สวัสดีค่ะนี่เป็นกระทู้เเรกของเรา เข้าเรื่องเลยละกันค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่าเราเข้าทำงานได้ประมาณ4-5วัน เราก็ทำงานไปปกติ ต้องบอกก่อนว่าเราเลิกงาน 19:00 โดยประมาณ ช่วงนั้นน่าจะประมาณ 5 โมงเย็นได้ เราทำงานไปรู้สึกสมองคิดอะไรไม่ออก เลยคิดว่าไม่กินข้าวเที่ยงมั้ง ก็ไม่ได้คิดอะไร พอเราเลิกงานเเฟนเลยชวนไปเตะบอล หมายถึงไปกับเพื่อนๆเขา ตอนนั้นคือเเบบเหมือนจะเป็นลมก็เลยคิดเหมือนเดิมว่าไม่ได้กินข้าว เเฟนเราก็เตะบอล เราก็นั่งรอนอกสนาม นั่งได้สักพัก รู้สึกมือสั่นเท้าสั่นหายใจเเรงผิดปกติรู้สึกไม่ใช่ตัวของตัวเอง เลยว่าจะเรียกเเฟนออกมาดู พอกำลังจะเรียกเหมือนมันมีอะไรห้ามเราเรียกประมาณ 2-3 ครั้ง เราเลยกลั้นใจเรียก เเต่รู้เลยว่าตอนเรียกเสียงเเบบไม่มีเเรง พอเเฟนเราเดินออกมาก็มาถามว่าเป็นอะไร ไอ่เราก็อยากตอบเเต่ทำไมปากมันไม่อยากพูด ถามคำตอบคำ เเฟนเราเลยจะเอาสร้อยพระมาคล้องคอให้ เรารู้สึกเลยว่า ไม่เอาจะร้องไห้คือถอยออกจากสร้อยพระเเล้วสั่น เเฟนเราพยายามคุยบ่อยๆถามบ่อยๆก็เลยดีขึ้นมาหน่อย เลยถามไปว่า เมื่อกี้ เราเป็นยังไง เเฟนเราเลยบอกว่า ทำตาเลิ่กลักไปมา อืมม.. ก็ค่อยๆโอเครมา หลังจากคืนนั้นมา เราก็มาทำงานตามปกติ เเต่วันนี้มาเเปลก ปกติจะคุยเล่นกับพี่ๆที่ทำงาน เเต่วันนี้คือไม่ นั่งอยู่โต๊ะคอมตัวเองไม่พูดไม่คุยกับใคร ไอ่เราก็รู้เเล้วเเหละว่า เอาอีกแล้วนะ เลยลองนั่งดูสักพัก อืม เริ่มไม่ไหวเลยบอกพี่เขาไป ตอนนั้นคือเเบบเบลอไม่อยากพูดตัวสั่น พี่เลยขับรถไปส่งที่หอพัก เเฟนเราอยู่พอดี เลยบอกเเฟนให้พากลับบ้านไปหาเเม่หน่อย จะให้เเม่พาไปรดน้ำมนต์ที่วัดใกล้บ้าน พอถึงบ้านเเม่ก็ถามนู้นนี้นั้น ไม่พักรึป่าวไม่กินข้าวรึป่าวเอาเเต่เล่น พี่ข้างบ้านก็ทักว่าตาเป็นลอยๆ บอกไว้ก่อนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรารู้ตัวทั้งหมดจำได้ทั้งหมด เราก็แอบคิด เออ..เราเป็นเบาหวานปะวะ.. ช่วง3-4โมงเย็นวันนั้น เเม่กับลุงเลยพาเราไปวัดใกล้บ้าน เราก็นั่งรอหลวงพ่อ เพราะมีทางอื่นเขามาทำพิธีสะเดาะเคราะห์ มั้งงง นั่งรอเกือบ ชม. รู้สึกทนไม่ได้อยากกลับบ้านละ พอดี๊พอดี ทำพิธีเสร็จพอดี ถึงทีเรา เราก็เข้าไปนั่ง ยกขันธ์ 5 ดอกมงดอกไม้ตามพิธี ท่านก็ท่องบทไหนก็ไม่รู้บ้างท่านท่องไปประมาณ 10 นาทีได้ วูบนึงรู้สึกตาสว่างขึ้นมาทันทีจากปกติรู้สึกลอยๆเบลอๆ เราก็เลยนึกในใจ คงไปแล้วเเน่ๆ เเต่ก่อนที่ท่านจะทำพิธี ท่านได้ดูดวงให้ ว่า ผอ สระ อี เเค่นี้ เเล้วก็ถามว่า ได้ไปไหนที่เเปลกรึป่าว ตามป่าตามเขา เราก็บอกว่าไม่ได้ไปไหนค่ะ นั้นเเหละ จากนั้นท่านก็ท่องๆไปขยี้ใบอะไรไม่รู้ลงน้ำก็ท่องๆไป พอเสร็จก็ให้เราดื่มน้ำ 3 กลืน รดน้ำมนต์ เเต่หลวงพ่อถามมาว่า เคยเล่น "ตาไก่" มั้ย ไอ่เราก็นึกอะไรวะตาไก่ เราก็ตอบไปว่า ไม่เคยเล่น หลวงพ่อเลยว่า "เออไปเซาเเล้ว" เป็นภาษาอิสาน หรือเเปลว่า เออไปหายเเล้ว ท่านเลยบอกว่ามันเป็นการละเล่นของคนสมัยก่อน ที่เอาผ้ามาปิดตา เเล้วให้เพื่อนที่ยืนรอบๆร้องเสียงไก่ เเล้วให้คนที่ถูกปิดตาทายว่าเสียงใคร. ท่านเลยถามมาอีกว่า อันนี้นอกเรื่องนะคะ เเต่หลวงพ่อท่านถามมา ตอนผู้เฒ่าผู้เเก่ฝ่ายชายมาพูดมาขอ ได้ยกขันธ์ 5 บอกตาบอกยายที่เสียเเล้วหรือยัง โป๊ะเช่ะค่ะ เเม่บอกว่ายัง ลืมไปเลยลืมสนิทไปเลย หลวงพ่อท่านเลยบอกให้ไปทำซะ ท่านก็ให้น้ำมนต์อะไรต่างๆมาอาบ ก็ดีขึ้นๆค่ะ ตอนนี้ก็หายปกติเเล้ว ส่วนตัวมีเรื่องเเบบนี้เยอะมาก ถ้ามีเวลาว่างเดี๋ยวมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆค่ะ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ
คืออะไรกันเเน่
เรื่องมีอยู่ว่าเราเข้าทำงานได้ประมาณ4-5วัน เราก็ทำงานไปปกติ ต้องบอกก่อนว่าเราเลิกงาน 19:00 โดยประมาณ ช่วงนั้นน่าจะประมาณ 5 โมงเย็นได้ เราทำงานไปรู้สึกสมองคิดอะไรไม่ออก เลยคิดว่าไม่กินข้าวเที่ยงมั้ง ก็ไม่ได้คิดอะไร พอเราเลิกงานเเฟนเลยชวนไปเตะบอล หมายถึงไปกับเพื่อนๆเขา ตอนนั้นคือเเบบเหมือนจะเป็นลมก็เลยคิดเหมือนเดิมว่าไม่ได้กินข้าว เเฟนเราก็เตะบอล เราก็นั่งรอนอกสนาม นั่งได้สักพัก รู้สึกมือสั่นเท้าสั่นหายใจเเรงผิดปกติรู้สึกไม่ใช่ตัวของตัวเอง เลยว่าจะเรียกเเฟนออกมาดู พอกำลังจะเรียกเหมือนมันมีอะไรห้ามเราเรียกประมาณ 2-3 ครั้ง เราเลยกลั้นใจเรียก เเต่รู้เลยว่าตอนเรียกเสียงเเบบไม่มีเเรง พอเเฟนเราเดินออกมาก็มาถามว่าเป็นอะไร ไอ่เราก็อยากตอบเเต่ทำไมปากมันไม่อยากพูด ถามคำตอบคำ เเฟนเราเลยจะเอาสร้อยพระมาคล้องคอให้ เรารู้สึกเลยว่า ไม่เอาจะร้องไห้คือถอยออกจากสร้อยพระเเล้วสั่น เเฟนเราพยายามคุยบ่อยๆถามบ่อยๆก็เลยดีขึ้นมาหน่อย เลยถามไปว่า เมื่อกี้ เราเป็นยังไง เเฟนเราเลยบอกว่า ทำตาเลิ่กลักไปมา อืมม.. ก็ค่อยๆโอเครมา