“วัฒนา”ย้ำตัดงบฯกห.ส่วนที่ไม่จำเป็นแน่เพื่อความเหมาะสม
https://www.innnews.co.th/politics/news_720859/
กมธ.งบฯซีกเพื่อไทย รอเฉือนงบฯกลาโหม ยันไม่ตัดส่วนที่จำเป็นแน่นอน ย้ำต้องปรับเพื่อให้เกิดความเหมาะสม
นาย
วัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2564 เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ประกาศเจตนารมณ์ ว่าจะตัดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมว่า ขณะนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณารายหน่วยงานที่รับงบประมาณ แต่ยังไม่มีการพิจารณาในส่วนของกระทรวงกลาโหมแต่อย่างใด ซึ่งการดำเนินการนั้นจะต้องรอเข้าไปในชั้นกรรมาธิการอีกครั้งหนึ่งซึ่งกรรมธิการในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยเองไม่ได้ว่าจะตัดงบฯของทางกระทรวงกลาโหม เพียงแต่จะต้องดูรายจ่ายต่างๆที่ไม่มีความจำเป็น และไม่ก่อให้เกิดเงินได้ เหล่านี้ก็จะต้องมีการปรับลดลง
ทั้งนี้ เมื่อถามถึงงบประมาณส่วนที่ไม่เกิดความจำเป็นจะมีแนวโน้มนำไปช่วยประชาชนในด้านอื่นๆแทนได้หรือไม่ นายวัฒนา กล่าวต่อว่า ในส่วนของคณะกรรมาธิการนั้นมีหน้าที่เพียงแค่พิจารณา ว่า รายจ่ายส่วนใดที่ไม่ก่อให้เกิดเงินได้ ก็จะทำการตัดส่วนนั้นออกไปและเงินในส่วนนั้นจะถูกจัดส่งไปที่ทางสำนักงบประมาณเพื่อจัดสรรใหม่ ซึ่งคณะกรรมาธิการไม่สามารถจัดสรรให้ได้
เครือข่ายปชช.ต้านโกง แฉเสี่ย อ้าง"บิ๊กป้อม" ล็อกสเป๊กติดตั้ง CCTV ทั่วประเทศ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4494000
เครือข่ายปชช.ต้านโกง แฉเสี่ย อ้าง"บิ๊กป้อม" ล็อกสเป๊กติดตั้ง CCTV ทั่วประเทศ
วันที่ 13 ก.ค.ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มธรรมาภิบาล เครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอรัปชั่น นำโดย นาย
วิวัฒน์ สมบัติหลาย ประธานกลุ่มธรรมภิบาล ยื่นหนังสือถึง พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โดยมี นาย
สมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือ
กลุ่มธรรมาภิบาล เครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอรัปชั่น ขอให้ตรวจสอบบุคคลที่แอบอ้างชื่อ พล.อ.
ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เนื่องจากทางกลุ่มฯได้รับการร้องเรียนและแจ้งข้อมูล จากเครือข่ายผู้ประกอบการติดตั้งกล้อง CCTV หลายราย ว่าได้มีกลุ่มบุคคลไปแอบอ้างชื่อ พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานกรรมการบริหารการบูรณาการแผนและระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ทั่วประเทศ ไปหาผลประโยชน์โดยการวิ่งเต้นล็อกสเป๊กงานติดตั้งกล้อง CCTV ภายใต้นโยบายสมาร์ทซิตี้ของรัฐบาล
โดยเอาบริษัทของตัวเองและนอมินี ให้เป็นผู้ชนะการประกวดราคาตามหน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ เป็นการที่สร้างความเสียหายให้แก่งบประมาณแผ่นดินและกระทบต่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการที่ประชาชนควรได้รับ ซึ่งผลของการล็อคสเปคเพื่อให้พวกตัวเองชนะการประมูลและติดตั้งอุปกรณ์ที่ไม่ได้คุณภาพไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์อีกทั้งยังมีการแอบอ้างชื่อบุคคลสำคัญของบ้านเมืองเพื่อ ให้ผู้หนึ่งผู้ใดที่เกี่ยวข้อง สำคัญผิดและเกรงใจ จะดำเนินการตามความต้องการของกลุ่มบุคคลกลุ่มนี้
โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวคือ "กลุ่มเสี่ย" ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจติดตั้ง CCTV และเป็นเจ้าของบริษัท ติดตั้งกล้อง CCTV โดยอ้าง เป็นผู้ประสานงานของผู้ใหญ่รัฐบาลให้ดำเนินการในเรื่องการบูรณาการแผนและระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด CCTV ทั่วประเทศต่อหน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีแผนและงบประมาณที่จะติดตั้งกล้อง CCTV
โดยเข้าไปวางสเปกล่วงหน้าให้กับหน่วยงานที่จะจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้ได้รับสเปก CCTV ของตัวเอง และทำให้บริษัทในกลุ่มของตนเองและนอมินีได้งานเป็นคู่สัญญาในหลายโครงการทั่วประเทศ อีกครั้ง ยังมีพฤติการณ์ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ประกอบการติดตั้ง CCTV ที่สุจริตและบุคคลทั่วไปเข้าใจว่าเป็นคนของผู้ใหญ่ในรัฐบาล
โดยมีพฤติกรรมในการแอบอ้างดังต่อไปนี้
1.
