"ไทย" ประเทศที่ดีที่สุดสำหรับการลงทุนตั้งโรงงานอุตสาหกรรม

กระทู้ผู้สนับสนุน
สำนักข่าว U.S. News & World Report เผยผลการจัดอันดับประเทศที่เหมาะสำหรับการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดในโลก ประจำปี 2563 หรือ "Best Countries to Start a Business 2020" พบว่า "ประเทศไทย" คืออันดับที่ 1 ของโลก เป็นประเทศที่ดีที่สุดในการเริ่มต้นธุรกิจ จากทั้งหมด 73 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ประเทศไทย ยังมีความพร้อมในการช่วยเหลือและสนับสนุนด้านอุตสาหกรรมอีกหลายอย่าง ผ่านการสนับสนุนของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ. มีทำเลสถานที่ที่เหมาะสมในการตั้งโรงงานอุตสาหกรรมอยู่มากมาย กระจายอยู่ในหลายพื้นที่ของประเทศ จึงพร้อมตอบโจทก์การลงทุนโรงงานอุตสาหกรรมทุกประเภท

        ประเทศไทยมี 6 นิคมอุตสาหกรรมใหม่ ที่พร้อมตอบโจทย์ 6 ความต้องการในการลงทุน ภายใต้การสนับสนุนและการดูแลของ กนอ. ได้แก่
        1. นิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว ในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว จังหวัดชายแดนด้านตะวันออกของไทย มีพรมแดนติดกับฝั่งปอยเปต ประเทศกัมพูชา นิคมฯ แห่งนี้เหมาะกับกลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรและอาหาร, สิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม, อัญมณีและเครื่องประดับ, ยานยนต์, อิเล็กทรอนิกส์, พลาสติก และ อุตสาหกรรมโลจิสติกส์และศูนย์การกระจายสินค้า
        นิคมอุตสาหกรรมสระแก้ว อยู่ในพื้นที่ Special Economic Zone (SEZ) จึงได้รับสิทธิประโยชน์การลงทุนในพื้นที่ นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์ขนส่ง และเป็นประตูการค้าสู่อาเซียน ทำเลที่ตั้งเป็นบริเวณที่ใกล้ท่าเรือ สนามบิน และด่านชายแดน อีกทั้งยังเป็นแนวระเบียงเศรษฐกิจ ในการกระจายสินค้าไปสู่กัมพูชา เวียดนาม เพื่อกระจายต่อไปยังประเทศอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีระบบการขนส่งโดยรอบพื้นที่นิคมฯ ได้แก่ ท่าเรือแหลมฉบัง ท่าอากาศยานสนามบินสุวรรณภูมิ และ ด่านชายแดนกัมพูชา

        2. นิคมอุตสาหกรรมสงขลา (สะเดา) ตั้งอยู่ในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษอำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา ทางภาคใต้ของไทย เหมาะกับกลุ่มอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตร, โลจิสติกส์, ชิ้นส่วนยานพาหนะ, เครื่องจักร, เครื่องใช้ไฟฟ้า, ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สายเคเบิ้ล และ อุตสาหกรรมเบา
        นิคมฯแห่งนี้อยู่ในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน SEZ เช่นกัน นอกจากนี้ยังเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์เส้นทางโลจิสติกส์ ที่เชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านทางภาคใต้ของไทย คือ มาเลเซีย อยู่ใกล้จุดกระจายสินค้าต่าง ๆ โดยทางบก อยู่ใกล้ด่านสะเดา และ ด่านปาดังเบซาร์, ทางน้ำ อยู่ใกล้ท่าเรือน้ำลึกสงขลา ท่าเรือปีนัง และ ท่าเรือกลางมาเลเซีย, ส่วนทางอากาศ อยู่ใกล้สนามบินหาดใหญ่ จึงเหมาะอย่างยิ่งกับธุรกิจที่ต้องนำเข้า-ส่งออกไปสู่ประเทศมาเลเซีย

        3. โครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา (Rubber City) ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จังหวัดสงขลา เหมาะกับกลุ่มอุตสาหกรรมนวัตกรรมยาง อุตสาหกรรมยางคอมปาวด์ และ อุตสาหกรรมต่อเนื่อง เช่น การขนส่ง หรือ หีบห่อยางพารา
        นิคมฯ แห่งนี้ เกิดขึ้นเพื่อตอบสนองนโยบายของรัฐ ในการเพิ่มความต้องการการใช้ยางพาราในภาคอุตสาหกรรม โดยสนับสนุนการใช้น้ำยางจากเกษตรกรในพื้นที่และในประเทศ เพื่อเป็นการเพิ่มมูลค่ายางพาราของประเทศไทย อยู่ใกล้พื้นที่ขนส่งยุทธศาสตร์สำคัญ คือ ชายแดนประเทศมาเลเซีย, ท่าเรือน้ำลึกสงขลา, สถานีรถไฟหาดใหญ่ และ ท่าอากาศยานหาดใหญ่

