เปิดตำนานผู้คิดค้นเครื่องยนต์ดีเซลของโลก MAN ยนตรกรรมรถบรรทุกเยอรมนี อายุ 260 ปี ที่ล้ำสมัย

  
หากพูดถึงรถบัสรถบรรทุกส่วนใหญ่ที่เราคุ้นตาและคุ้นเคยที่เห็นกัน บางคนอาจมองไม่ออกถึงความแตกต่าง แต่แท้ที่จริงแล้วนั้น รถบัสหรือรถบรรทุกในแต่ละคันย่อมมีรายละเอียดโครงสร้าง รวมถึงความปลอดภัยและความคุ้มค่าในการใช้งานที่แตกต่างกันไปตามประเภทของการใช้งาน ซึ่งหากพูดถึง “เอ็ม เอ เอ็น ทรัค แอนด์ บัส” (MAN Truck & Bus) หรือเรียกสั้น ๆ ว่า เอ็ม เอ เอ็น (MAN) ในวงการรถบรรทุกและรถบัสประเทศไทย อาจจะยังไม่เป็นที่คุ้นเคยของคนทั่วไปมากนัก ครั้งนี้จึงเป็นโอกาสอันดีที่จะพาทุกคนไปทำความรู้จัก เอ็ม เอ เอ็น (MAN) รถบรรทุกสัญชาติเยอรมันขนานแท้ที่กันให้มากขึ้น แล้วคุณจะทราบถึงเหตุผลที่ทำให้รถบรรทุกสัญชาติเยอรมันแบรนด์นี้ ถึงรับความไว้วางใจจากวงการขนส่งทั่วยุโรปมายาวนานหลายทศวรรษ
 

·    จากผู้สร้าง “เครื่องยนต์ดีเซล” ของโลก - “เอ็ม เอ เอ็น ทรัค แอนด์ บัส” (MAN Truck & Bus) เป็นหนึ่งในผู้นำด้านการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์และให้บริการขนส่งของยุโรป ด้วยขอบข่ายผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมตั้งแต่รถตู้ รถบรรทุก รถบัส ไปจนถึงเครื่องยนต์ดีเซลและเครื่องยนต์ที่ใช้แก๊ส ตลอดจนบริการที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งมวลชนและสินค้า ส่วนหนึ่งของกลุ่ม TRATON SE และมีพนักงานมากกว่า 36,000 คนทั่วโลก โดยย้อนหลังไปราว 250 ปี เอ็ม เอ เอ็น ได้มีส่วนอย่างมากในการปฏิวัติโลกยุคใหม่ ซึ่งมีจุดเริ่มต้นในช่วงการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรปในช่วงศตวรรษที่ 18-19 ส่วนหนึ่งมาจากการค้นพบเครื่องยนต์ดีเซลโดย รูดอล์ฟ ดีเซล ในปี 1893 การประดิษฐ์เครื่องยนต์ดีเซลเครื่องแรกนี้เกิดขึ้นที่เมืองเอาท์บวก ประเทศเยอรมนี และเครื่องยนต์ดังกล่าวถูกเรียกตามชื่อผู้ประดิษฐ์ว่า “เครื่องยนต์ดีเซล” จากนั้น ราวร้อยปีให้หลัง เครื่องยนต์ดีเซลได้กลายเป็นชิ้นส่วนหลักในรถบรรทุกหนักทั่วโลก  
เอ็ม เอ เอ็น เติบโตและก้าวเป็นนำการผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์อย่างต่อเนื่องด้วยเทคโนโลยีที่ถือว่าก้าวหน้าที่สุดของโลก โดยในปี 1915 ได้เริ่มเดินสายการผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่โรงงานประกอบรถยนต์ขนาดเล็ก และในปี 1924 เอ็ม เอ เอ็นเปิดตัวเครื่องยนต์ดีเซลเครื่องแรกของโลกที่มาพร้อมระบบอัดฉีดเชื้อเพลิง (direct-injection) และโครงสร้างของรถบัสที่ออกแบบใหม่ทั้งหมดบนตัวถังแบบ low-frame chassis ทุกอย่างดำเนินไปอย่างมุ่งมั่นและมีเป้าหมายชัดเจน ในปี 1965 เอ็ม เอ เอ็น ฉลองการประกอบรถบรรทุกคันที่ 100,000 ได้โดยใช้เวลาหลังผลิตคันแรกไปเพียง 10 ปี นับเป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดดอย่างมากในยุคนั้น 
 

    ·   ผู้สร้างยนตรกรรมขนาดใหญ่ - เมื่อก้าวสู่ศตวรรษใหม่ในปี 2000 เอ็ม เอ เอ็น สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการรถบรรทุกรุ่นใหญ่ด้วยการพัฒนารถบรรทุกในตระกูล TGA  ในช่วงปี 2007-2017 ธุรกิจของเอ็ม เอ เอ็น ขยายตัวอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องเพื่อรองรับโลกที่มีเทคโนโลยีสุดล้ำเป็นตัวขับเคลื่อน มีการเปิดตัวรถบรรทุกหนักในตระกูล TGX และ TGS (ต่อจาก TGA series) ซึ่งมีความโดดเด่นจนได้รับรางวัล ‘Truck of the Year’ ในปี 2008 และถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัล German Design Award ต่อมาในปี 2012 เอ็ม เอ เอ็น เปิดตัวเทคโนโลยีมาตรฐาน Euro 6 พร้อมนวัตกรรมอื่น ๆ ในงาน IAA ตามด้วยรถบัสโดยสาร NEOPLAN Tourliner และรุ่นปรับปรุงใหม่ใน TG series อีกหลายรุ่น ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าอีกขั้นในอุตสาหกรรมรถยนต์เพื่อการขนส่งผู้โดยสารขนาด 3.0 และ 5.5 ตัน ทำให้ เอ็ม เอ เอ็น กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่ครบวงจรที่สุดรายหนึ่งของโลก พร้อมกับการก้าวสู่ยุคของการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าและการเปลี่ยนผ่านสู่ยุคดิจิทัล 


