วัสดีทุกคนเลยนะครับ กระทู้นี้จะต่อจากกระทู้แรกของผมครับเนื้อหาส่วนใหญ่จะบ่นมากกว่าแต่ว่าก็จะมีการเล่าระบบการขึ้นม.ปลายของไต้หวันด้วย ใครอยากแค่รู้ระบบก็ไปกดสปอยแรกเลยครับ ถ้าใครอยากอ่านตอนแรกก็กระทู้แรกของผมเลยครับ
ถ้าใครอยากรู้ระบบผมบอกไว้ก่อนนะครับ ว่าถ้าคุณอยู่ม.ต้นแล้วคิดจะมาเรียนไต้หวันโดยไม่มีพื้นฐานขอบอกเลบว่าอย่าเลือก รร แบบผม ให้ไป รร นานาชาติ เพราะถ้าเลียนแบบผมอาจจะทำให้ตัวเองกับคนอื่นลำบากมาก เพราะการมาเรียนไต้หวันโดยไม่มีสันชาติมันยากอย่าว่าไต้หวันเลยประเทศอื่นก็ไม่ต่างกัน แล้วก็ผมต่างไปจากสองปีก่อนมากเพราะมันเกิดเรื่องหลายอย่างแต่ผมจะเล่าในส่วนที่จำเป็น เพราะเขียนยาวไปก็ไม่มีใครอยากอ่าน และก็เหมือนเดิมขออภัยด้วยสำหรับภาษาไทยที่เขียนผิด
หลังจากผมขึ้นม.ต้นสำเร็จ ผมก็เหมือนเดิมครับหลับในห้อง หลับแบบใครมาปลุกตายอ่ะกลายเป็นคนที่หลับเก่งโคตรๆ ไม่ว่าจะเสียงดังแค่ไหนก็หลับได้สบาย ตอนม.ต้นครูประจำชั้นไม่รู้เป็นไรกับผมชอบจำผิดผมตลอด(อาจจะเพราะครูคนอื่นฟ้องว่าผมหลับในคาบ) แต่ผมไม่โง่หลับในคาบครูประจำชั้นนะครับ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจครับผมทำอะไรผิดนิดหน่อยก็ดุ ดุอย่างกะเป็นลูกแกเอง อาจจะเพราะแกเพิ่งคลอดลูกไปไม่นานก็เป็นไปได้ แต่พอหลังๆครูก็นัดแม่ผมมาคุยผมก็ตกใจนีกว่าเกิดอะไรขึ้น ที่แท้ก็เรื่องภาษาของผม ครูเลยไปหาครูคนไทยมาสอน แต่ความหวังดีของครูมันกับเป็นแรงกดดันอย่างหนึ่ง ผมที่ทิ้งความกดดันไปทุกอย่างกลับมาเจอแรงกดดันอีกครั้งโคตรอยากอ้วกเลยครับ ผมเรียนได้ประมาณ 3 เดือนก็บอกยกเลิกไปเพราะผมไม่ไหวจริงๆ ผมโคตรเกียจแรงกดดัน พอขึ้น ม.2 ก็เปลี่ยนครูประจำชั้นผมบอกเลยผมรักครูคนนี้มากเขาเหมือนเป็นพ่อผมอีกคนเลยก็ว่าได้พอขึ้น ม.2 มีเรื่องเกิดขึ้น รายระเอียดผมขอไม่เล่าเดียวยาว เอาเป็นว่ามันทำให้ผมมองโลกเปลี่ยนไปทันที จากที่ ม.1 ยังสนุกสนานกลายเป็นคนที่ไม่สนุกกับหลายๆอย่างเหมือนเมื่อก่อน ผมเลยคิดว่าโตไปจะทำอะไรคนที่เกลียดแรงกดดันอย่างผมจะไปทำอะไรได้นอกจากเป็น CEO ตอนนั้นผมเคยเริ่มคิดได้ครับ ผมชอบอ่านนิยายงั้นก็เป็นคนเขียนนิยายไปเลย แล้วกลับคิดอีกว่านิยายของตัวเองต้องทำเป็นหนังหรืออนิเมะให้ได้นั้นคือจุดเริ่มต้นให้ผมอยากเรียนสายอาชีว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้โอเคเราจะเข้าเรื่องระบบการขึ้นม.ปลาย
รร จะแยกเป็นสองอย่าง
1.โรงเรียนของรัฐ (公立學校)
2.โรงเรียนเอกชน (私立學校)