        4. โครงการนิคมอุตสาหกรรม Smart Park ที่ตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง ทางภาคตะวันออกของไทย เหมาะสำหรับการลงทุนของกลุ่มอุตสาหกรรมอนาคต New S-Curve คือ อุตสาหกรรมหุ่นยนต์, การบินอวกาศ, โลจิสติกส์, ดิจิทัล และ อุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจร อยู่ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) สามารถที่จะต่อยอดจากแหล่งวัตถุดิบเม็ดพลาสติก ซึ่งเป็นวัตถุดิบแหล่งใหญ่ที่สุดของประเทศในพื้นที่มาบตาพุด รวมถึงใช้ประโยชน์จากที่ตั้งโครงการที่อยู่ใกล้สนามบินอู่ตะเภา เพื่อต่อยอดอุตสาหกรรมได้ด้วย

        5. นิคมอุตสาหกรรมท่าเรือมาบตาพุด ระยะที่ 3 เหมาะสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) และ สินค้าเหลวสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี สำหรับนิคมฯท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด มีเป้าหมายต้องการเพิ่มปริมาณการขนถ่ายก๊าซธรรมชาติและสินค้าเหลว สำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นอีก 19 ล้านตันต่อปี ในอีก 20 ปีข้างหน้า คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี พ.ศ. 2568 โดยจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC)

สามารถอัพเดตความคืบหน้าของโครงการได้ที่
https://www.facebook.com/IndustrialEstateAuthorityOfThailand/posts/832606043851882

        6. นิคมอุตสาหกรรมพิจิตร ตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดพิจิตร ทางภาคเหนือตอนล่างของไทย เป็นพื้นที่อุตสาหกรรมที่เปรียบเหมือนประตูเชื่อมต่อระหว่างไทยไปสู่จีน และประเทศในภูมิภาคเอเชีย เหมาะสำหรับกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายหลัก ทั้งอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน, เกษตรแปรรูป, โลจิสติกส์, เครื่องจักรเครื่องมือการเกษตร, ยานยนต์, สิ่งทอ, ตัดเย็บเครื่องหนังแท้และหนังเทียม, เครื่องประดับ และ อุตสาหกรรมไฟฟ้าและผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งอุตสาหกรรมที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก เช่น อุปกรณ์กีฬา เครื่องเขียน เฟอร์นิเจอร์ และของเล่นเด็ก

       นอกจากจุดเด่นของ 6 โครงการนิคมอุตสาหกรรมในไทย ที่เหมาะแก่การเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานอุตสาหกรรมแล้ว นักลงทุนยังมั่นใจได้จากการสนับสนุนและคอยช่วยเหลือจากรัฐบาลไทย ผ่านทาง กนอ. เช่น อัตราภาษี ที่มีมาตรการดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ โดยให้สิทธิพิเศษสำหรับธุรกิจที่สนับสนุนหลายประการ โดยเฉพาะในพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษต่าง ๆ ทั้ง EEC และ SEZ
        ด้านโครงสร้างพื้นฐานและผลผลิตที่ได้จากแรงงาน 1 คน ก็มีดัชนีการชี้วัด ซึ่งจัดทำขึ้นโดยธนาคารโลก ที่ระบุว่าไทยอยู่ในอันดับที่ 2 เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศคู่แข่งสำคัญในภูมิภาค อย่างเวียดนาม ฟิลิปปินส์ และ อินโดนีเซีย โดยมีคะแนนใกล้เคียงกับมาเลเซีย ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 1
        ขณะที่เมื่อวัดจากระดับความสะดวกในการเข้าไปประกอบธุรกิจ ธนาคารโลกประกาศผลสำรวจการจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจ หรือ "Doing Business 2020" พบว่าไทยมีคะแนนอยู่ในกลุ่ม 25 ประเทศแรกของโลก จาก 190 ประเทศ ที่มีความสะดวกในการเข้ามาประกอบธุรกิจ
        นี่จึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมนักลงทุนจึงควรเข้ามาลงทุนตั้งโรงงานประกอบธุรกิจภาคอุตสาหกรรมในประเทศไทย เพราะไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงหลายด้าน เหมาะต่อการเข้ามาลงทุนของนักลงทุน ภายใต้การช่วยเหลือและสนับสนุนของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ.

ที่มาข้อมูล : เว็บไซต์ https://www.usnews.com/
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่