หน้าแรก
คอมมูนิตี้
ห้อง
แท็ก
คลับ
ห้อง
แก้ไขปักหมุด
ดูทั้งหมด
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
แท็ก
แก้ไขปักหมุด
ดูเพิ่มเติม
เกิดข้อผิดพลาดบางอย่าง
ลองใหม่
{room_name}
{name}
{description}
กิจกรรม
แลกพอยต์
อื่นๆ
ตั้งกระทู้
เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก
เว็บไซต์ในเครือ
Bloggang
Pantown
PantipMarket
Maggang
ติดตามพันทิป
ดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้
เกี่ยวกับเรา
กฎ กติกา และมารยาท
คำแนะนำการโพสต์แสดงความเห็น
นโยบายเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล
สิทธิ์การใช้งานของสมาชิก
ติดต่อทีมงาน Pantip
ติดต่อลงโฆษณา
ร่วมงานกับ Pantip
Download App Pantip
Pantip Certified Developer
[CR] รีวิว Home Stew Cafe ร้านคาเฟ่บรรยากาศสุดร่มรื่นใจกลางประชาชื่นที่มี Signature เป็นเมนูสตูสูตรโฮมเมด
กระทู้รีวิว
อาหารฝรั่ง
อาหารไทย
คาเฟ่ (Cafe)
ร้านอาหาร
อาหารฟิวชั่น
วันนี้ผมเดินทางมาทำธุระแถวๆถนนประชาชื่น ก็เลยถือโอกาสนี้ในการหาร้านอาหารอร่อยๆแถบนี้ไปด้วยในตัว (เพราะนานๆจะมีโอกาสได้มาเที่ยวแถวนี้) กดมือถือค้นหาไปเรื่อยๆจนพบกับร้านนี้มีชื่อว่า Home Stew Café เป็นร้านอาหารกึ่งคาเฟ่ที่มีเมนู Signature เป็นสตูสูตรโฮมเมดที่ได้รับการสืบทอดกันภายในครอบครัวมาอย่างยาวนาน บริเวณโดยรอบของทางร้านเป็นสวนสุดร่มรื่นปกคลุมด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ โดยได้เปิดเป็นคาเฟ่เพื่อให้ทุกๆคนได้มานั่งชิลล์กันในตัวร้าน ส่วนวิธีการเดินทางมาถือว่าสะดวกกับคนที่มีรถส่วนตัวหน่อย เพราะอยู่ในซอยเทศบาลรังรักษ์เหนือสามารถจอดรถในซอยได้เลย แต่ถ้าหากเดินทางมาด้วยบริการขนส่งสาธารณะจะลงที่ MRT สถานีเตาปูนหรือ BTS สถานีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แล้วต่อ Taxi เข้ามาหน่อยก็ถือว่าระยะทางพอๆกัน แต่เวลากลับอาจจะต้องเรียกรถผ่านแอปฯเพื่อออกจากซอยสักหน่อย ตัวร้านนั้นก็หาไม่ยากแต่เปิด Google Maps ตามมาเลยเจอประตูไม้สีเขียวขนาดใหญ่กับป้ายที่มีรูปกระรอกถือทัพพีอยู่แสดงว่าถึงแล้วครับ เมื่อเข้ามาในร้านแล้วความรู้สึกแรกเลยก็คือเหมือนอยู่ในโพรงกระรอกเพราะผนังที่ร้านเป็นแบบปูนเก่าๆมีรากไม้ย้อยลงมาจากด้านบน เปิดประตูเข้ามาก็จะพบกับโซนคาเฟ่เป็นอันดับแรกที่ใครแวะมาซื้อกาแฟแปปเดียวก็เดินเข้าไปสั่งได้เลย ก่อนอื่นก็ไปหาที่นั่งกันก่อนครับผม