เหมือนไทยเลยครับแต่ที่ไม่เหมือนคือ รร ส่วนมากเขาแบ่งเลย คือม.ต้นก็โรงเรียนนึง ม.ปลายก็โรงเรียนนึง มีน้อยมากที่จะเอาม.ต้น ม.ปลาย มาร่วมกันไม่ใช้ว่าไม่มีแต่น้อยมากๆ และที่ไต้หวัน รร.อาชีวศึกษา เยอะมาก
รร ม.ปลาย ที่นักเรียนจะเลือกกันส่วนมากมีสามแบบ
1.高中 ม.ปลาย
2.高職 อาชีวศึกษา
3.五專 อาชีวศึกษา 5 ปี
และการสอบเข้าก็ต่างกันออกไป
1.高中 ม.ปลาย
จะใช้การสอบวัดผลทั่วประเทศเป็นเกณฑ์การเข้าอย่างเดียว
2.高職 อาชีวศึกษา
อันนึ้มีการสอบเข้าที่หลากหลาย
2.1 會考 คือสอบวัดผลทั่วประเทศเป็นเกณฑ์การเข้า
2.2 特色班 การสอบโดยตรง คือการไปสอบสายที่อยากเข้าเขียนข้อสอบ+สอบสัมภาษณ์(อั้นนี้ผมรู้เพราะผมก็สอบโดยตรง)
2.3 技藝班 เรียนนอกรั่ว อันนี้อธิบายยากหน่อย รร จะเลือกนักเรียนออกไปเรียนนอกรั่วกับ รร ม.ปลายใกล้ๆ และถ้าโชคร้ายก็จะโดนเอาตัวไปแข่ง ถ้าแข่งแล้วได้รางวัล มันจะเป็นคะแนนเก็บอีกอั้นนั้นคึอ
2.4 技藝優良 หรือก็คือคะแนนเก็บที่ได้จากการแข่ง หรือจากคะแนนเก็บของครูตอนทำกิจกรรม
3. 五專 อาชีวศึกษา 5 ปี
อันนีผมรู้แค่ว่าะใช้การสอบวัดผลทั่วประเทศเป็นเกณฑ์การเข้าได้ส่วนอย่างอื่นผมไม่รู้
ดูก็คงรู้แล้วนะครับว่าไต้หวันเขาให้ความสำคัญกับอาชีวศึกษา (高職) มากเอาละกลับมาเข้าเรื่องที่ไม่ค่อยมีใครอยากรู้ดีกว่า
พอผมหวังแบบนั้นก็ต้องไปให้สุดครับในที่สุดก็มีความฝันเหมือนคนอื่นสักที่ผมเลยอยากไปเขียนนิยายที่ญี่ปุ่น ผมเลยเลือกสายภาษาญี่ปุ่นครับเพราะอย่างน้อยผมทำตามความฝันไม่ได้ผมก็ได้ 3 ภาษา และคนที่จุดประกายไฟพวกนี้ให้ผมคือครูประจำชั้นครับตอน ม.2 ผมเกือบจะปล่อยวางทุกอย่างครับผมเริ่มดูดบุหรี่เพราะอยากให้ตัวเองในอนาคตรู้สึกเสียใจที่ล้มเลิกทุกอย่างเอาเป็นว่าอยากตายครับ เพราะคิดว่าตัวเองไร้ค่าทำอะไรก็ล่มเลิกกลางคันตลอด แต่กลับมีเรื่องรักใคร่เข้ามาเกี่ยวครับ(ถึงจะไม่สวยงามก็เถอะ)บวกกับครูประจำชั้นที่แสนใจดีมันก็ทำให้ผมผ่านช่วงนั้นมาได้ พอขึ้น ม.3 ผมได้ไปเรียนนอกรั่วและโชคร้ายที่ตัวเองเก่งด้านคอมพอสมควรเลยได้ไปแข่ง แล้วได้รางวัลชมเชยมา แต่ระหว่างที่ผมซ้อมผมเหนื่อยมาก ผมต้องขอเงินไปกินข้าวการวันระหว่างที่ไปซ้อมที่ รร อื่นเพราะต้องซื้อข้าวกินเอง ผมต้องขอเงินพ่อไปซื้อผมไม่ค่อยได้เงินค่าขนมครับ
