ตั้งแต่เด็กเราเป็นคนที่ไม่ชอบดูละครเลย แทบจะไม่เคยติดละครเลยแม้แต่เรื่องเดียว เท่าที่จำความได้มีเพียงเรื่องเดียวที่ดูตอนเป็นเด็ก ชื่อเรื่องเสน่ห์นางงิ้ว(รุ่นที่จอยศิริลักษณ์เป็นนางเอก) เรื่องเดียวเท่านั้นเลยไม่มีเรื่องอื่น . คือเราชอบดูหนังมากกว่า ทั้งนี้เพราะเรารู้สึกว่าละครไทยดึงดูดอารมณ์ความรู้สึกให้เราอินไม่ได้เท่ากับหนัง . ตอนที่ละครเรื่องไหนโด่งดังมากๆจนกลายเป็นกระแสสังคมที่คนรอบตัวพูดถึง อย่างเช่นเรื่องดอกส้มสีทองหรือบุพเพสันนิวาษ เราก็ยังไม่สนใจจะดู ไม่ได้แอนตี้หรือตั้งใจจะไม่ดู เพียงแต่มันแค่ไม่ได้รู้สึกอยากดู คือถ้าบังเอิญเปิดมาโดนตาก็คงได้ดูไปคราวหนึ่งเท่านั้น ไม่รู้สึกอินหรืออยากติดตามต่อเลยสักเรื่องเดียว . ยิ่งซี่รี่ย์วายยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะมันไม่มีเรื่องไหนกระเพื่อมเป็นวงกว้างได้เราก็ยิ่งไม่เคยสนใจเข้าไปใหญ่
จนกระทั้งเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาเกิดโควิด19ระบาดไปทั้งโลก พอดีมีซีรีย์วายเรื่องหนึ่งชื่อว่า
เพราะเราคู่กัน(สารวัตร-ไทน์) โด่งดังปังๆๆไปทั้งโลก ถึงแม้ว่าในประเทศไทยจะไม่ดังเท่ากับบุพเพสันนิวาสเมื่อปีก่อน ทว่าดังไกลออกไปนอกประเทศมากกว่าหลายเท่า ถึงขั้นดังข้ามทวีปเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้น..แม้จะดังขนาดที่แฮชแทกเตะกระแทกตาเราทุกวันตอนที่ละครออนแอร์ เราก็หาได้คิดจะดูไม่ เพราะอย่างที่บอกว่าเป็นคนที่ไม่ชอบดูละคร(ขนาดตอนบุพเพสันนิวาสออนแอร์เราก็ยังไม่ดูเลย) . จนแล้วจนเล่าเมื่อกลางเดือนมิถุนายน(ซีรี่ย์จบบริบูรณ์ไปแล้วตั้งเดือน) ขณะที่เรากำลังดูยูทูปไปเรื่อยๆ ก็เผอิญได้เห็นคลิปที่เขาตัดมาเป็นบางฉากสั้นๆ เราเลยลองคลิกเข้าไปดู เป็นตอนที่สารวัตรนอนเบียดกับไทน์บนโซฟา แว๊บแรกคือเรารู้สึกว่า..เออ!เด็กวัยรุ่นสองคนนี้หน้าตาดีจัง ก็เลยลองกดลิงค์ๆตามเข้าไปดูที่ep.1 เท่านั้นแหละ! ไม่นึกเลย..เพียงแค่คลิกเดียวเท่านั้นแหละติดงอมแงมเลย ทีแรกคิดว่าจะดูแค่แป๊บๆ ปรากฏว่ายาวเลยทีนี้ ดูรวดเดียวจบไป6ep.ในคืนเดียว เราดูจนจบภายใน2วันเท่านั้น (นี่ถ้ารุ่งขึ้นไม่ต้องทำงานอาจจะดูจบในคืนนั้นเลย) . พอดูจบแล้วก็ถึงได้รู้ตัวว่า เนี้ยะ!