ดูเหมือนจะเป็นร้านคาเฟ่เล็กๆมีที่ให้นั่งเพียงเล็กน้อยแต่บอกได้เลยว่าคุณคิดผิด เพราะพอได้เข้ามาด้านในจริงๆแล้วกว้างขวางมีให้เลือกนั่งหลายโซนมาก เริ่มจากโซนแรกเป็นห้องแอร์มีผนังกระจกตกแต่งและเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สไตล์ Loft ที่ดูดิบผสมกับความเก่าสไตล์ Vintage ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีโซน Outdoor ตั้งแต่ระเบียงชมสวนขนาดใหญ่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่จนถึงที่นั่งใจกลางสวน ในแต่ละมุมนั้นทางร้านได้ตกแต่งเอาไว้สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจไม่เว้นแม้แต่มุมหน้าห้องน้ำ สายเก๋ได้รูปสวยแล้วสายกินอย่างเราไปสั่งอาหารกันครับผม
เปิดดูเมนูของทางร้านก็ราคาถือว่าไม่แรงมากนัก สตูต่างๆราคาเริ่มต้นที่ 120-235 บาท อาหารทานเล่น/ซุป/กับแกล้มเริ่มต้นที่ 50-185 บาท เมนูข้าว/อาหารจานเดียวเริ่มต้นที่ 109-195 บาท เมนูสปาเก็ตตี้/ก๋วยเตี๋ยวเริ่มต้นที่90-239 บาท เมนูจานแซ่บ/สลัดราคาเริ่มต้นที่ 165-239 บาท จานหลักแบบจัดหนักทุกเมนูราคา 320 บาท เครื่องดื่มรสหวานที่ไม่ใช่กาแฟราคาเริ่มต้นที่ 50-120 บาท กาแฟต่างๆเริ่มต้นที่ 70-100 บาท ช๊อกโกแลตและนมปั่นเริ่มต้นที่ 70-110 บาท หน้าสุดท้ายคือขนมหวานเริ่มต้นที่ 80-190 บาท โดยราคาอาหารที่เห็นในเล่มเมนูนี้ไม่มีการบวก Vat. และ Service Charge ใดๆทั้งสิ้น พยายามชะเง้อมองดูโต๊ะอื่นว่าเขาสั่งอะไรมาทานกัน (ส่วนใหญ่จะเป็นของหวานและเครื่องดื่ม) เลยเลือกมาเฉพาะเมนูที่พนักงานแนะนำและมีสัญลักษณ์ขายดีในเล่มมาชิมกันครับ
จานแรก"สปาเก็ตตี้เพสโตปลาแซลมอน" ราคา 239 บาท นี่ไม่ใช่สปาเก็ตตี้เพสโตที่เคยรู้จักแต่มันถูกดัดแปลงให้รสชาติเผ็ดร้อนด้วยพริกแห้ง/หวานหอมใหญ่/เค็มมันด้วยพาเมซาชีส/หอมกลิ่นซอสโหระพาสับ(เพสโต)ผสมกับน้ำมันมะกอก โดยเส้นสปาเก็ตตี้ที่ทางร้านใช้นั้นก็สวกสุกมาแบบ Perfect แต่ถูกนำไปตัดเป็นเส้นสั้นๆ บางคนอาจจะชอบเพราะทานสะดวก แต่ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าเสน่ห์ของความเป็นสปาเก็ตตี้หายไปเล็กน้อย พาสต้ารสชาติเข้มข้นทานคู่กับชิ้นปลาแซลมอนทอดจนเหลืองกรอบแต่เนื้อในสุกฉ่ำ (เดาว่าทางร้านน่าจะทอดด้วยกระทะเหล็ก) บอกเลยว่าลงตัวที่สุดในบรรดาสปาเก็ตตี้ซอสเพสโตที่เคยทานมาครับ จานต่อมาคือ"ข้าวผัดกากหมูปลาทู" ราคา 145 บาท ถึงชื่อจะบอกว่าเป็นข้าวผัดกากหมูแต่พอมาเสิร์ฟจริงๆมันคือข้าวผัดไข่เค็มใส่ใบมะกรูด มีรสชาติเผ็ดอ่อนๆคล้ายๆกับข้าวผัดต้มยำ (แต่ไม่มีกลิ่นข่า/ตะไคร้และรสชาติไม่เปรี้ยว) เสิร์ฟมาพร้อมกับกากหมูทอดเพิ่มความกรุบกรอบ/หอมแดงเพิ่มความหอมฉุนและพริกสดเพิ่มความเผ็ดได้ตามใจ ปลาทูทอดที่ท๊อบปิ้งมาด้านบนก็ถูกเลาะก้างออกจนหมดจึงทำให้ทานง่าย ข้าวผัดมีรสชาติเข้มข้นอยู่แล้วไม่ต้องขอพริกน้ำปลาหรือมะนาวซีกเพิ่มเติม มาพร้อมกับน้ำซุปสาหร่ายใส่แครอทมาให้ซดหวานๆอีก 1 ถ้วย รวมๆแล้วเป็นเมนูที่อร่อยลงตัวไม่แปลกใจที่จะติดอันดับเมนูขายดีครับ