ไม่กินข้าวเช้ามา 3 ปีชินแล้วคับ ผมเหนื่อยมากที่จะซ้อมแต่เพราะไม้มีแรงกดดันผมเลยสู้ต่อเพราะผมเป็นคนเลือกที่จะมา เขาไม่ได้บังคับผมเลือกเองเพราะครูประจำชั้นเขาปูทางเพื่อให้ผมมีทางเลือกในการเข้ารรที่อยากเข้ามากขึ้น มีวันนึงผมลืมขอตังพ่อผมเลยไปขอกับพี่สาวแทนและวันนั้นผมซ้อมหนักมากผมเหนื่อยอยากจะพัก ผมไม่อยากไปซ้อมผมอยากโดดซ้อม และพี่สาวมาปลุกผมแล้วถามว่าไม่ไปซ่อมหรอ ผมบอกว่าผมจะโดดอยู่ดีเขาก็
อารมณ์ขึ่น ถามว่าทำไมไม่ไป และค่อยๆขึ้นเสียง ผมบอกว่าผมเหนื่อยเขาบอกผมว่าไม่มีความรับผิดชอบ ทำอะไรก็ไม่ทำให้ดี ผมเลยมีปากเสียงกัน แล้วเขาบอกผมว่าผมเป็นขยะ ถึงตอนนี้ไม่ได้อะไรแล้วก็เถอะ แต่ความรู้สึกตอนนั้นมันโคตรเจ็บเลยครับผมไม่ได้ร้องไห้นานมาก วันนั้นเป็นวันที่ผมร้องไห้และร้องไม่หยุด ผมรู้สึกว่าผมทำอะไรก็ผิดไปหมด ผมคิดว่าทำไมต้องเหนื่อยขนาดนี้ ผมโคตรอยากให้ใครสักคนอยู่ข้างๆผมตอนนั้นมาก ร่างกายผมจากที่เหนื่อยๆกลับไม่มีอแรงที่จะลุกขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นผมก็คิดถึงครูเขาบอกกับผมว่าอยากให้ผมไปให้สุดดูไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ่นแต่ถ้าไม่ไหวจริงๆก็ถอยออกมาได้ครูไม่ได้บังคับ สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นแรงกดดันมันกลับเป็นแรงพลักดันทำให้ผมสู้ต่อไป แต่สุดท้ายก็ได้แค่รางวัลชมเชย พอกลับมาเรียนปกติผมเปลี่ยนไปครับ เปลี่ยนเป็นคนที่หาความสนุกไม่เจอหาความสุขไม่เจอและโหยหาความหมายของการมีชึวิต ผมเคยคิดฆ่าตัวตายจริงๆครั้งนึงวันนั้นเป็นวันที่แย่ที่สุดในชีวิตผมแต่ก็หยุดความคิดเหล่านั้นได้เป็นโชคดีของผมไปไม่รู้ว่าครั้งต่อผมจะได้หยุดตัวเองได้หรือเปล่า
ตอนนี้ผมกำลังขึ้น ม.ปลาย ผมเขาโดยวิธี 2.2 เป็นการสอบที่ง่ายมากครับผมโคตรมันใจว่าผมเข้าแน่ๆและผมก็เข้าจริงๆ มันยังมีเรื่องอีกมากมายที่ผมไม่ได้เล่าแต่ถ้ายาวกว่านี้ผมก็ ขี้เกียจครับ เอาเป็นว่าผมต้องเหนื่อยจริงๆคือหลังจากนี้ครับ ม.ปลาย ผมเลือก รร ที่หลายคนบอกว่าเป็นนรก แต่ผมกลับไม่รู้สึกอะไรเลยครับ ตอนนี้ความรู้สึกตายด้านไปหมดแล้ว แต่ก็ยังใส่หน้ากากเวลาอยู่กับเพื่อน เพราะผมไม่อยากให้ใครมาเห็นเราแบบนั้น แต่ผมกำลังคิดว่า ม.ปลาย จะลองเป็นตัวเองดู ขอบคุณที่อ่านครับ
เรียนต่อ ม.ปลาย ไต้หวัน กับแรงกดดันที่หายไปพร้อมกับความรู้สึก
ถ้าใครอยากรู้ระบบผมบอกไว้ก่อนนะครับ ว่าถ้าคุณอยู่ม.ต้นแล้วคิดจะมาเรียนไต้หวันโดยไม่มีพื้นฐานขอบอกเลบว่าอย่าเลือก รร แบบผม ให้ไป รร นานาชาติ เพราะถ้าเลียนแบบผมอาจจะทำให้ตัวเองกับคนอื่นลำบากมาก เพราะการมาเรียนไต้หวันโดยไม่มีสันชาติมันยากอย่าว่าไต้หวันเลยประเทศอื่นก็ไม่ต่างกัน แล้วก็ผมต่างไปจากสองปีก่อนมากเพราะมันเกิดเรื่องหลายอย่างแต่ผมจะเล่าในส่วนที่จำเป็น เพราะเขียนยาวไปก็ไม่มีใครอยากอ่าน และก็เหมือนเดิมขออภัยด้วยสำหรับภาษาไทยที่เขียนผิด