เป็นอาการของสาววายชัดๆ! คือมันอยากติดตามต่อ มันสนใจ อยากตามไปดูชีวิตของเขานอกจอ ตั้งแต่พระเอก2คน เลยไปจนถึงนักแสดงคนอื่น ปกติไม่เล่นIG ก็พลอยหันกลับมาเล่นเพื่อดูดาราทั้งหลายในเรื่อง . จะว่าไปแล้วเรารู้สึกนะว่าเรื่องนี้พลอตไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ ต้องเป็นเพราะพระเอก2คนแน่ๆที่ทำให้ละครดังได้ขนาดนี้ (ไบรท์วินหล่อมากทั้งคู่และสูสีกัน ไบทร์อาจจะหล่อกว่าและหน้าไบร์ทยังหล่อแบบuniversalอีกต่างหาก) . เรายอมรับว่าอินไปกับ2คนนี้ด้วย แล้วก็พลอยอินกับเพลงสครับไปด้วย ทั้งที่ก็ฟังตั้งแต่เด็กอะนะ แต่พอได้ดูคั่นกูแล้วรู้สึกกลับมาชอบเพลงสครับอีกครั้ง รู้สึกว่ามันเพราะมากกว่าเดิม รู้สึกว่าดนตรียังทันสมัยอยู่เลย . แล้วพออิ่มเอมกับซีรีย์มากๆอารมณ์ก็ตกค้าง เมื่อดูจบไปแล้วยังไปหานิยายมาอ่านอีก ตลกตัวเองดีจัง แค่คลิกนั้นคลิกเดียวแท้ๆ
แล้วไม่เพียงเท่านั้น พอรู้สึกอิ่มเอมกับคั่นกูยังไม่หายดี ก็รู้สึกติดใจอยากดูซีรี่ย์BLอีก เลยไปเสริชหาในgoogleและpantip ว่ามีเรื่องไหนแนะนำอีกบ้าง มีกระทู้เก่าอันนึงแนะนำให้ดู
รุ้งสีเทา(เหนือ-พอช) . ดูจบแล้วก็okนะไม่ออกแนวเด็กน้อยหน้าใสจีบกันเหมือนเรื่องแรก แต่พอละครมันทำให้ดูเรียลกว่าแค่เป็นBL ตอนจบก็เลยรู้สึกขัดใจเล็กน้อย ว่าการตายของตัวละครมันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ ดูจงใจแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย (ถ้าเป็นนิยายboyloveจะไม่รู้สึกเท่าไหร่เพราะมันไม่เรียลแต่แรก) . แต่โดยรวมๆแล้วก็ชอบนะ โดยเฉพาะซีนที่ต่อยมวยกันแล้วฝ่ายชายยอมสารภาพรัก ยกตัวขึ้นจูบพร้อมๆกับเพลงรักตกกระทบ โหย.. จังหวะนี้คือโคตรดีเลย พอเราดูถึงตรงนั้นเราตกก็อยู่ในภวังค์ไปแล้ว . เราไปตามหาเพลงเวอรชั่นนั้นฟัง เราว่าเป็นเพลงที่เพราะมากๆๆๆ แต่กลับไม่ดังเท่าไหร่
และเรื่องที่สองนี่เราก็ดูจบภายในวันเดียว โลกที่มีอินเตอร์เนตมันช่างดีกว่าตอนเราที่เป็นเด็กโดยแท้ . เราสามารถดูรวดเดียวจบได้เลยราวกับดูภาพยนตร์ สมัยก่อนคนที่ติดละครมากๆเขาจะทนรอดูทีวีไม่ไหว ต้องไปซื้อหนังสือพิมพ์รายวันมาอ่าน จะมีเนื้อเรื่องละครล่วงหน้ามาตีพิมพ์ให้อ่านก่อนละครจะฉาย ไม่รู้สมัยนี้ยังมีหรือเปล่า?
