รักต่างศาสนา แต่ไม่ใช่เพราะศาสนา

สวัสดีครับ ผมขอใช้พื้นที่นี้ในการเล่าประสบการณ์ความรักของผม ซึ่งเป็นความรักระหว่างชายกับชาย ของศาสนาพุทธและอิสลาม (ผมพุทธ) (ผมชื่อเอ นามสมมติ) (เขาชื่อ บี นามสมมติ)

แรกเริ่มเขาแอดfacebookมา ผมก็รับตามปกติ จากนั้น บีก็ทักมาคุยตลอด ด้วยความถี่ที่ บีทักมาทำให้เราสนิทกันมากขึ้น อีกอย่างเราก็อยู่ใกล้กันมา ใกล้แค่30 กิโลเมตร ตลอดเวลาที่เราคุยกันผ่านfacebookราวๆ4เดือน แล้วก็นัดเจอกันที่ห้างแห่งหนึ่งที่ นนทบุรี เพื่อซื้อของไปทำกับข้าวกัน เพราะเราสองคนนั้น ต่างก็ชอบทำอาหาร วันนั้น บีไปกับน้องสาวด้วย และบีก็แนะนำผมให้น้องสาวรู้จัก การซื้อของที่ห้างผ่านไปด้วยดี

พวกเราเดินทางกลับบ้าน ก็เวลาเกือบจะบ่าย ก็ช่วยกันทำอาหาร ทานข้าว พูดคุยกันสนุกสนาน ทำงานบ้านช่วยกันจนค่ำ และทานข้าวเข้านอน

กิจกรรมดำเนินแบบนี้ไป ทุกเสาร์ อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เป็นเวลา6เดือนกว่า ทุกวันหยุดผมจะไปหาเขาที่บ้าน โดยบีจะขับรถมารับที่สถานีรถไฟฟ้าตลอด

ลักษณะของบี จะไม่ค่อยตอบไลน์ ไม่ค่อยตอบแชท หรือกดไลน์อะไร สักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะเราเขาใจว่าเขาทำงานเหนื่อย สองวัน วันเว้นวัน บีก็จะ video call มาคุย ก่อนนอน5-10นาที

หลัง ๆ ผมเริ่มสังเกตเห็น ว่ามีชายคนหนึ่ง โทรมาหาบีบ่อย ๆ กดไลค์โพสต์บีบ่อย ๆ ผมจึงเข้าไปส่องfacebook ผู้ชายคนนั้น และนำมาถามบีว่า เขาเป็นใคร บียิ้มและหัวเราะ พร้อมตอบว่า กิ๊กอ่ะ ผมเลยถามต่อว่าทำไมต้องมีกิ๊ก บีตอบว่า อย่าเครียด อย่าคิดมากนะ แล้วก็หัวเราะ

ผมไม่ลดละความสงสัย จริงเข้าไปส่องface ผู้ชายคนนั้น ปรากฎว่า หลายรูปภาพ หลายกิจกรรม มีการcommentกันลักษณะคนรัก แต่เขาไม่เคยมีรูปคู่กัน มีเพียงไปถ่ายรูปสถานที่เดียวกัน คือ ไปเที่ยวด้วยกัน แต่ไม่ถ่ายรูปคู่ อีกอย่างเหมือนความสัมพันธ์ เขาเริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2558/2559ต้นปี ผมจึงตัดสินใจ ทักไปถามชายคนนั้น ว่าเป็นอะไรกับบี เขาตอบว่า เป็นแฟนกัน มานานแล้ว คบกันมา สามจะสี่ปีแล้ว(ผู้คนนั้นอยู่ภาคเหนือซึ่งก็ไกลกันพอสมควร)

กิจกรรมที่เขาร่วมกันทำบ่อย ๆ ช่วง หลัง ๆ หนึ่งปีที่ผ่านมา คือ วิ่งมาราธอน เหนือ ใต้ กลาง และเที่ยว แต่หลัง ๆ มา ปี63 ไม่เห็นเขานัดเจอกัน

พอผมทราบเรื่องจากชายคนนั้น เป็นเวลา ราว ๆ สี่ทุ่มผมแทบกับทรุด น้ำตาไหล ตัวสั่น นอนไม่หลับ คืนนั่น ผมไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่นอนร้องไห้ แต่ไม่กล้าโทรไปหาบีกลัวรบกวนเขา เพราะมันดึกแล้ว จึงได้ส่งข้อความไป ว่า"บี เรารู้แล้วนะว่าเธอกับคนนั่นเป็นแฟนกันมานานกว่าสามปีแล้ว และเห็นไปเที่ยว ไปวิ่ง กิจกรรม อื่น ๆ อีกมากมาย และเชื่อว่าตอนนี้ บีกับเขายังคุยกัน ถ้าบียังรักเขาคนนั้นอยู่ เราก็จะถอยให้" หลังจากส่งข้อมความไป ตอนเช้าบีก็โทรกลับมา บอกให้เราอย่าเครียด ให้เราพักผ่อน แล้วให้ไปหาเขา

ผมพยายามทำใจ อดทน ระงับอารมณ์ให้ได้ และตัดสินใจไปหาเขาที่บ้านเพื่อที่เราสองคนจะได้คุยปัญญากัน บีก็ขับรถมารับที่สถานีรถไฟฟ้าปกติ พอถึงบ้านผมจึงเริ่มที่จะถามเขา