หลังจากคืนนั้นมา เราก็มาทำงานตามปกติ เเต่วันนี้มาเเปลก ปกติจะคุยเล่นกับพี่ๆที่ทำงาน เเต่วันนี้คือไม่ นั่งอยู่โต๊ะคอมตัวเองไม่พูดไม่คุยกับใคร ไอ่เราก็รู้เเล้วเเหละว่า เอาอีกแล้วนะ เลยลองนั่งดูสักพัก อืม เริ่มไม่ไหวเลยบอกพี่เขาไป ตอนนั้นคือเเบบเบลอไม่อยากพูดตัวสั่น พี่เลยขับรถไปส่งที่หอพัก เเฟนเราอยู่พอดี เลยบอกเเฟนให้พากลับบ้านไปหาเเม่หน่อย จะให้เเม่พาไปรดน้ำมนต์ที่วัดใกล้บ้าน พอถึงบ้านเเม่ก็ถามนู้นนี้นั้น ไม่พักรึป่าวไม่กินข้าวรึป่าวเอาเเต่เล่น พี่ข้างบ้านก็ทักว่าตาเป็นลอยๆ บอกไว้ก่อนว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรารู้ตัวทั้งหมดจำได้ทั้งหมด เราก็แอบคิด เออ..เราเป็นเบาหวานปะวะ.. ช่วง3-4โมงเย็นวันนั้น เเม่กับลุงเลยพาเราไปวัดใกล้บ้าน เราก็นั่งรอหลวงพ่อ เพราะมีทางอื่นเขามาทำพิธีสะเดาะเคราะห์ มั้งงง นั่งรอเกือบ ชม. รู้สึกทนไม่ได้อยากกลับบ้านละ พอดี๊พอดี ทำพิธีเสร็จพอดี ถึงทีเรา เราก็เข้าไปนั่ง ยกขันธ์ 5 ดอกมงดอกไม้ตามพิธี ท่านก็ท่องบทไหนก็ไม่รู้บ้างท่านท่องไปประมาณ 10 นาทีได้ วูบนึงรู้สึกตาสว่างขึ้นมาทันทีจากปกติรู้สึกลอยๆเบลอๆ เราก็เลยนึกในใจ คงไปแล้วเเน่ๆ เเต่ก่อนที่ท่านจะทำพิธี ท่านได้ดูดวงให้ ว่า ผอ สระ อี เเค่นี้ เเล้วก็ถามว่า ได้ไปไหนที่เเปลกรึป่าว ตามป่าตามเขา เราก็บอกว่าไม่ได้ไปไหนค่ะ นั้นเเหละ จากนั้นท่านก็ท่องๆไปขยี้ใบอะไรไม่รู้ลงน้ำก็ท่องๆไป พอเสร็จก็ให้เราดื่มน้ำ 3 กลืน รดน้ำมนต์ เเต่หลวงพ่อถามมาว่า เคยเล่น "ตาไก่" มั้ย ไอ่เราก็นึกอะไรวะตาไก่ เราก็ตอบไปว่า ไม่เคยเล่น หลวงพ่อเลยว่า "เออไปเซาเเล้ว" เป็นภาษาอิสาน หรือเเปลว่า เออไปหายเเล้ว ท่านเลยบอกว่ามันเป็นการละเล่นของคนสมัยก่อน ที่เอาผ้ามาปิดตา เเล้วให้เพื่อนที่ยืนรอบๆร้องเสียงไก่ เเล้วให้คนที่ถูกปิดตาทายว่าเสียงใคร. ท่านเลยถามมาอีกว่า อันนี้นอกเรื่องนะคะ เเต่หลวงพ่อท่านถามมา ตอนผู้เฒ่าผู้เเก่ฝ่ายชายมาพูดมาขอ ได้ยกขันธ์ 5 บอกตาบอกยายที่เสียเเล้วหรือยัง โป๊ะเช่ะค่ะ เเม่บอกว่ายัง ลืมไปเลยลืมสนิทไปเลย หลวงพ่อท่านเลยบอกให้ไปทำซะ ท่านก็ให้น้ำมนต์อะไรต่างๆมาอาบ ก็ดีขึ้นๆค่ะ ตอนนี้ก็หายปกติเเล้ว ส่วนตัวมีเรื่องเเบบนี้เยอะมาก ถ้ามีเวลาว่างเดี๋ยวมาเล่าให้ฟังเรื่อยๆค่ะ ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