หลายวันต่อมาเราก็เลยหาเรื่องที่3มาดู ไปได้เรื่อง
dark blue kiss (พีทเก้า) , ในบรรดาซีรีย์และหนังวายที่เราดูทั้ง8เรื่องในเดือนนี้ เราว่าเรื่องนี้สนุกสุด มีพลอตเรื่องดีกว่าเรื่องอื่น มีการดำเนินเรื่องที่ซับซ้อนทุกep.ไม่เยิ้นเย้อ จนถึงจุดพีคจนมีการเฉลยปม (ยิ่งพอเราดูไปหลายๆเรื่องแล้วย้อนกลับไปนึกถึงคั่นกู ขอพูดตามตรง เรารู้สึกว่าพลอตคั่นกูอ่อนสุดแล้วอะ แต่กลับดังปังมหาศาลยิ่งกว่าใคร) . พอดู dark blue kissจบ ก็ได้ข้อมูลว่ามันเป็นภาคต่อเนื่องพัวพันกันเป็นจักรวาล kiss the series ก็เลยตามย้อนไปดูทั้งหมด (แต่รู้สึกว่า dark blue kiss เข้มข้นสุดแล้วล่ะ) . และพอดูซีรีย์จบก็รู้สึกชอบเตนิว ตามไปดูคลิปเตนิวในรายการต่างๆอีก ซึ่งในบรรดาคลิปเซอร์วิสต่อเนื่องของนักแสดงซีรี่ย์วายแต่ละคู่ เราว่าคู่นี้ดูเพลินสุดละ . คือทั้งเตและนิวเป็นคนฉลาดพูดเก่งและมีประสบการณ์มากกว่า ทำให้คู่นี้คุยกันเล่นกันแล้วดูเพลินกว่าคู่อื่นๆ(โดยเฉพาะเตตะวันนี่เราชอบมาก) พอรายการไหนเอาคู่นี้ไปออก เรารู้สึกง่ายสบายแทนพิธีกรเลย คือรายการมันสนุกไปเองโดยพิธีกรไม่ต้องเหนื่อยมาก (บางคู่เป็นเด็กน้อยยังพูดไม่เก่งพิธีกรก็คงเหนื่อยหน่อย เช่น หยิ่นวอ เป็นต้น)
พอดู Kiss หมดแล้วก็คุยกับเพื่อนที่เป็นสาววายว่า มีเรื่องไรสนุกอีก แนะนำมาหน่อย เราก็เลยได้มาอีก 3-4 ชื่อ จึงมาทยอยดูไปทีละเรื่อง . เริ่มจาก
เขามาเช็งเม็งข้างๆหลุมผมครับ (ธัน-เมษ) . เรื่องนี้เรารู้สึกว่าเดินเรื่องค่อนข้างอึดๆ(อาจเป็นเพราะเราดูต่อจากdark blue kissซึ่งดำเนินเรื่องกระชับและมีประเด็นทุกep.ทำให้รู้สึกเปรียบเทียบ) แถมยังเป็นคู่เหนือธรรมชาติคือคนกับผีทำให้เราอินได้ยากๆหน่อย . แต่ถึงอย่างไรเราก็ชอบอยู่ดีเพราะพลอตเรื่องโดยรวมมันดี โดยเฉพาะโหมดsuspenseที่ดีกว่าเรื่องอื่นมาก . แต่กับนักแสดง(โอมสิงโต)เราไม่ได้ติดตามต่อ (ที่ภาษาสาววายเขาเรียกว่าโดนตกใช่มั้ย?)