เมนูถัดมาเป็น "สตูซี่โครงหมู" ราคา 165 บาท เป็นจานที่ขายดีที่สุดของที่ร้านโดยสามารถเลือกได้ว่าจะทานกับขนมปัง/ข้าวสวยหรือสปาเก็ตตี้ได้ฟรี (เลือกได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง) แต่วันนี้เราอยากทานคู่กับมันบดต้องเพิ่มอีก 30 บาท โดยสตูของที่ร้านนี้จะสีสันเข้มข้นกว่าหลายร้านที่เคยทานมา รวมถึงรสชาติเค็มละมุนกลมกล่อมอมเปรี้ยวมีกลิ่นคล้ายๆกับใส่มะเขือเทศลงไปเคี่ยวด้วยจึงทำให้พิเศษกว่าสูตรที่ใช้วูสเตอร์ซอสปกติ ผักในจานสุกนุ่มเปื่อยแต่ไม่เละ ส่วนซี่โครงหมูนั้นนุ่มจนเคี้ยวกระดูกอ่อนได้สบายๆอีกทั้งยังมีรสอูมามิของกระดูกหมูผสมลงไปในซุปอีกด้วย ส่วนมันบดของที่ร้านนี้ก็ถือว่าเนื้อนวลละเอียด ไม่ได้ปรุงรสใดมามากนักทำให้ไม่รบกวนรสชาติของสตูที่เราได้สั่งมา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจึงเป็นเมนูขายดี จานต่อมาคือ "สตูเนื้อน่องลาย" ราคา 200 บาท เป็นเนื้อน่องลายที่ถูกตุ๋นเวลานานจนเอ็นนุ่มละมุนเกือบกลายเป็นเยลลี่ มีรสชาติแบบเดียวกับสตูซี่โครงหมูแต่เนื่องจากเนื้อวัวส่วนนี้ไม่ได้ติดกระดูกจึงทำให้มีความอูมามิน้อยกว่าแต่จะได้รสของเนื้อและไขมันวัวอ่อนๆในซุปแทน เนื้อน่องลายตุ๋นนุ่มๆทานคู่กับขนมปังทาเนยอบกรอบๆ จุ่มให้น้ำของสตูซึมเข้าไปในเนื้อขนมปังแบบฉ่ำๆบอกเลยว่าอร่อยฟินห์โดนใจมากๆครับผม
อีก 1 เมนูขายดี"สันคอหมูย่างจิ้มแจ่ว" ราคา 165 บาท เป็นสันคอหมูนำไปหมักกับสมุนไพรสไตล์อีสานแล้วนำไปย่างบนเตาถ่านให้สุกกำลังดีหั่นมาเป็นชิ้นพอคำ ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วสไตล์อีสานรสชาติเปรี้ยว/เค็ม/เผ็ด จานนี้เราขอแนะนำว่าสั่งข้าวสวยมาทานคู่กันจะลงตัวกำลังดี เพราะหมูหมักมาอร่อย/ส่วนน้ำจิ้มก็ดีแต่เมื่อทานด้วยกันรู้สึกว่าเค็มไปนิดนึงไม่เหมาะสำหรับการสั่งมาทานเล่นเปล่าๆสักเท่าไหร่ จานถัดมาไม่ใช่เมนูขายดีแต่สั่งมาทานแก้เลี่ยนก็คือ "ส้มตำแซลมอน" ราคา 199 บาท เป็นตำไทยรสชาติเปรี้ยวหวานเส้นมะละกอเย็นกรอบมีความเผ็ดอ่อนๆ ทานคู่กับแซลมอนซาชิมินุ่มๆแทรกไขมันละมุนหอมกลิ่นกุ้งแห้งและถั่วลิสง ได้อารมณ์แบบทานสลัดมากกว่าทานส้มตำแต่ถ้าอยากทานแบบแซ่บโดนใจ สอบถามทางร้านแล้วว่าแม่ครัวสามารถจัดให้ได้ตามใจสั่งนะครับ ส่วนตัวให้ผ่านเลยครับ