อ้างตนว่ามีตำแหน่งประจำรัฐสภา คือตำแหน่งเลขานุการ ประจำกรรมาที่การการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่น และ การบริหารราชการรูปแบบพิเศษ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำให้สามารถเข้าไปประสานงานกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศได้ใช้ตำแหน่งไปแสวงหาผลประโยชน์เพื่อกิจการติดตั้งกล้อง CCTV ของตนเองได้
2.
แอบอ้างชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปประมูลงานจนเป็นเหตุให้ผู้ประกอบการติดตั้งกล้อง CCTV หลายรายที่สุจริตไม่กล้าเข้าแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมได้ ซึ่งเป็นกรณีที่ทำให้พลเอกประวิตรฯ ได้รับความเสียหาย
3.
อวดอ้างและแสดงตนว่า เกี่ยวเป็นสมัครพรรคพวกในมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด และเข้าออกอยู่เป็นประจำจนเป็นเหตุให้ผู้ประกอบการติดตั้งกล้อง CCTV ทั่วไปเข้าใจว่าเป็นคนของผู้ใหญ่ในมูลนิธิฯ ดังกล่าว
JJNY : วัฒนาย้ำตัดงบฯกห.ที่ไม่จำเป็น/แฉเสี่ยอ้างป้อมล็อกสเป๊กCCTV/เทพไทตบปากทีมโฆษกพปชร./ชีวิตติดห้างชาวกรุงทำร้ายคนลาว
https://www.innnews.co.th/politics/news_720859/
กมธ.งบฯซีกเพื่อไทย รอเฉือนงบฯกลาโหม ยันไม่ตัดส่วนที่จำเป็นแน่นอน ย้ำต้องปรับเพื่อให้เกิดความเหมาะสม
นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี2564 เปิดเผยกับ สำนักข่าว INN ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย ประกาศเจตนารมณ์ ว่าจะตัดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมว่า ขณะนี้กำลังเข้าสู่การพิจารณารายหน่วยงานที่รับงบประมาณ แต่ยังไม่มีการพิจารณาในส่วนของกระทรวงกลาโหมแต่อย่างใด ซึ่งการดำเนินการนั้นจะต้องรอเข้าไปในชั้นกรรมาธิการอีกครั้งหนึ่งซึ่งกรรมธิการในสัดส่วนของพรรคเพื่อไทยเองไม่ได้ว่าจะตัดงบฯของทางกระทรวงกลาโหม เพียงแต่จะต้องดูรายจ่ายต่างๆที่ไม่มีความจำเป็น และไม่ก่อให้เกิดเงินได้ เหล่านี้ก็จะต้องมีการปรับลดลง
ทั้งนี้ เมื่อถามถึงงบประมาณส่วนที่ไม่เกิดความจำเป็นจะมีแนวโน้มนำไปช่วยประชาชนในด้านอื่นๆแทนได้หรือไม่ นายวัฒนา กล่าวต่อว่า ในส่วนของคณะกรรมาธิการนั้นมีหน้าที่เพียงแค่พิจารณา ว่า รายจ่ายส่วนใดที่ไม่ก่อให้เกิดเงินได้ ก็จะทำการตัดส่วนนั้นออกไปและเงินในส่วนนั้นจะถูกจัดส่งไปที่ทางสำนักงบประมาณเพื่อจัดสรรใหม่ ซึ่งคณะกรรมาธิการไม่สามารถจัดสรรให้ได้
เครือข่ายปชช.ต้านโกง แฉเสี่ย อ้าง"บิ๊กป้อม" ล็อกสเป๊กติดตั้ง CCTV ทั่วประเทศ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_4494000
เครือข่ายปชช.ต้านโกง แฉเสี่ย อ้าง"บิ๊กป้อม" ล็อกสเป๊กติดตั้ง CCTV ทั่วประเทศ
วันที่ 13 ก.ค.ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล กลุ่มธรรมาภิบาล เครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอรัปชั่น นำโดย นายวิวัฒน์ สมบัติหลาย ประธานกลุ่มธรรมภิบาล ยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โดยมี นายสมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับหนังสือ
กลุ่มธรรมาภิบาล เครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอรัปชั่น ขอให้ตรวจสอบบุคคลที่แอบอ้างชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เนื่องจากทางกลุ่มฯได้รับการร้องเรียนและแจ้งข้อมูล จากเครือข่ายผู้ประกอบการติดตั้งกล้อง CCTV หลายราย ว่าได้มีกลุ่มบุคคลไปแอบอ้างชื่อ พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานกรรมการบริหารการบูรณาการแผนและระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ทั่วประเทศ ไปหาผลประโยชน์โดยการวิ่งเต้นล็อกสเป๊กงานติดตั้งกล้อง CCTV ภายใต้นโยบายสมาร์ทซิตี้ของรัฐบาล
โดยเอาบริษัทของตัวเองและนอมินี ให้เป็นผู้ชนะการประกวดราคาตามหน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ เป็นการที่สร้างความเสียหายให้แก่งบประมาณแผ่นดินและกระทบต่อประโยชน์สูงสุดของทางราชการที่ประชาชนควรได้รับ ซึ่งผลของการล็อคสเปคเพื่อให้พวกตัวเองชนะการประมูลและติดตั้งอุปกรณ์ที่ไม่ได้คุณภาพไม่เป็นไปตามวัตถุประสงค์อีกทั้งยังมีการแอบอ้างชื่อบุคคลสำคัญของบ้านเมืองเพื่อ ให้ผู้หนึ่งผู้ใดที่เกี่ยวข้อง สำคัญผิดและเกรงใจ จะดำเนินการตามความต้องการของกลุ่มบุคคลกลุ่มนี้
โดยกลุ่มบุคคลดังกล่าวคือ "กลุ่มเสี่ย" ซึ่งเป็นผู้ประกอบการธุรกิจติดตั้ง CCTV และเป็นเจ้าของบริษัท ติดตั้งกล้อง CCTV โดยอ้าง เป็นผู้ประสานงานของผู้ใหญ่รัฐบาลให้ดำเนินการในเรื่องการบูรณาการแผนและระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด CCTV ทั่วประเทศต่อหน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีแผนและงบประมาณที่จะติดตั้งกล้อง CCTV
โดยเข้าไปวางสเปกล่วงหน้าให้กับหน่วยงานที่จะจัดซื้อจัดจ้าง เพื่อให้ได้รับสเปก CCTV ของตัวเอง และทำให้บริษัทในกลุ่มของตนเองและนอมินีได้งานเป็นคู่สัญญาในหลายโครงการทั่วประเทศ อีกครั้ง ยังมีพฤติการณ์ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐผู้ประกอบการติดตั้ง CCTV ที่สุจริตและบุคคลทั่วไปเข้าใจว่าเป็นคนของผู้ใหญ่ในรัฐบาล
โดยมีพฤติกรรมในการแอบอ้างดังต่อไปนี้
1. อ้างตนว่ามีตำแหน่งประจำรัฐสภา คือตำแหน่งเลขานุการ ประจำกรรมาที่การการกระจายอำนาจการปกครองส่วนท้องถิ่น และ การบริหารราชการรูปแบบพิเศษ สภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ทำให้สามารถเข้าไปประสานงานกับ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศได้ใช้ตำแหน่งไปแสวงหาผลประโยชน์เพื่อกิจการติดตั้งกล้อง CCTV ของตนเองได้
2. แอบอ้างชื่อ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไปประมูลงานจนเป็นเหตุให้ผู้ประกอบการติดตั้งกล้อง CCTV หลายรายที่สุจริตไม่กล้าเข้าแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรมได้ ซึ่งเป็นกรณีที่ทำให้พลเอกประวิตรฯ ได้รับความเสียหาย
3. อวดอ้างและแสดงตนว่า เกี่ยวเป็นสมัครพรรคพวกในมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด และเข้าออกอยู่เป็นประจำจนเป็นเหตุให้ผู้ประกอบการติดตั้งกล้อง CCTV ทั่วไปเข้าใจว่าเป็นคนของผู้ใหญ่ในมูลนิธิฯ ดังกล่าว