ดูเช็งเม้งจบแล้ว ก็ข้ามไปดูหนังเรื่อง
ดิวไปด้วยกันนะ(ภพดิว) อาจเป็นเพราะมีลิ้งค์ต่อเนื่องมาจากนักแสดงเช็งเม้ง(ก็คือโอม) . พอเป็นหนังมันก็มีเสน่ห์สำหรับเราไปแล้วครึ่งคะแนน คือเราชอบหนังมากกว่าละคร(หลายเท่า) . เรื่องนี้เราได้อ่านคอมเมนต์ในpantipมากก่อน มีแต่คนติครึ่งหลัง(ตอนโต)แต่เชียร์ครึ่งแรก(ตอนเด็ก) . พอได้ดูเองแล้วก็รู้สึกชอบตอนเด็กเหมือนกัน ดูแล้วอยู่ในภวังค์เลย รู้สึกเหมือนเราหลุดไปยืนอยู่ข้างๆเขา . แต่ก็แอบขัดใจบ้างบางประเด็น เช่นจับเด็กเกย์ไปเข้าค่ายโหด คือเราก็เกิดและโตมาในยุค90 เราเลยรู้ว่ามันไม่ได้ขนาดนั้น เลยแอบขัดๆความรู้สึกอยู่เล็กน้อย ถ้าคนแต่งสามารถประยุกต์เป็นอย่างอื่นที่สมเหตุสมผลกว่านี้ได้ก็คงจะดี . พอตัดมาครึ่งหลังคือขัดความรู้สึกมากๆๆ อาจเป็นเพราะไม่ได้เตรียมใจมาก่อนเลยว่าจะเป็นเรื่องกลับชาติมาเกิด พอไม่ได้ตั้งตัวมาก่อนแล้วหนังมาเฉลยแบบนี้เลยรู้สึกตะขิดตะขวงใจมากเลย (ตอนแรกนึกว่าหลิวอาจจะเป็นลูกสาวดิว) . แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้รังเกียจครึ่งหลังเกินไป เพราะผู้กำกับสามารถเอาอดีตวัยเด็กมาผูกกับครึ่งหลังได้ดีพอสมควร เช่นฉากที่ประตู แล้วด้วยอานิสงส์ที่เราอินกับครี่งเด็กไปแล้วมากๆก็เลยดูจนจบแล้วก็ประทับใจ
เรื่องที่5 คือ
สามเราต้องรอด อันนี้ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่อะ ดูเพราะเตตะวันอย่างเดียวเลย
เรื่องที่6ก็คือ
ธารไทป์เดอะซีรีย์ เรื่องนี้เราชอบมาก . พระเอกหล่อทั้งคู่(โดยเฉพาะกลัฟ) เนื้อเรื่องก็ดูหลากหลายดี ทั้งรัก ทั้งสืบสวน หักมุม ภาพก็สวย เพลงก็เพราะ โดยเฉพาะเลิฟซีนคือจูบสวยดีจูบจริงจังมาก มันดูสวยกว่าจูบของไบรท์วินมากๆๆๆ จูบในคั่นกูนี่ดูขัดใจเป็นที่สุด จูบแบบนั้นใช้มุมกล้องบังยังจะดีเสียกว่า ธารไทป์นี่จูบสวยดีกว่ามาก . แต่ก็แอบขัดใจนิดหน่อยที่ฉากNCดุเดือดและนานเกินไป(ในไลน์ทีวี) ดุเดือดขนาดนี้ก็คงโดนด่าแน่ๆ . ฉะนั้นเราคิดว่า จูบจริงแบบนี้ก็ดูสวยดีอยู่หรอก แต่ควรลดความยาวของฉากNCลงซักหน่อยน่าจะเพอร์เฟค เช่นจูบจริงแต่ไม่ต้องนานมาก แล้วก็เฟดภาพออก ตื่นมาแก้ผ้ากอดกันก็พอแล้ว ไม่ต้องมาซุกไซร้หน้าอกลูบหน้าอกมาเฉียดๆหัวนม เราว่ามันไม่จำเป็นเท่าไหร่นะ (ถึงแม้ว่าเราจะชอบดูก็ตาม)