หลังจากผมขึ้นม.ต้นสำเร็จ ผมก็เหมือนเดิมครับหลับในห้อง หลับแบบใครมาปลุกตายอ่ะกลายเป็นคนที่หลับเก่งโคตรๆ ไม่ว่าจะเสียงดังแค่ไหนก็หลับได้สบาย ตอนม.ต้นครูประจำชั้นไม่รู้เป็นไรกับผมชอบจำผิดผมตลอด(อาจจะเพราะครูคนอื่นฟ้องว่าผมหลับในคาบ) แต่ผมไม่โง่หลับในคาบครูประจำชั้นนะครับ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจครับผมทำอะไรผิดนิดหน่อยก็ดุ ดุอย่างกะเป็นลูกแกเอง อาจจะเพราะแกเพิ่งคลอดลูกไปไม่นานก็เป็นไปได้ แต่พอหลังๆครูก็นัดแม่ผมมาคุยผมก็ตกใจนีกว่าเกิดอะไรขึ้น ที่แท้ก็เรื่องภาษาของผม ครูเลยไปหาครูคนไทยมาสอน แต่ความหวังดีของครูมันกับเป็นแรงกดดันอย่างหนึ่ง ผมที่ทิ้งความกดดันไปทุกอย่างกลับมาเจอแรงกดดันอีกครั้งโคตรอยากอ้วกเลยครับ ผมเรียนได้ประมาณ 3 เดือนก็บอกยกเลิกไปเพราะผมไม่ไหวจริงๆ ผมโคตรเกียจแรงกดดัน พอขึ้น ม.2 ก็เปลี่ยนครูประจำชั้นผมบอกเลยผมรักครูคนนี้มากเขาเหมือนเป็นพ่อผมอีกคนเลยก็ว่าได้พอขึ้น ม.2 มีเรื่องเกิดขึ้น รายระเอียดผมขอไม่เล่าเดียวยาว เอาเป็นว่ามันทำให้ผมมองโลกเปลี่ยนไปทันที จากที่ ม.1 ยังสนุกสนานกลายเป็นคนที่ไม่สนุกกับหลายๆอย่างเหมือนเมื่อก่อน ผมเลยคิดว่าโตไปจะทำอะไรคนที่เกลียดแรงกดดันอย่างผมจะไปทำอะไรได้นอกจากเป็น CEO ตอนนั้นผมเคยเริ่มคิดได้ครับ ผมชอบอ่านนิยายงั้นก็เป็นคนเขียนนิยายไปเลย แล้วกลับคิดอีกว่านิยายของตัวเองต้องทำเป็นหนังหรืออนิเมะให้ได้นั้นคือจุดเริ่มต้นให้ผมอยากเรียนสายอาชีว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
พอผมหวังแบบนั้นก็ต้องไปให้สุดครับในที่สุดก็มีความฝันเหมือนคนอื่นสักที่ผมเลยอยากไปเขียนนิยายที่ญี่ปุ่น ผมเลยเลือกสายภาษาญี่ปุ่นครับเพราะอย่างน้อยผมทำตามความฝันไม่ได้ผมก็ได้ 3 ภาษา และคนที่จุดประกายไฟพวกนี้ให้ผมคือครูประจำชั้นครับตอน ม.2 ผมเกือบจะปล่อยวางทุกอย่างครับผมเริ่มดูดบุหรี่เพราะอยากให้ตัวเองในอนาคตรู้สึกเสียใจที่ล้มเลิกทุกอย่างเอาเป็นว่าอยากตายครับ เพราะคิดว่าตัวเองไร้ค่าทำอะไรก็ล่มเลิกกลางคันตลอด แต่กลับมีเรื่องรักใคร่เข้ามาเกี่ยวครับ(ถึงจะไม่สวยงามก็เถอะ)บวกกับครูประจำชั้นที่แสนใจดีมันก็ทำให้ผมผ่านช่วงนั้นมาได้ พอขึ้น ม.3 ผมได้ไปเรียนนอกรั่วและโชคร้ายที่ตัวเองเก่งด้านคอมพอสมควรเลยได้ไปแข่ง แล้วได้รางวัลชมเชยมา แต่ระหว่างที่ผมซ้อมผมเหนื่อยมาก ผมต้องขอเงินไปกินข้าวการวันระหว่างที่ไปซ้อมที่ รร อื่นเพราะต้องซื้อข้าวกินเอง ผมต้องขอเงินพ่อไปซื้อผมไม่ค่อยได้เงินค่าขนมครับ
