดที่มีหลายคนเข้าใจผิดกันอยู่ เพื่อจะแก้ความเข้าใจผิดแบบนั้นมันก็เลยต้องยอมให้ยาวครับ

ถ้าสนใจสามารถอ่านแบบเต็มได้ตามลิงค์นี้ครับ
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=naai-nyo&month=07-2020&date=16&group=1&gblog=21
_______________________________________

ช่วงสัก 2-3 ปีมานี้คนไทยเราได้รู้จักคำว่า Idol กันมากขึ้นจากการที่ไทยเรามีการซื้อลิขสิทธิ์ตั้งวง BNK48 ในฐานะวงน้องของ AKB48 ของญี่ปุ่น ซึ่งการเกิดขึ้นของ BNK48 นี้ทำให้คนไทยรู้จัก Idol มากขึ้น เกิดคำเรียกใหม่ๆ ขึ้นมาทั้ง โอตะ โอชิ และอื่นๆ มากมาย แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ดูจะยังไม่ค่อยรู้จัก Idol อย่างแท้จริง

เนื่องจากคนไทยรับเอา Idol จากญี่ปุ่นมาพร้อมกับ AKB48 ทำให้ยังมีคนอีกไม่น้อยที่คิดว่า Idol ญี่ปุ่น = AKB48 คือมีหลายคนที่คิดว่ารูปแบบ Idol ญี่ปุ่นทั้งหมดจะต้องเป็นแบบ AKB48 ทั้งที่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่เลย Idol ญี่ปุ่นยังมีรูปแบบอื่นๆ หลากหลายกว่านั้น เพราะงั้นวันนี้เราจะมารู้จัก Idol แบบญี่ปุ่นจริงๆ อย่างละเอียดกันครับ

ตัวผมเองก็เป็นคนดู Idol นะครับ ดูมาตั้งแต่ก่อนยุค AKB48 ด้วย แต่ผมไม่ได้เป็นถึงขั้นโอตะ ติ่ง หรืออะไรแบบนั้น Idol สำหรับผมไม่ได้เป็นความหวังหรือแสงสว่างในชีวิตอะไรทั้งนั้นครับ ผมดู Idol เพื่อความบันเทิง ดูเอาความเฮฮา คือถ้าไม่ตลก(ในแบบของผม)ผมก็ไม่ดู (ก็มันเป็นสื่อบันเทิงนี่เนอะ) เพราะงั้นผมดูทั้ง Idol หญิงและชาย อีกส่วนหนึ่งคือผมศึกษาเก็บข้อมูลเพื่อใช้ในงานคาแรคเตอร์สำหรับอนิเมของตัวเองด้วย Idol จึงเป็นแหล่งข้อมูลที่ดี......ตอนที่ผมเริ่มดูราวๆ 10 เทปแรกก็ดูเพื่องานล้วนๆ แหละครับ แต่พอหลังจากนั้นเปลี่ยนเป็นดูเอาสนุกแล้วครับ (ได้งานด้วย สนุกด้วย) คือมันบันเทิงอย่างไม่น่าเชื่อเลย....ด้วยเหตุนี้ทำให้ผมรู้จักและเข้าใจ Idol พอสมควรครับ

Idol ในสายตาของคนไทย

ถึงเราจะรับ Idol เข้ามา 2-3 ปีแล้วแต่ว่าคนไทยส่วนใหญ่ก็ยังไม่รู้จัก Idol ดีนัก ถึงแม้จะเป็นคนที่ติดตาม Idol ก็ตาม


AKB48 เพลง Koisuru Fortune Cookie

ในสายตาคนไทย AKB48 คือรูปแบบของ Idol ญี่ปุ่น บางคนมองว่า Idol คือคนบันเทิงฝีกหัดที่เข้ามาเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนจะไปทำงานในวงการบันเทิงจริง บางคนก็มองไปว่า Idol จะต้องเป็นวงใหญ่ มีสมาชิกเยอะ เน้นขายความสดใส ขายความพยายาม ขายการพัฒนา ไม่เน้นความปึ้กความเป๊ะ และจะต้องมีการออดิชั่น มีการแบ่งทีม มีงานจับมือ มีกิจกรรมต่างๆ ให้แฟนๆ ได้มีส่วนร่วมถ้าไม่เป็นไปตามนี้หรือไม่ใช่แบบนี้คือไม่ใช่ Idol ซึ่งนั้นเป็นความเข้าใจที่ผิดครับ