เรื่องที่7
Love by chance บังเอิญรัก (เอ้พีท) เรื่องนี้เหมือนจะมาก่อนBLทุกเรื่องที่ได้ดู เรื่องนี้เราว่าภาพสวยดี เนื้อเรื่องก็สนุกดีเหมือนกันแม้จะไม่สนุกเท่าธารไทป์ เราว่าพลอตเรื่องนี้เราว่าค่อนข้างอ่อนไปหน่อย ไม่รู้สึกมีจุดพีคตรงไหนเลย แต่ด้วยความที่น้องเซนต์งานดีมาก ละเมียดละมุนที่สุด ขาวสว่างกระจ่างปฐพี (เซนต์กับเมธวินยืนด้วยกันไม่รู้ใครจะฆ่าใคร) แค่ดูหน้าน้องเซนต์คนเดียวเราก็ฟินแล้ว ดังนั้นการได้ดูเด็กๆน่ารัก4คนจีบกันก็ทำให้ฟินจิกหมอนได้ แม้ว่าคู่รองจะไม่แฮปปี้เอนดิ้งก็ตาม
เล่าประสบการณ์เสพย์ติดซีรี่ย์วายและโดนตกครั้งแรก เดือนเดียวดูไป9เรื่อง (มีสปอยเล็กน้อย)
จนกระทั้งเมื่อช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมาเกิดโควิด19ระบาดไปทั้งโลก พอดีมีซีรีย์วายเรื่องหนึ่งชื่อว่า เพราะเราคู่กัน(สารวัตร-ไทน์) โด่งดังปังๆๆไปทั้งโลก ถึงแม้ว่าในประเทศไทยจะไม่ดังเท่ากับบุพเพสันนิวาสเมื่อปีก่อน ทว่าดังไกลออกไปนอกประเทศมากกว่าหลายเท่า ถึงขั้นดังข้ามทวีปเลยทีเดียว แต่ถึงกระนั้น..แม้จะดังขนาดที่แฮชแทกเตะกระแทกตาเราทุกวันตอนที่ละครออนแอร์ เราก็หาได้คิดจะดูไม่ เพราะอย่างที่บอกว่าเป็นคนที่ไม่ชอบดูละคร(ขนาดตอนบุพเพสันนิวาสออนแอร์เราก็ยังไม่ดูเลย) . จนแล้วจนเล่าเมื่อกลางเดือนมิถุนายน(ซีรี่ย์จบบริบูรณ์ไปแล้วตั้งเดือน) ขณะที่เรากำลังดูยูทูปไปเรื่อยๆ ก็เผอิญได้เห็นคลิปที่เขาตัดมาเป็นบางฉากสั้นๆ เราเลยลองคลิกเข้าไปดู เป็นตอนที่สารวัตรนอนเบียดกับไทน์บนโซฟา แว๊บแรกคือเรารู้สึกว่า..เออ!เด็กวัยรุ่นสองคนนี้หน้าตาดีจัง ก็เลยลองกดลิงค์ๆตามเข้าไปดูที่ep.1 เท่านั้นแหละ! ไม่นึกเลย..เพียงแค่คลิกเดียวเท่านั้นแหละติดงอมแงมเลย ทีแรกคิดว่าจะดูแค่แป๊บๆ ปรากฏว่ายาวเลยทีนี้ ดูรวดเดียวจบไป6ep.ในคืนเดียว เราดูจนจบภายใน2วันเท่านั้น (นี่ถ้ารุ่งขึ้นไม่ต้องทำงานอาจจะดูจบในคืนนั้นเลย) . พอดูจบแล้วก็ถึงได้รู้ตัวว่า เนี้ยะ!