หมดเมนูของคาวแล้วมาต่อกันที่ของหวานกันบ้าง โดยก่อนหน้านี้เราก็ชะเงื้อดูแล้วว่าคนมาทานร้านนี้แต่ละโต๊ะเขาสั่งอะไรมาทานกันบ้าง เมนูแรกคือ "Waffle & I-Tim" ราคา 99 บาท เป็นวาฟเฟิลอบมาในรูปแบบบาร์ 6 ชิ้น แป้งหอมกลิ่นเนยและไข่กรอบนอกนุ่มใน ก่อนทานราดด้วยเมเปิ้ลไซรัปให้เนื้อขนมดูดเข้าไปพร้อมทานคู่กับไอศครีมวนิลาหอมๆ ได้ทั้งความหวาน/กรอบ/หอมเมเปิ้ลไซรัป+เนย+ไข่และเย็นไอศครีมวนิลาในคำเดียวกัน เมนูต่อมานั่นก็คือ "ไอศครีมกะทิบัวลอย" ราคา 85 บาท เป็นไอศครีมกะทิรสหวานหอมกลิ่นมะพร้าวทานคู่กับบัวลอยแป้งเหนียวหนึบสีสันสดใสเพิ่มความหอมด้วยกะทิอบควันเทียนรสเค็มอ่อนๆ โดยเมื่อนำทุกอย่างมาประกอบกันก็กลายมาเป็นขนมบัวลอยที่เราคุ้นเคย(แต่เป็นเวอร์ชั่นเย็น) ก็อร่อยเคี้ยวแป้งหนุบหนับ/หอมกะทิและมะพร้าวดีไปอีกแบบนึงครับ
เมนูถัดมาเป็นของหวานใหม่ที่ทางร้านแนะนำให้ลอง "ไอศครีมบานาน่าไวท์มอลต์" ราคา 85 บาท เป็นไอศครีมวนิลาลูกใหญ่ล้มรอบด้วยกล้วยหอมสไลด์โรยด้วยผงไวท์มอลต์ ปักด้วยคุกกี้รูปหัวหมีและราดด้วยซอสช๊อกโกแลต เป็นเมนูที่ดูธรรมดาๆแต่อร่อยเกินคาดมากๆ เหมือนกำลังทานไอศครีมวนิลาผสมกับช๊อกโกบานาน่าหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นไวท์มอลต์เต็มปากในทุกๆคำ อีกทั้งราคาไม่แรงด้วยแนะนำให้สั่งเลยครับผม ส่วนเครื่องดื่มวันนี้แก้วแรกก็สั่งเป็น "Baby Shark" ราคา 85 บาท เป็นอิตาเลียนโซดารสบลูฮาวายผสมเลมอนเปรี้ยวหอมสดชื่น เคี้ยวหนึบๆเยลลี่รูปปลาฉลามที่ดูดน้ำหวานเข้าไป เป็นแก้วที่น่ารักเหมาะกับสั่งมาถ่ายรูปดีมากๆครับ อีกแก้วเป็น"อัญชันน้ำผึ้งมะนาว" ราคา 70 บาท เป็นน้ำอัญชันสกัดเข้มข้นสีน้ำเงินหอมกลิ่นดอกไม้นวลๆ เพิ่มลูกเล่นด้วยการใส่น้ำผึ้งผสมมะนาวลงไปให้น้ำเปลี่ยนเป็นสีม่วงสวยงาม ทำให้รสเปรี้ยว/หอมกลิ่นเลมอนและน้ำผึ้งสุดสดชื่นดื่มแล้วตื่นตาดีครับ
****** เกิน 10,000 ตัวอักษร ขอรีวิวต่อในช่อง Comment นะครับ ******
ชื่อสินค้า:
Home Stew Cafe
คะแนน:
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
- จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
- ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น
▼
กำลังโหลดข้อมูล...
▼
แสดงความคิดเห็น
กระทู้ที่คุณอาจสนใจ
มาชิม "ข้าวคลุกกะปิ" ด้วยกัน
ข้าวคลุกกะปิ เมนูที่ยั่วยวนสายตาและปลุกต่อมรับรสของผมให้ทำงานเต็มที่ เพียงแค่เทใส่ลงจานก็ได้กลิ่นข้าวหอมกรุ่นซึมซับความหอมของกะปิอย่างลงตัว ถูกจัดวางพร้อมเครื่องเคียงครบครัน ทั้งหมูหวานหั่นชิ้นพอดีคำ
ลิขิตฟ้าหรือจะสู้สามตัวตรง
คุกกี้เนย ขนมกินเล่น แพคเกจจิ้งน่ารักมาก
