เด็กหลงทาง

อย่างที่ตั้งหัวข้อไป  เราเป็นเด็กหลงทาง
แรกเริ่ม เราอยาก สวัสดี ทุกคนที่เข้ามาอ่านบอร์ดนี้ 

เราเป็นเด็กที่เรียนจบ ปี 59 แล้วไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ (*ขอเรียกแทนด้วยตัว P นะคะ)
ที่ตัดสินใจไปเรียนต่อเพราะ 1. เป็นประเทศที่พ่อเราเรียนจบที่นั้นมา  2. เรามีลูกพี่ลูกน้องเรียนที่นั้นอยู่ด้วย 

ตอนจบมาใหม่ๆ พ่อถามเราว่า ไปเรียนต่อที่ P ไหม ไหนๆก็มีลูกพี่ลูกน้องอยู่ที่นั้นด้วย เราด้วยความที่เป็นคนไม่ค่อยจะขัดใจกับที่บ้านมากนัก ก็เอ่อออไปกับเขา ทีนี้ก็ดำเนินการส่งไปสมัครไป ขออธิบายก่อนนะคะ ม.ที่เราส่งใบสมัครไป เป็น International University เลยคะ ตอนยืนใบสมัครไปนั้น ด้วยความที่เขามีชมรมเด็กไทยที่เรียนอยู่ที่ P  เป็นชมรมใหญ่เลย เราเลยยืนใบสมัครเข้ากับชมรมไป แล้วมันจะมีรุ่นพี่ในชมรมไปดำเนินการสมัครกับมหาลัยให้ ตอนยื่นใบสมัครอ่ะ มันไม่ต้องยืนคะแนนสอบ GATPAT อะไรเลย เราด้วยความที่ก็ไม่ค่อยเป็นเด็กเรียนอะไร เลยไม่ได้ลงสอบ GATPAT เลย ทีนี้ ก็ดำเนินการอะไรเรียบร้อย ระหว่างรอดำเนินการอะไรนั้น ก็ใช้เวลาไป 1 ปีเต็ม ระหว่างนั้น เราก็หาคอร์สเรียนภาษาสั้นๆเรียนเอา

ขอข้ามรายละเอียดนะ ประเด็นหลักๆที่เรามาลงเพราะว่า..

เราเข้าเรียนที่ P แรกๆไป เราต้องเรียนภาษาก่อน ในคณะที่เราลงคือ มันต้องเรียนภาษา 3 เทอม ก็ราวๆ ปีครึ่ง
ทีนี้เราก็เรียนๆ แต่พอเรียนๆไปละมันเริ่มมีปัญหากับการเรียน เราเรียนไม่ผ่านหลักสูตรในเทอมที่ 3 คือก็ต้องซ้ำชั้น 

ตอนนั้นที่เราตกเพราะเราไม่อยากเรียนต่อ มันไม่ใช่ทางที่เราต้องการ ช่วงนั้น โทรหาเพื่อน ปรึกษาเพื่อน เกือบทุกคนที่เราไว้ใจ เพื่อนก็ให้กำลังใจและบอกว่า ลองสู้ใหม่ไหม มาถึงจะครึ่งทางละนะ จะได้เข้ามหาลัยแล้วนะ บอกตรงๆเลยว่า เราเป็นคนหนี่งที่เข้ากับครอบครัวตัวเองไม่ได้เลย แบบ ตั้งแต่ประถม จนถึงมัธยม พ่อกับแม่จะเป็นคนเลือกที่เรียนให้เลย คือเหมือนเราอ่ะ เติบโตมาด้วยทางที่เขาปูไว้  

ขอเล่านิดหนึ่ง..

ตอน ม. 1 เราเลือกเข้าเรียน รร.ใกล้บ้าน ในตัวเมือง ช่วงนั้น จำได้ว่า พ่อเป็นคนเลือกให้ พอเข้า ม. 2 แม่สั่งให้ย้าย รร. ไปเรียน รร.ประจำอีกอำเภอหนึ่ง คือจังหวัดเดียวกันนะ ด้วยความเป็นเด็กอ่ะ เราเลยคิดว่าที่บ้านไม่รักเรารึเปล่า ไม่ต้องการเรารึเปล่า เลยเลือกส่งเราไปอยู่ รร. ประจำ เราเลยเลือกทำตัวเกเร ไหนๆก็ทิ้งเราแล้ว ไม่สนใจเราแล้ว ก็ทำให้มันสุดๆไปเลย ความรู้สึกตอนนั้น มันศูนย์เลย เพราะเราเป็นเด็กหัวช้า เรียนไม่ค่อยเก่ง ถ้าเทียบกับน้องสาวแล้ว เหมือน ฟ้ากับเหวอ่ะ 