เป็นอาการของสาววายชัดๆ! คือมันอยากติดตามต่อ มันสนใจ อยากตามไปดูชีวิตของเขานอกจอ ตั้งแต่พระเอก2คน เลยไปจนถึงนักแสดงคนอื่น ปกติไม่เล่นIG ก็พลอยหันกลับมาเล่นเพื่อดูดาราทั้งหลายในเรื่อง . จะว่าไปแล้วเรารู้สึกนะว่าเรื่องนี้พลอตไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ ต้องเป็นเพราะพระเอก2คนแน่ๆที่ทำให้ละครดังได้ขนาดนี้ (ไบรท์วินหล่อมากทั้งคู่และสูสีกัน ไบทร์อาจจะหล่อกว่าและหน้าไบร์ทยังหล่อแบบuniversalอีกต่างหาก) . เรายอมรับว่าอินไปกับ2คนนี้ด้วย แล้วก็พลอยอินกับเพลงสครับไปด้วย ทั้งที่ก็ฟังตั้งแต่เด็กอะนะ แต่พอได้ดูคั่นกูแล้วรู้สึกกลับมาชอบเพลงสครับอีกครั้ง รู้สึกว่ามันเพราะมากกว่าเดิม รู้สึกว่าดนตรียังทันสมัยอยู่เลย . แล้วพออิ่มเอมกับซีรีย์มากๆอารมณ์ก็ตกค้าง เมื่อดูจบไปแล้วยังไปหานิยายมาอ่านอีก ตลกตัวเองดีจัง แค่คลิกนั้นคลิกเดียวแท้ๆ
แล้วไม่เพียงเท่านั้น พอรู้สึกอิ่มเอมกับคั่นกูยังไม่หายดี ก็รู้สึกติดใจอยากดูซีรี่ย์BLอีก เลยไปเสริชหาในgoogleและpantip ว่ามีเรื่องไหนแนะนำอีกบ้าง มีกระทู้เก่าอันนึงแนะนำให้ดูรุ้งสีเทา(เหนือ-พอช) . ดูจบแล้วก็okนะไม่ออกแนวเด็กน้อยหน้าใสจีบกันเหมือนเรื่องแรก แต่พอละครมันทำให้ดูเรียลกว่าแค่เป็นBL ตอนจบก็เลยรู้สึกขัดใจเล็กน้อย ว่าการตายของตัวละครมันดูไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ ดูจงใจแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย (ถ้าเป็นนิยายboyloveจะไม่รู้สึกเท่าไหร่เพราะมันไม่เรียลแต่แรก) . แต่โดยรวมๆแล้วก็ชอบนะ โดยเฉพาะซีนที่ต่อยมวยกันแล้วฝ่ายชายยอมสารภาพรัก ยกตัวขึ้นจูบพร้อมๆกับเพลงรักตกกระทบ โหย.. จังหวะนี้คือโคตรดีเลย พอเราดูถึงตรงนั้นเราตกก็อยู่ในภวังค์ไปแล้ว . เราไปตามหาเพลงเวอรชั่นนั้นฟัง เราว่าเป็นเพลงที่เพราะมากๆๆๆ แต่กลับไม่ดังเท่าไหร่
และเรื่องที่สองนี่เราก็ดูจบภายในวันเดียว โลกที่มีอินเตอร์เนตมันช่างดีกว่าตอนเราที่เป็นเด็กโดยแท้ . เราสามารถดูรวดเดียวจบได้เลยราวกับดูภาพยนตร์ สมัยก่อนคนที่ติดละครมากๆเขาจะทนรอดูทีวีไม่ไหว ต้องไปซื้อหนังสือพิมพ์รายวันมาอ่าน จะมีเนื้อเรื่องละครล่วงหน้ามาตีพิมพ์ให้อ่านก่อนละครจะฉาย ไม่รู้สมัยนี้ยังมีหรือเปล่า?