แพคเกจจิ้งน่ารักมาก มีลายการ์ตูนน่ารักเป็นสัตว์ที่กำลังวาดภาพ เป็นคุกกี้เนยมีกลิ่นหอมเนยและหวานชัดเจน เหมาะสำหรับคนชอบขนมหอมๆ หวานๆ เนื้อสัมผัส กรอบพอดี เคี้ยวแล้วละลายในปาก แต่อาจหวานไปสำหรับคนที่ไม
สมาชิกหมายเลข 7265802
ผัดขิง ทำแล้วก็ต้อง”ขิง” กันหน่อย!!หมูผัดขิงแบบญี่ปุ่น กับหมูผัดขิงแบบไทย ทำง่ายๆได้หลายแบบ”ขิง”คุณค่าและเรื่องราว🍽✌️🤤
ผัดขิง ทำเสร็จแล้ว ก็ต้อง”ขิง” กันหน่อย!! เมนู หมูผัดขิงแบบญี่ปุ่น กับหมูผัดขิงแบบไทย ทำง่ายๆ ได้หลายแบบ”ขิง” คุณค่าและเรื่องราว 🍽✌️🤤😋 หมูผัดขิงแบบญี่ปุ่น กับหมูผัดขิงแบบไทย
กานต์(วีระพัฒน์)
BufFeast Review : ลุยกรุงเก่าต่อกับชาบูสายพานร้านแน่น "Mr.Bean Shabu" @ซอยหมู่บ้าน บ้านสวนพลู อยุธยา
จากตอนที่แล้วที่ผมไปกินเลี้ยงส่งรุ่นน้องของผมที่ร้าน Nikiwai อยุธยา แต่งานมันยังไม่จบจึงต้องกลับไปแก้งานอีกรอบ ก็เลยได้ไปกินกันแถวนั้นอีก คราวนี้จึงเลือกร้านเบาๆอย่าง มิสเตอร์บีน ชาบู ซึ่งก็เป็นบุฟเฟ
TheHeatBufFeast
รีวิว ทานชาบู ที่ร้าน Hitori Shabu สาขาสยามพารากอน
เราได้มีโอกาสมาทานชาบูที่ร้าน Hitori Shabu ซึ่งเราได้เลือกเซ็ต เนื้อ Charolais (ชาโรเล่ส์) ใน Truffle Tori Paitan Soup (ซุปทรัฟเฟิล) ซึ่งในเซ็ตนี้โดดเด่นด้วยเนื้อชาโรเล่ส์ เนื้อชั้นดีที่มีไขมันแทรก โด
Matterhorn
โอมากาเสะ ‘เนื้อย่าง’ คัดสรรเนื้อ A5 สดใหม่ ไม่แช่แข็ง ส่งตรงจากญี่ปุ่น
Yakiniku Sudo Bangkok โอมากาเสะ ‘เนื้อย่าง’ คัดสรรเนื้อ A5 สดใหม่ ไม่แช่แข็ง ส่งตรงจากญี่ปุ่น อร่อย นุ่ม ละลาย หลายสัมผัส แบบที่สายเนื้อต้องมาลอง Appetizers เปิดมาด้วยซุปเนื้อรสหวานละมุนกล
มิกิชวนกิน
ราดหน้าเนื้อน้ำมันหอย
ราดหน้าเนื้อน้ำมันหอย ตอนแรกสั่งข้าวคะน้าเนื้อน้ำมันหอย แต่ทางร้านข้าวหมด ก็เป็นเมนูราดหน้าแทน กลิ่นหอมฟุ้ง กลิ่นเนื้อชัดเจน จานนี้ 60 บาทค่ะ รสชาติดีอยู่แล้ว ไม่ต้องปรุงเพิ่ม
deauny
เล่าเรื่องอาหาร กล้วยหักมุกย่าง
ช่วงบ่ายของวันที่อากาศเย็นสบาย แดดอ่อนๆ ส่องลอดชายคา ชวนให้นึกถึงขนมอะไรอุ่นๆ ที่จะเติมความสุขให้วันธรรมดาที่ไม่ธรรมดา และสิ่งที่นึกออก นั่นคือ“กล้วยหักมุกย่าง” ซึ่งปรากฏในความคิดของฉันเป็
สมาชิกหมายเลข 7918220
รีวิวห้องอาหาร China Palace โรงแรม Prince Palace บุฟเฟ่ต์ติ่มซำปั้นสดคำโตทานได้ 2.30 ชม. แค่ 699 บาท
วันนี้เราได้รับการรับเชิญจาก PR ของโรงแรมปรินซ์พาเลซ ให้เข้ามารีวิวห้องอาหารจีนไชน่าพาเลซที่ตั้งอยู่ชั้น 32 Tower A ของโรงแรม โดยจุดเด่นของอาหารนี้คือเป็นบุฟเฟ่
Food Addicts
แป้งนุ่ม ไส้แน่น เดนิชคัสตาร์ดบลูเบอร์รี่ตัวนี้สอบผ่านจ้า