ไม่กินข้าวเช้ามา 3 ปีชินแล้วคับ ผมเหนื่อยมากที่จะซ้อมแต่เพราะไม้มีแรงกดดันผมเลยสู้ต่อเพราะผมเป็นคนเลือกที่จะมา เขาไม่ได้บังคับผมเลือกเองเพราะครูประจำชั้นเขาปูทางเพื่อให้ผมมีทางเลือกในการเข้ารรที่อยากเข้ามากขึ้น มีวันนึงผมลืมขอตังพ่อผมเลยไปขอกับพี่สาวแทนและวันนั้นผมซ้อมหนักมากผมเหนื่อยอยากจะพัก ผมไม่อยากไปซ้อมผมอยากโดดซ้อม และพี่สาวมาปลุกผมแล้วถามว่าไม่ไปซ่อมหรอ ผมบอกว่าผมจะโดดอยู่ดีเขาก็
อารมณ์ขึ่น ถามว่าทำไมไม่ไป และค่อยๆขึ้นเสียง ผมบอกว่าผมเหนื่อยเขาบอกผมว่าไม่มีความรับผิดชอบ ทำอะไรก็ไม่ทำให้ดี ผมเลยมีปากเสียงกัน แล้วเขาบอกผมว่าผมเป็นขยะ ถึงตอนนี้ไม่ได้อะไรแล้วก็เถอะ แต่ความรู้สึกตอนนั้นมันโคตรเจ็บเลยครับผมไม่ได้ร้องไห้นานมาก วันนั้นเป็นวันที่ผมร้องไห้และร้องไม่หยุด ผมรู้สึกว่าผมทำอะไรก็ผิดไปหมด ผมคิดว่าทำไมต้องเหนื่อยขนาดนี้ ผมโคตรอยากให้ใครสักคนอยู่ข้างๆผมตอนนั้นมาก ร่างกายผมจากที่เหนื่อยๆกลับไม่มีอแรงที่จะลุกขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นผมก็คิดถึงครูเขาบอกกับผมว่าอยากให้ผมไปให้สุดดูไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ่นแต่ถ้าไม่ไหวจริงๆก็ถอยออกมาได้ครูไม่ได้บังคับ สิ่งที่ผมคิดว่าเป็นแรงกดดันมันกลับเป็นแรงพลักดันทำให้ผมสู้ต่อไป แต่สุดท้ายก็ได้แค่รางวัลชมเชย พอกลับมาเรียนปกติผมเปลี่ยนไปครับ เปลี่ยนเป็นคนที่หาความสนุกไม่เจอหาความสุขไม่เจอและโหยหาความหมายของการมีชึวิต ผมเคยคิดฆ่าตัวตายจริงๆครั้งนึงวันนั้นเป็นวันที่แย่ที่สุดในชีวิตผมแต่ก็หยุดความคิดเหล่านั้นได้เป็นโชคดีของผมไปไม่รู้ว่าครั้งต่อผมจะได้หยุดตัวเองได้หรือเปล่า
ตอนนี้ผมกำลังขึ้น ม.ปลาย ผมเขาโดยวิธี 2.2 เป็นการสอบที่ง่ายมากครับผมโคตรมันใจว่าผมเข้าแน่ๆและผมก็เข้าจริงๆ มันยังมีเรื่องอีกมากมายที่ผมไม่ได้เล่าแต่ถ้ายาวกว่านี้ผมก็ ขี้เกียจครับ เอาเป็นว่าผมต้องเหนื่อยจริงๆคือหลังจากนี้ครับ ม.ปลาย ผมเลือก รร ที่หลายคนบอกว่าเป็นนรก แต่ผมกลับไม่รู้สึกอะไรเลยครับ ตอนนี้ความรู้สึกตายด้านไปหมดแล้ว แต่ก็ยังใส่หน้ากากเวลาอยู่กับเพื่อน เพราะผมไม่อยากให้ใครมาเห็นเราแบบนั้น แต่ผมกำลังคิดว่า ม.ปลาย จะลองเป็นตัวเองดู ขอบคุณที่อ่านครับ