หลายวันต่อมาเราก็เลยหาเรื่องที่3มาดู ไปได้เรื่อง dark blue kiss (พีทเก้า) , ในบรรดาซีรีย์และหนังวายที่เราดูทั้ง8เรื่องในเดือนนี้ เราว่าเรื่องนี้สนุกสุด มีพลอตเรื่องดีกว่าเรื่องอื่น มีการดำเนินเรื่องที่ซับซ้อนทุกep.ไม่เยิ้นเย้อ จนถึงจุดพีคจนมีการเฉลยปม (ยิ่งพอเราดูไปหลายๆเรื่องแล้วย้อนกลับไปนึกถึงคั่นกู ขอพูดตามตรง เรารู้สึกว่าพลอตคั่นกูอ่อนสุดแล้วอะ แต่กลับดังปังมหาศาลยิ่งกว่าใคร) . พอดู dark blue kissจบ ก็ได้ข้อมูลว่ามันเป็นภาคต่อเนื่องพัวพันกันเป็นจักรวาล kiss the series ก็เลยตามย้อนไปดูทั้งหมด (แต่รู้สึกว่า dark blue kiss เข้มข้นสุดแล้วล่ะ) . และพอดูซีรีย์จบก็รู้สึกชอบเตนิว ตามไปดูคลิปเตนิวในรายการต่างๆอีก ซึ่งในบรรดาคลิปเซอร์วิสต่อเนื่องของนักแสดงซีรี่ย์วายแต่ละคู่ เราว่าคู่นี้ดูเพลินสุดละ . คือทั้งเตและนิวเป็นคนฉลาดพูดเก่งและมีประสบการณ์มากกว่า ทำให้คู่นี้คุยกันเล่นกันแล้วดูเพลินกว่าคู่อื่นๆ(โดยเฉพาะเตตะวันนี่เราชอบมาก) พอรายการไหนเอาคู่นี้ไปออก เรารู้สึกง่ายสบายแทนพิธีกรเลย คือรายการมันสนุกไปเองโดยพิธีกรไม่ต้องเหนื่อยมาก (บางคู่เป็นเด็กน้อยยังพูดไม่เก่งพิธีกรก็คงเหนื่อยหน่อย เช่น หยิ่นวอ เป็นต้น)
พอดู Kiss หมดแล้วก็คุยกับเพื่อนที่เป็นสาววายว่า มีเรื่องไรสนุกอีก แนะนำมาหน่อย เราก็เลยได้มาอีก 3-4 ชื่อ จึงมาทยอยดูไปทีละเรื่อง . เริ่มจาก เขามาเช็งเม็งข้างๆหลุมผมครับ (ธัน-เมษ) . เรื่องนี้เรารู้สึกว่าเดินเรื่องค่อนข้างอึดๆ(อาจเป็นเพราะเราดูต่อจากdark blue kissซึ่งดำเนินเรื่องกระชับและมีประเด็นทุกep.ทำให้รู้สึกเปรียบเทียบ) แถมยังเป็นคู่เหนือธรรมชาติคือคนกับผีทำให้เราอินได้ยากๆหน่อย . แต่ถึงอย่างไรเราก็ชอบอยู่ดีเพราะพลอตเรื่องโดยรวมมันดี โดยเฉพาะโหมดsuspenseที่ดีกว่าเรื่องอื่นมาก . แต่กับนักแสดง(โอมสิงโต)เราไม่ได้ติดตามต่อ (ที่ภาษาสาววายเขาเรียกว่าโดนตกใช่มั้ย?)
ดูเช็งเม้งจบแล้ว ก็ข้ามไปดูหนังเรื่อง ดิวไปด้วยกันนะ(ภพดิว) อาจเป็นเพราะมีลิ้งค์ต่อเนื่องมาจากนักแสดงเช็งเม้ง(ก็คือโอม) . พอเป็นหนังมันก็มีเสน่ห์สำหรับเราไปแล้วครึ่งคะแนน คือเราชอบหนังมากกว่าละคร(หลายเท่า) . เรื่องนี้เราได้อ่านคอมเมนต์ในpantipมากก่อน มีแต่คนติครึ่งหลัง(ตอนโต)แต่เชียร์ครึ่งแรก(ตอนเด็ก) . พอได้ดูเองแล้วก็รู้สึกชอบตอนเด็กเหมือนกัน ดูแล้วอยู่ในภวังค์เลย