Idol คืออะไร

ญี่ปุ่นคือคนเริ่มใช้คำว่า Idol เพราะงั้นเราต้องไปทำความเข้าใจว่าญี่ปุ่นใช้คำนี้ในความหมายยังไง

คำว่า Idol ที่ญี่ปุ่นหยิบเอามาใช้คือความหมายประมาณว่า "ขวัญใจวัยรุ่น" หรือ "ขวัญใจมหาชน" ซึ่ง Idol มีทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ผู้หญิงอย่างเดียว และไม่ได้จำกัดอยู่แค่ว่าจะต้องเป็นวงใหญ่ วงที่มีสมาชิก 3 คน 5 คนก็ถือเป็น Idol ได้ คนเดียวมาเดี่ยวๆ ก็เป็น Idol ได้ จะมีการออดิชั่นเป็นรุ่นหรือไม่มีก็ได้ ซึ่งการออดิชั่นมันไม่ได้จำกัดอยู่กับแค่วง Idol แต่มันมีได้แม้กระทั่งกับศิลปินธรรมดาที่ไม่ใช่ Idol ด้วยครับ

บางคนอาจสงสัยว่าถ้าอย่างนี้แล้ว Idol ก็ไม่ต่างอะไรกับ Girl Group หรือ Boy Band เลยสิ (ต่อไปจะเรียกว่า GG/BB นะครับ) แล้วจุดต่างมันอยู่ที่ไหน ทำไมต้องเรียกว่า Idol


ภาพจาก VDO คอมเมนท์ของรายการ Music Station

จุดที่ต่างกันของ Idol กับศิลปินทั่วไป (รวมถึง GG/BB ด้วย) อยู่ที่การทำตลาด ถ้าเน้นขายงานเป็นหลักนั่นคือศิลปิน ซึ่งศิลปินอาจหน้าตาดีก็ได้ แฟนๆ อาจจะชอบตัวศิลปินด้วยก็ได้ แต่ถ้าเป็น Idol จะเน้นขายตัวคนพอๆ กับขายงานครับ คือใช้รูปร่างหน้าตาบุคลิกที่มีจุดเด่นดึงดูดแฟนๆ คนอาจเริ่มด้วยการสนใจที่รูปลักษณ์ก่อนแล้วค่อยตามผลงานหรืออาจชอบผลงานตรงๆ ตั้งแต่แรกเลยก็ได้ และ Idol จะสร้างความรู้สึกหลงไหลคลั่งไคล้ให้แฟนๆ อย่างเข้มข้นกว่าที่ศิลปินทำ คือจะมีกิจกรรมให้แฟนๆ ได้ใกล้ชิดมากกว่าศิลปิน ศิลปินก็มักจะทำงานเพลงอย่างเดียว ถ้าดังมากๆ ก็อาจมีงานโฆษณาเข้ามาด้วย แต่ Idol จะทำให้ตัวคนเป็นที่นิยมและทำให้มีการจ้างงานกว้างกว่า นอกจากการทำเพลงแล้วก็อาจมีงานนางแบบ/นายแบบ งานพรีเซนเตอร์โฆษณา งานด้านการแสดงต่างๆ งานกราเวีย(ผู้หญิง) งานรายการวิทยุ งานร่วมรายการทีวี งานพิธีกร เป็นต้น

ส่วนการออดิชั่นนั้นที่จริงแล้ว Idol อาจไม่มีการออดิชั่นคัดตัวสมาชิกใหม่เป็นรุ่นก็ได้ กลับกันค่ายเพลงหรือเอเจนซี่อาจมีการเปิดออดิชั่นเพื่อหาศิลปินใหม่ๆ ก็ได้ และยิ่งกว่านั้นในวงการอื่นๆ ก็มีการออดิชั่นได้เหมือนกัน เช่น วงการนางแบบ/นายแบบ วงการนักพากย์ วงการนักแสดง การออดิชั่นจึงไม่ได้จำกัดเป็นเพียงสำหรับ Idol เท่านั้นแต่วงการอื่นๆ ก็มีและการออดิชั่นก็ไม่ได้เป็นการบ่งบอกว่านั่นคือ Idol หรือเปล่าด้วย

