ไม่รู้ว่าการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกโซนเอเชียจะได้แข่งกันต่อหรือเปล่า ท่ามกลางสถานการณ์โควิทที่ยังไม่แน่นอน แต่หากการแข่งขันกลับมาเป็นดังที่ได้วางแผนเอาไว้ดูเหมือนว่า ไม่มีแมตซ์ไหนที่มีความสำคัญยิ่งยวดไปกว่า การเปิดบ้านต้อนรับเวียดนามของทัพเสือเหลืองมาเลเซีย ที่บูกิตจาริล
แม้ประเทศไทยจะถูกยกย่องให้เป็นเจ้าอาเซียน เหนือเวียดนาม แต่ไม่มีครั้งใดที่พลพรรคดาวทองจะได้เปรียบเหนือคู่แข่งย่านอาเซียนมากเท่าครั้งนี้ การที่เวียดนามมีแต้มนำถึง 11 แต้ม ทำให้การไปเยือนมาเลเซียถือเป็นนัดชี้เป็นชี้ตาย ทั้งของเวียดนามเองและส่งผลถึงคู่แข่งอื่นๆอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่ไทยต้องเน้นกับทุกๆเกมส์ แต่หากเวียดนามเอาชนะมาเลเซียได้ถึงถิ่นพวกเขาก็แหย่เท้าข้างหนึ่งเข้าไปในรอบ 12 ทีมสุดท้ายแล้ว
การแข่งขันที่มีมาก่อนหน้าในวันที่ 8 ตุลาคม ไม่ว่าจะออกหน้าไหน หากเวียดนามชนะมาเลย์เซีย พวกเขาจะมี 14 คะแนน ในขณะที่คู่แข่งทีมอื่นๆ จะมีมากที่สุด คือ ไทย 11 คะแนน มาเลเซีย 12 คะแนน หรือ ยูเออี 12 คะแนน ในขณะที่จะเหลือการแข่งขันอีกเพียง 2 นัดให้ลุ้น
เวียดนามต้องการอีกอย่างน้อย 3 คะแนน น่าจะเพียงพอ ซึ่งนั่นก็จะมาตั้งแต่นัดที่เล่น กับอินโดนีเซีย ในบ้าน และในคืนวันที่ 12 พฤศจิกายน กองทัพมอเตอร์ไซด์อาจออกมาฉลองเต็มท้องถนนของนครฮานอย มากกว่าทุกๆครั้งที่ผ่านมา การเล่นกับยูเออีในนัดสุดท้ายของเวียดนามที่จะเป็นการชี้ชะตาให้กับ เพื่อนร่วมอาเซียนอย่างไทยและมาเลเซีย น่าจะคาดเดาผลไม่ยาก
ย้อนกลับมาในค่ำคืนวันที่ 12 พฤศจิกายน การแข่งขันระหว่างไทยกับยูเออี ถ้าเลือกได้พวกเขาคงต้องการแข่งก่อนเวียดนาม แต่โชคร้ายที่เขตเวลาของยูเออีห่างจากเวียดนามกว่า 4 ชม. ทั้ง 2 ทีมรู้ผลของการแข่งขันที่เวียดนามแล้ว และด้วยคะแนนที่อาจห่างกันแค่ 1 แต้ม ทำให้ยากที่จะคาดการณ์ผลลัพธ์สุดท้าย
หากผลออกมาเสมอ นั่นเท่ากับทั้งไทยและยูเออีจะไม่มีทางที่จะมีคะแนนเท่าเวียดนาม เวียดนามจะเข้ารอบทันที
แล้วโอกาสขนาดไหนที่เวียดนามจะเอาชนะมาเลเซียได้ถึงถิ่น

มาเลเซียอาจมีสถิติที่ดีกว่าเพื่อนบ้านอย่างไทยเมื่อได้เล่นในถิ่นบูกิตจารีล แต่กับเวียดนามเหมือนไม่ใช่อย่างนั้น ย้อนกลับไปในปี 2018 เวียดนามเกือบยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้กับมาเลเซีย พวกเขานำ 2 ต่อศูนย์ก่อน จะถูกตีเสมอในนาทีที่ 60 มาเลเซียเกือบทำให้ ดร.มหาเทห์ ที่มานั่งชมอยู่ด้วยเสียหน้า
แล้วในวันที่ 13 ตุลาคมล่ะ
แม้จะได้เล่นในบ้าน แต่มาเลย์เซียเพิ่งกลับจากไปเยือนยูเออีมาในวันที่ 8 ตุลาคม เร็วสุดในการกลับบ้านคือเช้าวันที่ 9 ในขณะที่เดินทางย้อนเขตเวลา พวกเขาจะมาถึงกัวลาลัมเปอร์เร็วสุดคือเย็นวันที่ 9 และมีเวลาซ้อม 3 วันก่อนเจอ เวียดนาม ด้วยสภาพของนักเตะที่ยากจะคาดเดาได้ หลังกรำศึกหนักกับยูเออี ในขณะที่เวียดนามมีเวลาเตรียมตัวเต็มที่ เพราะเป็นแมตซ์แรกของทัพดาวทอง..............ดูเหมือนในคราวนี้เทพแห่งโชคจะเทไปอยู่ริมๆขอบอ่าวตังเกี๋ย