ผมจึงบอกบีไปว่า "บีเรามีความในใจจะบอก เรารักบีมากนะ วันที่เรารู้เรื่อง ก่อนไปสอบ คืนก่อนสอบ เรานอนไม่หลับ ร้องไห้ เครียดจนตัวสั่น แม้กระทั้งสอบ เรายังสั่นจะร้องไห้ หลังจากกลับมา เราน้ำตาซึมตลอด ยิ่งเห็นบีกับเขาคนนั้น commentพูดคุยกัน เรายิ่งทรมาน มันเหนื่อยสั่นไปหมด เราอยากเป็นแฟน หรือคนรัก ที่เธอให้ความชัดเจนเหมือนอย่างเขา แต่อย่างว่า เขามาก่อนเรา และบีก็คงยังรักเขา ที่เรามาหาวันนี้แค่อยากฟังจากปากบีว่า บีรักเราไหม แค่นั้นเราก็สุขใจละ แต่ก็ไม่รู้ว่ามันเป็นความจริงไหม สุดท้ายนี้เรา อยากบอกว่าเรารักบีนะ แต่เราขอหลีกทางให้เธอกับเขา เพราะสถานะเราคงเป็นได้แค่ชู้ เราไม่มีสถานะอะไรเลย เราทรมาน"

จากนั้นบีก็ได้เล่าความในใจของเขาว่า "บีรักเอนะ รักจริงไม่ได้โกหก ไม่ใช่ไม่แคร์ เอรู้ไหม ว่าบีนะกับเขาคนนั้นเรามีอุปสรรคมากมาย บีเคยถามครอบแล้วว่าสามารถมีแฟนเป็นผู้ชายหรือแต่งงานกันได้ไหม คำตอบคือ ครอบครัวไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง ต่างคนต่างรู้ว่าจุดจบมันเป็นยังไง บีรักเขาคนนั้นด้วยแหละ แต่บียังไม่กล้าบอกเลิก เพราะคนนั้นก็รักบีมาก ถ้าบอกเขาตอนนี้ๆ เขาจะรับไม่ได้ เขาต้องแย่มากแน่ ๆ บีไม่อยากเสียมิตรภาพไป มันเป็นความผูกผันที่อยากรักษาไว้ บีจะให้เขาค่อย ๆ เข้าใจที่ละนิดที่ละน้อย จนเขารับได้"

ผมจึงถามไปอีก ว่า"แล้วเราละ คิดอะไรกับเรา" บีตอบว่า"รักเอไง ไม่อยากทิ้งเอไป ไม่อยากให้เอเสียใจ ถ้าเอจะถอย เราก็ไม่ว่า แต่จะไม่เจอกันเลย คุยกันเลย มันเป็นไปไม่ได้ บียังอยากให้เออยู่ข้าง ๆ ค่อย เป็นกำลังใจ ค่อยช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เรายังไม่อยากเสียมิตรภาพไป เอเข้าใจจุดจบใช่ไม่ บีต้องแต่งงานกับผู้หญิง บีต้องมีลูกและเลี้ยงดูลูก บีมีความเชื่อ ความเข้าใจอย่างนี้ สิ่งเหล่านี้ที่บีตัดสินใจแล้วว่าดีและถูกบนเส้นทางของเรา"

ผมจึงถามว่า "แล้วทำไมถึงต้องมารักเรา มารักชายละ " บีตอบว่า "มันบอกไม่ถูกหรอกความรัก เพราะบีที่มีความรู้สึกแบบนี้ บีก็เหนื่อย อ่อนแอมาก ตลอดเวลา บีไม่มีความสุขเลย แต่สิ่งที่บีบอกเอ นั้นเป็นสิ่งที่บีต้องเลือกทำและคิดว่าเหมาะแล้ว

ความรู้สึกตอนนั้น ผมก็เสียใจ และสงสารบี ที่ต้องมาเจอเรื่องหัวใจ ความรักแบบนี้ ผมจึงตอบบีไปว่า "เราจะอยู่ข้าง ๆ เธอ ค่อยเป็นกำลังใจ ค่อยช่วยเหลือ ค่อยรับฟัง และไม่ทิ้งเธอไปไหน"
ทั้งที่ในใจผม แทบจะขาด กลั้นน้ำตาไว้อย่างสุดใจ ผมสงสารตัวเองที่ต้องมาเจออะไรแบบนี้ แต่ก็รักเข้าไปแล้ว เพราะเรากว่าจะรักกันได้ ก็ใช้เวลาคุยกัน นานถึงสี่เดือน จึงคบกับกัน แต่ผมก็ยังไม่ปักใจเชื่อสนิทหรอก ว่าบีพูดความจริง จึงตอบบีไปว่า "หากสิ่งที่เธอพูดเป็นความจริง เราขอให้เธอมีความสุข พ้นจากทุกข์ของรัก หากแต่งงานกับหญิงใด ขอจงสุขสมหวังทุกอย่าง เราจะยังค่อยห่วงใยเธอไปตลอดนะ"

ผมกินไม่ได้ นอนไม่หลับหลายวัน จิตตกไปหลายครั้ง อยากมีรักที่ชัดเจน และยอมรับกันได้ทุกสิ่ง
ผมขอเล่าเพียงส่วนนี้ไว้ก่อน เดี๋ยวมาเล่าให้ฟังใหม่ เพื่อน ๆ คิดว่าผมควรทำยังไง…
…ขอบคุณครับ…
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่