แนวคิดของญี่ปุ่นที่ต่างจากเกาหลี

ญี่ปุ่นกับเกาหลีมีแนวคิดเกี่ยวกับงานบันเทิงที่ต่างกันทำให้การผลิตสื่อบันเทิงออกมาต่างกันอยู่ค่อนข้างมาก แม้ว่าเกาหลีจะรับเอาแนวคิดเรื่อง Idol จากญี่ปุ่นไปแต่ก็ทำออกมาเป็นคนละรูปแบบกัน ความต่างตรงนี้เกิดจากมุมมองด้านการแสดงของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งมันส่งผลต่องานครีเอทีฟและสื่อบันเทิงต่างๆ ไม่ใช่แค่เฉพาะ Idol.....มันต่างกันยังไงเดี๋ยวมาดูกันครับ

ตรงนี้ต้องบอกก่อนว่าผมไม่ได้ดูบันทิงเกาหลีเยอะเท่าญี่ปุ่นแต่ก็ผ่านตามาไม่น้อย มันไม่เท่ากับแฟนเกาหลีโดยตรงแน่ๆ แต่ผมก็กล้าพูดได้ว่าผ่านตามาไม่น้อยและมากพอที่จะจ้บรูปแบบของเกาหลีได้ ไม่ใช่แค่เปิดผ่านหรือรู้จักที่เขาฮิตกันมากๆ ในไทยแน่นอน เพียงแต่ผมอาจจะจำชื่อหนัง ชื่อคน ชื่อเพลง ชื่อวงต่างๆ ไม่ได้เท่านั้นเองเพราะผมไม่ได้ชอบหรือเป็นแฟนเกาหลี


ภาพจากรายการ Inkigayo เพลง Kill This Love

จากที่ผมสังเกตุมาเกาหลีจะมีแนวความคิดตามฝรั่งตามอเมริกาและมองการแสดง การเต้น ว่าจะต้องเป็นแบบที่มีพื้นฐานมาจากสไตล์ฮิปฮอป แนวๆ Justin Timberlake หรือถ้าผู้หญิงก็จะแนวๆ Britney Spears และค่อนข้างที่จะมีแนวความคิดไปในทางที่ตีกรอบว่าการเต้นที่ดีจะต้องเป็นแบบนี้เท่านั้น ถ้าหลุดออกจากรูปแบบนี้จะมองว่าไม่ดี ไม่เจ๋งหรืออะไรแบบนั้น ทำให้ศิลปินและ Idol เกาหลีทั้งหญิงชายมีรูปแบบการเต้นเป็นแบบนี้ทั้งนั้นและแทบจะไม่มีรูปแบบอื่นเลย รูปแบบการแสดงของเกาหลีส่วนใหญ่ก็มองว่าจะต้องเป็นแบบคอนเสิร์ตปกติที่ทุกคนจะต้องเต้นเป็นท่าเดียวกันทั้งหมด ทำให้เพลงเกาหลีในยุคก่อนหน้านี้มีแต่แบบที่ทุกคนเต้นเหมือนๆ กันทั้งหมด แต่จุดนี้ดูเหมือนว่าช่วงหลังนี่จะเริ่มเปลี่ยนแล้วนะครับ ไม่รู้ว่าเพราะไปร่วมงานกับญี่ปุ่นมากขึ้นหรือเปล่า


ภาพจาก MV เพลง Nee ของวง Perfume

ส่วนญี่ปุ่นจะมีแนวคิดที่กว้างและหลากหลายกว่าโดยไม่ได้ยึดติดอยู่กับรูปแบบของอเมริกา ญี่ปุ่นมองการเต้นในแบบที่กว้างกว่าคือไม่ได้มองว่าการเต้นจะต้องเป็นแบบใดแบบหนึ่งแต่มองว่าการเต้นทุกอย่างทั้ง ฮิปฮอป, เบรคแดนซ์, แจ๊ซแดนซ์, แท็ป, บัลเล่ต์, ฮูล่า, การเต้นพื้นเมืองต่างๆ และอื่นๆ ถือเป็นการเต้นทั้งนั้น ทำให้ญี่ปุ่นสามารถเอารูปแบบต่างๆ มาใช้ได้และสร้างงานครีเอทีฟที่หลากหลายได้มากกว่า การแสดงบนเวทีที่ญี่ปุ่นไม่ได้มองแค่การแสดงแบบคอนเสิร์ตอย่างเดียวแต่ยังมองว่ามันมีการแสดงแบบละครเวทีหรือมิวสิคคัลเพลย์ที่ทุกคนไม่จำเป็นต้องเต้นเหมือนกันตลอดเวลาอีกด้วย ซึ่งจุดนี้ก็เป็นอีกอย่างที่ทำให้มันมีความหลากหลายกว่า