สวัสดีทุกคนที่กำลังมองหาขนมราคาน่ารักไว้เติมพลังระหว่างวัน 🙌 วันนี้เราขอมารีวิวของหวานเล็ก ๆ ที่ทำเอาเราว้าวตั้งแต่คำแรก! นี่เลย "เดนิชคัสตาร์ดบลูเบอร์รี่" จาก 7-Eleven ราคาแค่ 22 บาท หน้า
ปากกาดาว
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ
อาหารฝรั่ง
อาหารไทย
คาเฟ่ (Cafe)
ร้านอาหาร
อาหารฟิวชั่น
บนสุด
ล่างสุด
อ่านเฉพาะข้อความเจ้าของกระทู้
หน้า:
หน้า
จาก
แชร์ :
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน
อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
ยอมรับ
[CR] รีวิว Home Stew Cafe ร้านคาเฟ่บรรยากาศสุดร่มรื่นใจกลางประชาชื่นที่มี Signature เป็นเมนูสตูสูตรโฮมเมด
ดูเหมือนจะเป็นร้านคาเฟ่เล็กๆมีที่ให้นั่งเพียงเล็กน้อยแต่บอกได้เลยว่าคุณคิดผิด เพราะพอได้เข้ามาด้านในจริงๆแล้วกว้างขวางมีให้เลือกนั่งหลายโซนมาก เริ่มจากโซนแรกเป็นห้องแอร์มีผนังกระจกตกแต่งและเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์สไตล์ Loft ที่ดูดิบผสมกับความเก่าสไตล์ Vintage ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีโซน Outdoor ตั้งแต่ระเบียงชมสวนขนาดใหญ่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่จนถึงที่นั่งใจกลางสวน ในแต่ละมุมนั้นทางร้านได้ตกแต่งเอาไว้สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปเป็นชีวิตจิตใจไม่เว้นแม้แต่มุมหน้าห้องน้ำ สายเก๋ได้รูปสวยแล้วสายกินอย่างเราไปสั่งอาหารกันครับผม
เปิดดูเมนูของทางร้านก็ราคาถือว่าไม่แรงมากนัก สตูต่างๆราคาเริ่มต้นที่ 120-235 บาท อาหารทานเล่น/ซุป/กับแกล้มเริ่มต้นที่ 50-185 บาท เมนูข้าว/อาหารจานเดียวเริ่มต้นที่ 109-195 บาท เมนูสปาเก็ตตี้/ก๋วยเตี๋ยวเริ่มต้นที่90-239 บาท เมนูจานแซ่บ/สลัดราคาเริ่มต้นที่ 165-239 บาท จานหลักแบบจัดหนักทุกเมนูราคา 320 บาท เครื่องดื่มรสหวานที่ไม่ใช่กาแฟราคาเริ่มต้นที่ 50-120 บาท กาแฟต่างๆเริ่มต้นที่ 70-100 บาท ช๊อกโกแลตและนมปั่นเริ่มต้นที่ 70-110 บาท หน้าสุดท้ายคือขนมหวานเริ่มต้นที่ 80-190 บาท โดยราคาอาหารที่เห็นในเล่มเมนูนี้ไม่มีการบวก Vat. และ Service Charge ใดๆทั้งสิ้น พยายามชะเง้อมองดูโต๊ะอื่นว่าเขาสั่งอะไรมาทานกัน (ส่วนใหญ่จะเป็นของหวานและเครื่องดื่ม) เลยเลือกมาเฉพาะเมนูที่พนักงานแนะนำและมีสัญลักษณ์ขายดีในเล่มมาชิมกันครับ