ชะตากรรมที่อาจตัดสินกันที่บูกิตจาริล
แม้ประเทศไทยจะถูกยกย่องให้เป็นเจ้าอาเซียน เหนือเวียดนาม แต่ไม่มีครั้งใดที่พลพรรคดาวทองจะได้เปรียบเหนือคู่แข่งย่านอาเซียนมากเท่าครั้งนี้ การที่เวียดนามมีแต้มนำถึง 11 แต้ม ทำให้การไปเยือนมาเลเซียถือเป็นนัดชี้เป็นชี้ตาย ทั้งของเวียดนามเองและส่งผลถึงคู่แข่งอื่นๆอย่างเลี่ยงไม่ได้ ในขณะที่ไทยต้องเน้นกับทุกๆเกมส์ แต่หากเวียดนามเอาชนะมาเลเซียได้ถึงถิ่นพวกเขาก็แหย่เท้าข้างหนึ่งเข้าไปในรอบ 12 ทีมสุดท้ายแล้ว
การแข่งขันที่มีมาก่อนหน้าในวันที่ 8 ตุลาคม ไม่ว่าจะออกหน้าไหน หากเวียดนามชนะมาเลย์เซีย พวกเขาจะมี 14 คะแนน ในขณะที่คู่แข่งทีมอื่นๆ จะมีมากที่สุด คือ ไทย 11 คะแนน มาเลเซีย 12 คะแนน หรือ ยูเออี 12 คะแนน ในขณะที่จะเหลือการแข่งขันอีกเพียง 2 นัดให้ลุ้น
เวียดนามต้องการอีกอย่างน้อย 3 คะแนน น่าจะเพียงพอ ซึ่งนั่นก็จะมาตั้งแต่นัดที่เล่น กับอินโดนีเซีย ในบ้าน และในคืนวันที่ 12 พฤศจิกายน กองทัพมอเตอร์ไซด์อาจออกมาฉลองเต็มท้องถนนของนครฮานอย มากกว่าทุกๆครั้งที่ผ่านมา การเล่นกับยูเออีในนัดสุดท้ายของเวียดนามที่จะเป็นการชี้ชะตาให้กับ เพื่อนร่วมอาเซียนอย่างไทยและมาเลเซีย น่าจะคาดเดาผลไม่ยาก
ย้อนกลับมาในค่ำคืนวันที่ 12 พฤศจิกายน การแข่งขันระหว่างไทยกับยูเออี ถ้าเลือกได้พวกเขาคงต้องการแข่งก่อนเวียดนาม แต่โชคร้ายที่เขตเวลาของยูเออีห่างจากเวียดนามกว่า 4 ชม. ทั้ง 2 ทีมรู้ผลของการแข่งขันที่เวียดนามแล้ว และด้วยคะแนนที่อาจห่างกันแค่ 1 แต้ม ทำให้ยากที่จะคาดการณ์ผลลัพธ์สุดท้าย
หากผลออกมาเสมอ นั่นเท่ากับทั้งไทยและยูเออีจะไม่มีทางที่จะมีคะแนนเท่าเวียดนาม เวียดนามจะเข้ารอบทันที
แล้วโอกาสขนาดไหนที่เวียดนามจะเอาชนะมาเลเซียได้ถึงถิ่น
มาเลเซียอาจมีสถิติที่ดีกว่าเพื่อนบ้านอย่างไทยเมื่อได้เล่นในถิ่นบูกิตจารีล แต่กับเวียดนามเหมือนไม่ใช่อย่างนั้น ย้อนกลับไปในปี 2018 เวียดนามเกือบยัดเยียดความพ่ายแพ้ให้กับมาเลเซีย พวกเขานำ 2 ต่อศูนย์ก่อน จะถูกตีเสมอในนาทีที่ 60 มาเลเซียเกือบทำให้ ดร.มหาเทห์ ที่มานั่งชมอยู่ด้วยเสียหน้า
แล้วในวันที่ 13 ตุลาคมล่ะ
แม้จะได้เล่นในบ้าน แต่มาเลย์เซียเพิ่งกลับจากไปเยือนยูเออีมาในวันที่ 8 ตุลาคม เร็วสุดในการกลับบ้านคือเช้าวันที่ 9 ในขณะที่เดินทางย้อนเขตเวลา พวกเขาจะมาถึงกัวลาลัมเปอร์เร็วสุดคือเย็นวันที่ 9 และมีเวลาซ้อม 3 วันก่อนเจอ เวียดนาม ด้วยสภาพของนักเตะที่ยากจะคาดเดาได้ หลังกรำศึกหนักกับยูเออี ในขณะที่เวียดนามมีเวลาเตรียมตัวเต็มที่ เพราะเป็นแมตซ์แรกของทัพดาวทอง..............ดูเหมือนในคราวนี้เทพแห่งโชคจะเทไปอยู่ริมๆขอบอ่าวตังเกี๋ย