จากการที่เกาหลีใช้แนวทางของอเมริกาทำให้เพลงเกาหลีสามารถขายทั่วโลกได้ง่ายกว่า ส่วนญี่ปุ่นมองภาพพวกนี้กว้างกว่าทำให้สามารถสร้างงานครีเอทีฟได้มากกว่า สร้างอะไรใหม่ๆ ได้มากกว่าแต่ในความครีเอทพวกนั้นมันมีลักษณะเฉพาะของญี่ปุ่นอยู่มาก ทำให้เพลงจากทางญี่ปุ่นจะขายทั่วโลกได้ยากกว่า

ในส่วนของ Idol นั้น เกาหลีจะให้มีการฝึกกันมานานจนเมื่อเปิดตัวจริงก็จะพร้อมจะเป็นมืออาชีพทันที ส่วนญี่ปุ่นมีหลายรูปแบบกว่า ทั้งแบบที่ผ่านการฝึกมาหลายปีก่อนจะฟอร์มเป็นวงขึ้นมาอย่าง Johnny's Jr. และ Hello Project Kids, Hello Project Egg หรืออาจผ่านการฝึกส่วนหนึ่งแล้วค่อยปล่อยให้เรียนรู้ร่วมกับรุ่นพี่ ซึ่งมักเกิดกับสมาชิกใหม่ที่มีการออดิชั่นเข้ามาในวง หรืออาจแทบไม่ได้ฝึกอะไรเท่าไหร่เลยและปล่อยให้เรียนรู้ ปรับตัวและถูกฝึกไปพร้อมกับการทำกิจกรรมร่วมกับรุ่นพี่อย่าง AKB48

Idol ญี่ปุ่น

เท่าที่ผมรู้ Idol ญี่ปุ่นเริ่มต้นในช่วงยุคปี 70 ในตอนนั้น Idol ญี่ปุ่นส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงครับ และกลายเป็น Idol อย่างจริงๆ จังๆ เป็นเรื่องเป็นราวในยุค 80

Idol ในยุค 80 มีทั้งแบบเดี่ยวๆ มาคนเดียว และแบบเป้นวงประมาณ 4-5 คน ซึ่งตอนนั้น Idol ก็เป็นแค่นักร้องขวัญใจวัยรุ่นที่ไม่ได้มีอะไรมากมายอย่างที่เราเห็นในปัจจุบันนี้เลย ไม่ได้เป็นวงใหญ่ ไม่มีการออดิชั่นคัดตัวสมาชิกเพิ่ม ไม่มีงานจับมือ ซึ่ง Idol ในยุคนั้นก็มีอย่างเช่น Shonentai, Musuko Club, Hikaru GENJI, Cha-Cha, Koizumi Kyoko, Nakamori Akina, Oginome Yoko เป็นต้นครับ
 

Oginome Yoko

ในช่วงกลางยุค 80 ก็เริ่มมี Idol แบบวงใหญ่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ก่อนจะถูกพัฒนาต่อยอดมาเป้นอย่างที่เห็นในยุคปัจจุบันอย่างที่เราเห็นกันครับ ต่อมาในยุค 90 ญี่ปุ่นเริ่มมีการจ้างครูฝึกด้านการเต้นจากต่างประเทศโดยเฉพาะอเมริกาเข้าไปฝึกสอนศิลปินนักร้องและรวมถึง Idol บางวงด้วย จากนั้น Idol ญี่ปุ่นก็ค่อยๆ พัฒนารูปแบบขึ้นมาเรื่อยๆ จนเข้ายุคปี 2000 ที่วงการเพลงมีการเปลี่ยนแปลงกันอย่างมาก ในขณะเดียวกันก็เป็นยุคที่ Idol ญี่ปุ่นมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งจากเดิมที่ Idol อาจไม่ได้เน้นด้านการเต้นหรือแสดงประกอบเพลงอะไรมากมายก็เปลี่ยนมามีการเต้นประกอบเพลงมากขึ้นอย่างผิดหูผิดตา และยังมีการสร้างวง Idol ขึ้นมามากมาย บางวงก็เน้นไปที่การแสดงบนเวที บางวงเน้นทั้งร้องทั้งเต้น โดยที่การแสดงของแต่ละวงก็มีรูปแบบหรือสไตล์ของตัวเองที่ต่างกันออกไป

.....มีต่อในคอมเมนท์นะครับ

มีการแก้ไขปรับการเว้นวรรคใหม่ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่