รู้สึกเหมือนเราหลุดไปยืนอยู่ข้างๆเขา . แต่ก็แอบขัดใจบ้างบางประเด็น เช่นจับเด็กเกย์ไปเข้าค่ายโหด คือเราก็เกิดและโตมาในยุค90 เราเลยรู้ว่ามันไม่ได้ขนาดนั้น เลยแอบขัดๆความรู้สึกอยู่เล็กน้อย ถ้าคนแต่งสามารถประยุกต์เป็นอย่างอื่นที่สมเหตุสมผลกว่านี้ได้ก็คงจะดี . พอตัดมาครึ่งหลังคือขัดความรู้สึกมากๆๆ อาจเป็นเพราะไม่ได้เตรียมใจมาก่อนเลยว่าจะเป็นเรื่องกลับชาติมาเกิด พอไม่ได้ตั้งตัวมาก่อนแล้วหนังมาเฉลยแบบนี้เลยรู้สึกตะขิดตะขวงใจมากเลย (ตอนแรกนึกว่าหลิวอาจจะเป็นลูกสาวดิว) . แต่ถึงกระนั้นก็ไม่ได้รังเกียจครึ่งหลังเกินไป เพราะผู้กำกับสามารถเอาอดีตวัยเด็กมาผูกกับครึ่งหลังได้ดีพอสมควร เช่นฉากที่ประตู แล้วด้วยอานิสงส์ที่เราอินกับครี่งเด็กไปแล้วมากๆก็เลยดูจนจบแล้วก็ประทับใจ
เรื่องที่5 คือ สามเราต้องรอด อันนี้ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่อะ ดูเพราะเตตะวันอย่างเดียวเลย
เรื่องที่6ก็คือ ธารไทป์เดอะซีรีย์ เรื่องนี้เราชอบมาก . พระเอกหล่อทั้งคู่(โดยเฉพาะกลัฟ) เนื้อเรื่องก็ดูหลากหลายดี ทั้งรัก ทั้งสืบสวน หักมุม ภาพก็สวย เพลงก็เพราะ โดยเฉพาะเลิฟซีนคือจูบสวยดีจูบจริงจังมาก มันดูสวยกว่าจูบของไบรท์วินมากๆๆๆ จูบในคั่นกูนี่ดูขัดใจเป็นที่สุด จูบแบบนั้นใช้มุมกล้องบังยังจะดีเสียกว่า ธารไทป์นี่จูบสวยดีกว่ามาก . แต่ก็แอบขัดใจนิดหน่อยที่ฉากNCดุเดือดและนานเกินไป(ในไลน์ทีวี) ดุเดือดขนาดนี้ก็คงโดนด่าแน่ๆ . ฉะนั้นเราคิดว่า จูบจริงแบบนี้ก็ดูสวยดีอยู่หรอก แต่ควรลดความยาวของฉากNCลงซักหน่อยน่าจะเพอร์เฟค เช่นจูบจริงแต่ไม่ต้องนานมาก แล้วก็เฟดภาพออก ตื่นมาแก้ผ้ากอดกันก็พอแล้ว ไม่ต้องมาซุกไซร้หน้าอกลูบหน้าอกมาเฉียดๆหัวนม เราว่ามันไม่จำเป็นเท่าไหร่นะ (ถึงแม้ว่าเราจะชอบดูก็ตาม)
เรื่องที่7 Love by chance บังเอิญรัก (เอ้พีท) เรื่องนี้เหมือนจะมาก่อนBLทุกเรื่องที่ได้ดู เรื่องนี้เราว่าภาพสวยดี เนื้อเรื่องก็สนุกดีเหมือนกันแม้จะไม่สนุกเท่าธารไทป์ เราว่าพลอตเรื่องนี้เราว่าค่อนข้างอ่อนไปหน่อย ไม่รู้สึกมีจุดพีคตรงไหนเลย แต่ด้วยความที่น้องเซนต์งานดีมาก ละเมียดละมุนที่สุด ขาวสว่างกระจ่างปฐพี (เซนต์กับเมธวินยืนด้วยกันไม่รู้ใครจะฆ่าใคร) แค่ดูหน้าน้องเซนต์คนเดียวเราก็ฟินแล้ว ดังนั้นการได้ดูเด็กๆน่ารัก4คนจีบกันก็ทำให้ฟินจิกหมอนได้ แม้ว่าคู่รองจะไม่แฮปปี้เอนดิ้งก็ตาม