จานแรก"สปาเก็ตตี้เพสโตปลาแซลมอน" ราคา 239 บาท นี่ไม่ใช่สปาเก็ตตี้เพสโตที่เคยรู้จักแต่มันถูกดัดแปลงให้รสชาติเผ็ดร้อนด้วยพริกแห้ง/หวานหอมใหญ่/เค็มมันด้วยพาเมซาชีส/หอมกลิ่นซอสโหระพาสับ(เพสโต)ผสมกับน้ำมันมะกอก โดยเส้นสปาเก็ตตี้ที่ทางร้านใช้นั้นก็สวกสุกมาแบบ Perfect แต่ถูกนำไปตัดเป็นเส้นสั้นๆ บางคนอาจจะชอบเพราะทานสะดวก แต่ส่วนตัวแล้วรู้สึกว่าเสน่ห์ของความเป็นสปาเก็ตตี้หายไปเล็กน้อย พาสต้ารสชาติเข้มข้นทานคู่กับชิ้นปลาแซลมอนทอดจนเหลืองกรอบแต่เนื้อในสุกฉ่ำ (เดาว่าทางร้านน่าจะทอดด้วยกระทะเหล็ก) บอกเลยว่าลงตัวที่สุดในบรรดาสปาเก็ตตี้ซอสเพสโตที่เคยทานมาครับ จานต่อมาคือ"ข้าวผัดกากหมูปลาทู" ราคา 145 บาท ถึงชื่อจะบอกว่าเป็นข้าวผัดกากหมูแต่พอมาเสิร์ฟจริงๆมันคือข้าวผัดไข่เค็มใส่ใบมะกรูด มีรสชาติเผ็ดอ่อนๆคล้ายๆกับข้าวผัดต้มยำ (แต่ไม่มีกลิ่นข่า/ตะไคร้และรสชาติไม่เปรี้ยว) เสิร์ฟมาพร้อมกับกากหมูทอดเพิ่มความกรุบกรอบ/หอมแดงเพิ่มความหอมฉุนและพริกสดเพิ่มความเผ็ดได้ตามใจ ปลาทูทอดที่ท๊อบปิ้งมาด้านบนก็ถูกเลาะก้างออกจนหมดจึงทำให้ทานง่าย ข้าวผัดมีรสชาติเข้มข้นอยู่แล้วไม่ต้องขอพริกน้ำปลาหรือมะนาวซีกเพิ่มเติม มาพร้อมกับน้ำซุปสาหร่ายใส่แครอทมาให้ซดหวานๆอีก 1 ถ้วย รวมๆแล้วเป็นเมนูที่อร่อยลงตัวไม่แปลกใจที่จะติดอันดับเมนูขายดีครับ
เมนูถัดมาเป็น "สตูซี่โครงหมู" ราคา 165 บาท เป็นจานที่ขายดีที่สุดของที่ร้านโดยสามารถเลือกได้ว่าจะทานกับขนมปัง/ข้าวสวยหรือสปาเก็ตตี้ได้ฟรี (เลือกได้เพียงอย่างใดอย่างหนึ่ง) แต่วันนี้เราอยากทานคู่กับมันบดต้องเพิ่มอีก 30 บาท โดยสตูของที่ร้านนี้จะสีสันเข้มข้นกว่าหลายร้านที่เคยทานมา รวมถึงรสชาติเค็มละมุนกลมกล่อมอมเปรี้ยวมีกลิ่นคล้ายๆกับใส่มะเขือเทศลงไปเคี่ยวด้วยจึงทำให้พิเศษกว่าสูตรที่ใช้วูสเตอร์ซอสปกติ ผักในจานสุกนุ่มเปื่อยแต่ไม่เละ ส่วนซี่โครงหมูนั้นนุ่มจนเคี้ยวกระดูกอ่อนได้สบายๆอีกทั้งยังมีรสอูมามิของกระดูกหมูผสมลงไปในซุปอีกด้วย ส่วนมันบดของที่ร้านนี้ก็ถือว่าเนื้อนวลละเอียด ไม่ได้ปรุงรสใดมามากนักทำให้ไม่รบกวนรสชาติของสตูที่เราได้สั่งมา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมจึงเป็นเมนูขายดี จานต่อมาคือ "สตูเนื้อน่องลาย" ราคา 200 บาท เป็นเนื้อน่องลายที่ถูกตุ๋นเวลานานจนเอ็นนุ่มละมุนเกือบกลายเป็นเยลลี่ มีรสชาติแบบเดียวกับสตูซี่โครงหมูแต่เนื่องจากเนื้อวัวส่วนนี้ไม่ได้ติดกระดูกจึงทำให้มีความอูมามิน้อยกว่าแต่จะได้รสของเนื้อและไขมันวัวอ่อนๆในซุปแทน เนื้อน่องลายตุ๋นนุ่มๆทานคู่กับขนมปังทาเนยอบกรอบๆ จุ่มให้น้ำของสตูซึมเข้าไปในเนื้อขนมปังแบบฉ่ำๆบอกเลยว่าอร่อยฟินห์โดนใจมากๆครับผม