ทีนี้ก็เรียนๆ เล่นๆจนถึงม. 3 เราว่าจะย้าย ม.ปลายไปเรียน รร. ใกล้บ้าน พ่อก็อนุญาต แต่ต้องทำเรื่องย้ายเองนะ ด้วยความที่ รร.ประจำที่เราเรียนอ่ะ มันกักเด็ก แบบ ม.ปลายต้องต่อที่นี้เลยอ่ะ เราไปทำเรื่องขอย้ายมา เชื่อไหมว่าเราทำเรื่อง 2 ปีกว่าจะได้ ก็คือ เราทำเรื่องขอย้ายตั้งแต่ จบม.3 แล้วไม่ได้ ม.4 เราก็ทำใหม่ ก็ไม่ได้อีก สุดท้าย ม.5 ก็ขอยืนเรื่องอีก อย่างที่สุภาษิตว่า ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั้น ตอนขอทำเรื่องย้าย ม.5 นั้น ช่วงปิดเทอม เราเช่าห้องอยู่ใกล้ๆ รร.เลยเว้ยเพราะ ม. 5  ต้องทำซุ้มจบให้พี่ ม. 6 เราวิ่งเข้า รร.ทุกวัน ตามล่าลายเซ็นขอทำเรื่องย้ายทุกวัน จนเราทำสำเร็จเว้ย 

เราย้ายมาเรียนในตัวเมือง ใกล้ๆบ้าน มันเหมือนชีวิตได้อสระมากขึ้น แต่รู้อะไรไหม.. พอเราจบม. 6 ชีวิตอิสระที่เราต้องการมาตลอดก็จบลง เพราะ.. อย่างที่เราบอกข้างต้น เรื่องเรียนต่อมหาลัยที่พ่อเลือกให้

เรียนมหาลัยที่ P เราอยู่หอในของมหาลัย แล้วมันมีกฎเคร่งครัดมาก มันไม่ต่างอะไรกับชีวิตตอนที่เรียน รร. ประจำเลย เช้าไปเรียน เลิกเรียนก็กลับห้อง ใช้ชีวิตแบบนี้มาตลอด 3 ปี มันเหมือนเราฝืนทำในสิ่งที่เราไม่ชอบมาตลอด มันก็ไม่เชิงว่าไม่มีความสุขหรอกไม่ใช่ว่า อยู่ไม่ได้ เรียนไม่ได้ แต่เราเป็นคนที่รักสนุก รักการเดินทาง ชอบหาประสบการณ์ใหม่ๆ มันเลยทำให้เราเบื่อ 

ประเด็นหลักๆที่เราจะสือถึงคือ ถ้าเทียบกับเพื่อนที่จบรุ่นเดียวกันก็คือ ทุกคนสำเร็จการศึกษาปีนี้กันหมดแล้ว แต่เรากำลังเรียนอยู๋ ปี 2 ช่วงต้นปีนี้ มันเกิด Covid-19 มหาลัยทั่วโลกปิดการเรียนการสอนหมด  รวมถึง มหาลัยที่เราเรียนก็ด้วย เราเลยตัดสินใจกลับไทย ถ้านับเวลาที่เรากลับไทยมา เดือนนี้ก็ 5 เดือนแล้วที่เราอยู่ไทย มหาลัยก็เปิดเรียนออนไลน์อยู่ ขณะนี้ก็ยังเรียนออนไลน์อยู่ 

เราอยากถามเพื่อนๆว่า เราควรจะปรึกษาที่บ้านไหม ใจเรา เราไม่อยากเรียนต่อแล้ว ไม่อยากไปเรียนที่  P แล้ว เราอยากเริ่มเรียนใหม่ในไทย เราเสียเวลาเรียน เสียเวลาอยู่ในจุดที่ไม่ใช่ตัวเองมา 4 ปี นับตั้งแต่เรียนจบม.ปลายมา เราควรเข้าไปคุยกับพ่อแม่ไหม เราควรจะเริ่มต้นใหม่ไหม ตอนนี้ เหมือนคนหลงทางเลย มองไม่เห็นอนาคตข้างหน้าเลย....

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่