·       ทีมวิจัยเพื่อรถบรรทุกครบครันและล้ำสมัย -  รถบรรทุกรุ่นใหม่ ๆ ของ เอ็ม เอ เอ็น ผ่านการทดสอบจากองค์กรรับรอบมาตรฐานระดับสากลอย่าง TÜV Süd นอกจากนี้ทุกรุ่นยังให้ความสำคัญกับประสิทธิภาพและความสะดวกสบายของผู้ขับขี่ ความปลอดภัย และความพร้อมใช้งานในระดับสูงสุดเสมอ โดย MAN eTGM เป็นอีกก้าวของนวัตกรรมที่พัฒนาขึ้นบนฐานความห่วงใยต่อสิ่งสิ่งแวดล้อม ระบบ MAN eTruck ผสานแนวคิดการปกป้องสิ่งแวดล้อมและสมรรถนะเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว เพื่อรองรับอนาคตของการขนส่งในเขตเมือง ในขณะที่ด้านการวิจัยและพัฒนาเพื่อให้ได้ยานยนต์ที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยลง และขับขี่ได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น เอ็ม เอ เอ็น ให้ความสำคัญกับการค้นคว้าและวิจัยใน 3 เรื่องหลักๆ ได้แก่ การขับขี่อัตโนมัติ (automated driving) การเชื่อมต่อสื่อสาร (connectivity) และการขับขี่ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
 อย่างไรก็ตาม ทุกกิจกรรมด้านการวิจัยและพัฒนาไม่เน้นแค่ในแง่มุมของการออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในแต่ละกลุ่มผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังให้ความสำคัญกับการลดการใช้พลังงาน ลดปริมาณไอเสีย ระบบขับขี่ที่เป็นทางเลือกใหม่ รวมถึงการใช้พลังงานทางเลือกตลอดจนการยกระดับความปลอดภัยทั้งจากฝั่งคนขับและตัวระบบเอง นอกจากนี้ยังพัฒนาแอปพลิเคชั่นเพื่อการขับขี่ที่ใช้งานได้บนแพลตฟอร์มระบบคลาวด์ ภายใต้กรอบแนวคิดในการดำเนินงานของ TRATON Group ที่เปิดรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่ยุคดิจิทัลอีกด้วย
 
·       ขุมพลังที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ระดับโลก  - บริษัท เอ็ม เอ เอ็น ทรัค แอนด์ บัส เอส อี มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเมืองมิวนิค ประเทศเยอรมนี และเป็นบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มบริษัทเอ็ม เอ เอ็น ผู้นำในการจัดจำหน่ายรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ที่มอบทางเลือกด้านความประหยัดและนวัตกรรมล้ำสมัยในการขนส่ง ปัจจุบันมีฐานการผลิตทั้งในเยอรมนี ออสเตรีย โปแลนด์ รัสเซีย ตุรกี และแอฟริกาใต้ โดยมีขอบข่ายผลิตภัณฑ์และบริการที่ครอบคลุม นับตั้งแต่รถตู้ขนาด 3.0 – 5.5 ตัน ไปจนถึงรถบรรทุกขนาด 7.49 – 44 ตัน และรถบรรทุกหนักเพื่อใช้งานในวัตถุประสงค์เฉพาะ ซึ่งบางรุ่นรองรับน้ำหนักบรรทุกได้สูงถึง 250 ตัน ไม่เพียงเท่านั้น เอ็ม เอ เอ็น ยังมีรถบัสโดยสารที่วิ่งในเมือง รถบัสโดยสารระหว่างเมือง รถโค้ช และตัวถังรถบัสภายใต้แบรนด์ MAN ตลอดจนรถโค้ชระดับหรูภายใต้แบรนด์ NEOPLAN เครื่องยนต์อุตสาหกรรมสำหรับใช้กับเรือเดินสมุทร เครื่องยนต์สำหรับยานยนต์ที่วิ่งบนถนนทั่วไปและยานยนต์ออฟโรดตลอดจนบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งอีกมากมาย


ด้วยความเชี่ยวชาญที่สั่งสมเป็นระยะเวลากว่า 260 ปี ทำให้ “เอ็ม เอ เอ็น ทรัค แอนด์ บัส” (MAN Truck & Bus) ได้รับความไว้วางใจให้เป็นแบรนด์รถขนส่งเพื่อการพาณิชย์อันดับหนึ่งของยุโรป การันตีด้วยรางวัลมากมายที่ได้รับทั้งในด้านดีไซน์และด้านเครื่องยนต์ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ล่าสุดเอ็ม เอ เอ็น ได้เล็งเห็นถึงการเติบโตของวงการขนส่งเพื่อการพาณิชย์ในประเทศไทยที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง จึงได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยเพื่อขับเคลื่อนเอ็ม เอ เอ็น ก้าวสู่การเป็นแบรนด์รถบรรทุกที่เติบโตควบคู่ไปกับตลาดโลจิสติกส์ไทยด้วยการนำเสนอผ่านผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานและมีคุณภาพระดับโลก ตลอดจนการบริการหลังการขายที่พร้อมมอบความพึงพอใจสูงสุดแก่ลูกค้าอันเป็นตามวิสัยทัศน์ของ เอ็ม เอ เอ็น ที่มุ่งสู่การเป็นศูนย์การให้บริการแบบครบวงจรทั้งการจำหน่ายและการบริการหลังการขายให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทย

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่