อีก 1 เมนูขายดี"สันคอหมูย่างจิ้มแจ่ว" ราคา 165 บาท เป็นสันคอหมูนำไปหมักกับสมุนไพรสไตล์อีสานแล้วนำไปย่างบนเตาถ่านให้สุกกำลังดีหั่นมาเป็นชิ้นพอคำ ทานคู่กับน้ำจิ้มแจ่วสไตล์อีสานรสชาติเปรี้ยว/เค็ม/เผ็ด จานนี้เราขอแนะนำว่าสั่งข้าวสวยมาทานคู่กันจะลงตัวกำลังดี เพราะหมูหมักมาอร่อย/ส่วนน้ำจิ้มก็ดีแต่เมื่อทานด้วยกันรู้สึกว่าเค็มไปนิดนึงไม่เหมาะสำหรับการสั่งมาทานเล่นเปล่าๆสักเท่าไหร่ จานถัดมาไม่ใช่เมนูขายดีแต่สั่งมาทานแก้เลี่ยนก็คือ "ส้มตำแซลมอน" ราคา 199 บาท เป็นตำไทยรสชาติเปรี้ยวหวานเส้นมะละกอเย็นกรอบมีความเผ็ดอ่อนๆ ทานคู่กับแซลมอนซาชิมินุ่มๆแทรกไขมันละมุนหอมกลิ่นกุ้งแห้งและถั่วลิสง ได้อารมณ์แบบทานสลัดมากกว่าทานส้มตำแต่ถ้าอยากทานแบบแซ่บโดนใจ สอบถามทางร้านแล้วว่าแม่ครัวสามารถจัดให้ได้ตามใจสั่งนะครับ ส่วนตัวให้ผ่านเลยครับ
หมดเมนูของคาวแล้วมาต่อกันที่ของหวานกันบ้าง โดยก่อนหน้านี้เราก็ชะเงื้อดูแล้วว่าคนมาทานร้านนี้แต่ละโต๊ะเขาสั่งอะไรมาทานกันบ้าง เมนูแรกคือ "Waffle & I-Tim" ราคา 99 บาท เป็นวาฟเฟิลอบมาในรูปแบบบาร์ 6 ชิ้น แป้งหอมกลิ่นเนยและไข่กรอบนอกนุ่มใน ก่อนทานราดด้วยเมเปิ้ลไซรัปให้เนื้อขนมดูดเข้าไปพร้อมทานคู่กับไอศครีมวนิลาหอมๆ ได้ทั้งความหวาน/กรอบ/หอมเมเปิ้ลไซรัป+เนย+ไข่และเย็นไอศครีมวนิลาในคำเดียวกัน เมนูต่อมานั่นก็คือ "ไอศครีมกะทิบัวลอย" ราคา 85 บาท เป็นไอศครีมกะทิรสหวานหอมกลิ่นมะพร้าวทานคู่กับบัวลอยแป้งเหนียวหนึบสีสันสดใสเพิ่มความหอมด้วยกะทิอบควันเทียนรสเค็มอ่อนๆ โดยเมื่อนำทุกอย่างมาประกอบกันก็กลายมาเป็นขนมบัวลอยที่เราคุ้นเคย(แต่เป็นเวอร์ชั่นเย็น) ก็อร่อยเคี้ยวแป้งหนุบหนับ/หอมกะทิและมะพร้าวดีไปอีกแบบนึงครับ
เมนูถัดมาเป็นของหวานใหม่ที่ทางร้านแนะนำให้ลอง "ไอศครีมบานาน่าไวท์มอลต์" ราคา 85 บาท เป็นไอศครีมวนิลาลูกใหญ่ล้มรอบด้วยกล้วยหอมสไลด์โรยด้วยผงไวท์มอลต์ ปักด้วยคุกกี้รูปหัวหมีและราดด้วยซอสช๊อกโกแลต เป็นเมนูที่ดูธรรมดาๆแต่อร่อยเกินคาดมากๆ เหมือนกำลังทานไอศครีมวนิลาผสมกับช๊อกโกบานาน่าหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นไวท์มอลต์เต็มปากในทุกๆคำ อีกทั้งราคาไม่แรงด้วยแนะนำให้สั่งเลยครับผม ส่วนเครื่องดื่มวันนี้แก้วแรกก็สั่งเป็น "Baby Shark" ราคา 85 บาท เป็นอิตาเลียนโซดารสบลูฮาวายผสมเลมอนเปรี้ยวหอมสดชื่น เคี้ยวหนึบๆเยลลี่รูปปลาฉลามที่ดูดน้ำหวานเข้าไป เป็นแก้วที่น่ารักเหมาะกับสั่งมาถ่ายรูปดีมากๆครับ อีกแก้วเป็น"อัญชันน้ำผึ้งมะนาว" ราคา 70 บาท เป็นน้ำอัญชันสกัดเข้มข้นสีน้ำเงินหอมกลิ่นดอกไม้นวลๆ เพิ่มลูกเล่นด้วยการใส่น้ำผึ้งผสมมะนาวลงไปให้น้ำเปลี่ยนเป็นสีม่วงสวยงาม ทำให้รสเปรี้ยว/หอมกลิ่นเลมอนและน้ำผึ้งสุดสดชื่นดื่มแล้วตื่นตาดีครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น