ความเป็นห่วงกับความกลัวเขียนต่างกัน ความหมายก็ต่างกันด้วยนะ : ดาวดำผู้กำลังจะเป็นผู้ใหญ่

กระทู้คำถาม
ผมว่านักศึกษาสมัยนี้กับสมัยก่อนอัตลักษณ์มันค่อนข้างต่างกันพอสมควร เมื่อก่อนน่ะพ่อผมเคยเล่าให้ฟังว่าแกเรียนจบ มศ.5 ก็แบกกล้วยแบกข้าวสารเข้ากรุงเทพเลย จุดมุ่งหมายของแกคือคว้าใบปริญญาจากรามคำแหงให้ได้ ไปแบบ...แบบไม่รู้ว่าจะเจอกับอะไร ไปวัดดวงเอาดาบหน้าอะไรทรงๆ นั้น พอไปถึงก็หาวัดที่ใกล้ที่สุดก่อนเป็นอันดับแรก แล้วฝากตัวเป็นศิษย์วัด อย่างน้อยก็ได้ข้าวก้นบาตรประทังชีวิตให้อยู่รอดไปจนเรียนจบ แกบอกพอไปอยู่วัดคนที่มีจุดหมายแบบเดียวกันก็เยอะ แย่งกันกินแย่งกันนอนแย่งกันอ่านหนังสือ การใช้ชีวิตอยู่ในกรุงเทพไม่ได้ง่ายสำหรับเด็กต่างจังหวัดเลยในสมัยนั้น ต้องเข้มแข็งต้องแข็งแกร่งถึงจะอยู่รอดได้

จากรุ่นพ่อก็มาถึงรุ่นพี่ๆ ของผม พี่ชายคนโตผมอายุ 41 นะครับ พี่สาวอีกสองคนก็ลดหลั่นกันลงมาคนละสามปีสี่ปี พี่ชายคนโตนี่แกสอบติดเตรียมทหาร ต้องออกจากบ้านไปอยู่ประจำที่โรงเรียนตั้งแต่อายุ 16-17 การใช้ชีวิตไม่ต้องพูดถึง เรียนทหารมันหนักหนาสาหัสกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว พี่สาวคนที่สองผมสอบติดจุฬา ก็ออกจากบ้านไปเรียนตั้งแต่อายุ 17-18 ทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย ที่บ้านแทบไม่ต้องส่งเงินให้ แกหาเงินเรียนของแกเอง ทำไปทำมายังไงไม่รู้ก็ได้สามีตั้งแต่เรียนไม่จบ แกแต่งงานลับๆ ตอนปีสามกับคนญี่ปุ่น แต่สุดท้ายแกก็เสียชีวิตด้วยสาเหตุที่ผมเองก็ไม่อยากเล่า พี่สาวคนเล็กผมสอบติดขอนแก่น คนนี้พ่อแม่ส่งตังค์ให้บ้าง ไปดูแลที่ ม. บ้าง ตอนเรียนแกรวมหุ้นกับเพื่อนค้าขายนั่นนี่ สุดท้ายออกรถเก๋งขับได้ก่อนเรียนจบ

นี่คือคนใกล้ตัวที่ผมรู้จักนะครับ เห็นไหมว่าต่างจากนักศึกษาสมัยนี้ประมาณหนึ่งเลย คือ...ผมเองไม่ได้ปรามาสหรือสบประมาทว่าน้องๆ จะโตขึ้นแล้วไม่ดีไม่เก่งหรืออะไรนะ ผมกำลังบอกว่าสังคมสมัยนี้กับสมัยก่อนมันค่อนข้างมีวิธีการหล่อหลอมคนที่ต่างกัน คนยุคก่อนเจอความลำบากเร็วกว่า และต้องมีความรับผิดชอบเร็วกว่าเช่นเดียวกัน น้องๆ สมัยนี้กว่าจะเจอกับการใช้ชีวิตจริงๆ ต้องรอถึงตอนได้ทำงานนู่นเลย แล้วตอนนี้ก้ยังไม่ได้ทำงานกัน ยังหาเงินใช้เองไม่เป็น ผมพูดถูกไหม

ถามว่าผมกลัวม๊อบน้องๆ ไหม บอกเลยว่าผมรู้อยู่แล้วละ ว่าจะออกมาหรอมแหรมแบบนี้ พูดโม้คุยขโมงโฉงเฉงในโซเชียลน่ะมันง่าย แต่ไปจริงๆ น่ะ ทั้งร้อนทั้งเหนื่อย ไหนจะต้องมานั่งฟังแกนนำพูดอะไรซ้ำๆ ซากๆ วนไปวนมาอีก มันไม่สนุกเหมือนไปดูคอนเสิร์ตหรอก

หลายคนที่พยายามปั่นกระแส ทำตัวเจ๋ง เก่ง เหนือในโซเชียล ชีวิตจริงทำอะไรเป็นบ้าง หาเงินพอยาไส้หรือเปล่า พูดปรัชญาบ้าน้ำลายเพ้อเจ้อนั่นนี่ ทั้งที่มันเอาไปใช้กับชีวิตจริงแทบไม่ได้เลย บางทีเห็นแล้วก็ได้แต่ถอนใจ

สิ่งที่ผมห่วงม๊อบน้องๆ นักศึกษาจริงๆ คือการสร้างสถานการณ์รุนแรงจากบุคคลที่หวังผลทางการเมือง ผมว่ามันก็เป็นเหตุผลเดียวกันที่รัฐบาลส่งเจ้าหน้าที่ลงไป เข้าส่งไปเพื่อป้องกันอันตรายพวกนี้ที่จะเกิดกับน้องๆ เขาไม่ได้กลัวอะไรน้องหรอก ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นแล้ว รัฐบาลนี่แหละจะถูกโจมตีมากที่สุด

ดังนั้นสำหรับผม คำว่าห่วงกับกลัว...มันต่างกันโดยสิ้นเชิงครับผม

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่