ปัญหาครอบครัว เราควรจะจัดการความคิดของเรายังไงดี ก่อนที่จะสายไป ?

เราไม่รู้จะเริ่มยังไงดีคะ เอาเป็นว่าเราแต่งงานแล้วมาอยู่บ้านสามี ที่บ้านสามีก็จะมี สามีและแม่ของเค้า ตอนท้องสามีดูแลดีมาก ทะนุถนอมทุกอย่างจนเราแอบคิดว่าเราเองเป็นเจ้าหญิงที่เจอเจ้าชายที่แสนดี ตามใจ เอาอกเอาใจ ดูแลเราเป็นพิเศษเพราะเราท้องลูกของเค้าอยู่  ส่วนแม่สามีก็จัดว่าดีในระดับนึง *เราขอจัดระดับตามความรู้สึกของเราเองละกันนะคะ* 
 
แต่หลังจากที่เราคลอดลูกมา  เรารู้สึกว่าเรากลายเป็นคนไร้ค่าในทันทีจนเราตั้งตัวแทบไม่ทัน   ครั้งแรกที่พยาบาลเข็นเราออกจากห้องคลอดและได้เห็นหน้าสามีครั้งแรก  สามีไม่เคยเอ่ยปากถามเราสักคำว่า เจ็บไหม เป็นยังไงบ้าง กลับกัน กลายเป็นเราที่เป็นห่วงเค้าว่าเมื่อคืนทั้งคืนเป็นไงบ้าง ได้หลับได้นอนหรือเปล่า ทั้งๆที่เราปวดท้องคลอดลูกแบบใช้คำว่าเจียนตาย  แต่ก็ช่างเถอะ เราให้กำลังใจตัวเอง มองหน้าลูกแล้วความเจ็บปวดก็จะหายไปเอง เพราะสุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครสามารถรับความเจ็บปวดแทนใครได้อยู่ดี คือน้อยใจสามีจนแอบไปร้องไห้คนเดียวในห้องน้ำบ่อย ๆ
 
เราและสามีก็ช่วยกันเลี้ยงดูลูก  โดยมีแม่สามีเป็นคนคอยช่วยอีกแรงในวันที่เราและสามีต้องมาทำงาน ซึ่งก็ไม่ไกลจากบ้านมากนัก พักเที่ยงในทุกวัน เราก็จะกลับไปอาบน้ำป้อนนมลูก ตั้งแต่ลูกคลอด จนกระทั่งตอนนี้ ลูกได้ 1 ขวบ กับอีก 1 เดือนคะ ทำอย่างนี้เป็นประจำทุกวัน ยกวันเสาร์/อาทิตย์ จะพาลูกกลับบ้านในอีกจังหวัดนึง เราพึ่งสร้างบ้านกันที่นั่นและจะกลับบ้านกันทุกเย็นวันพุธ และทุกเย็นวันศุกร์
 
ค่าใช้จ่ายทุกอย่างเราเป็นคนบริหารจัดการเองทั้งหมด ทุกสิ้นเดือน สามีจะโอนเงินเดือนของเค้าให้เรา เนื่องจากเราเอาเงินก้อนของเราจำนวน 160,000 บาท ปิดหนี้ไฟแนนซ์เช่าซื้อรถยนต์ให้เค้า  ค่าน้ำค่าไฟและค่าอินเตอร์เน็ต เรารับผิดชอบทั้ง 2 บ้าน คือบ้านเรา และบ้านแม่สามี ค่าใช้จ่ายทุกอย่างทั้งค่ากิน ค่าของใช้ส่วนตัว ค่าน้ำมันรถ ค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกี่ยวกับลูกเรา  จะเป็นเราบริหารจัดการเองทั้งหมดคะ รวมไปถึงค่าผ่อนบ้านด้วย สำหรับเรื่องเงินครอบครัวเราไม่มีปัญหาคะ แชร์กิน แชร์ใช้ร่วมกัน
 
วันว่างๆ พวกเราก็จะมีพาแม่สามีออกไปทานข้าวนอกบ้านกันบ้าง ซื้อของชิ้นพิเศษๆ ตอบแทนน้ำใจที่แม่เลี้ยงลูกให้เราบ้าง เช่น โทรศัพท์แม่พังก็จัดการซื้อใหม่ให้ แล้วสิ้นปีก็มีแพลนจะซื้อทองให้ เพื่อแกจะได้มีกำลังใจเลี้ยงลูกให้เรา และจะได้ไม่ว่าเราละเลยดูแลแกด้วย เพราะเรามาอาศัยบ้านเค้าและวานให้เค้าเลี้ยงลูกให้เรา 
 
ประเด็นปัญหามันอยู่ที่ เราแอบสังเกต  คือแม่สามีเราเหมือนแกจะพยายามอุ้มลูกเราหนีเราตลอด ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุผลอะไร เช่น เวลาเราป้อนข้าวลูกอยู่ แม่สามีจะเข้ามาช่วยป้อน เพราะแกอยากให้เรามีเวลาไปทำอย่างอื่นด้วยซึ่งก็เป็นเรื่องดีแหละคะ แต่เผอิญเราว่าง เราก็อยากมีเวลาดูแลลูกเราเองบ้างอะไรบ้าง แต่พอแกอุ้มลูกเราได้ แกก็จะพาเดินหนีจากเราไปซะดื้อๆ ปล่อยเรานั่งเคว้งคว้างอยู่คนเดียวซะงั้น  แบบประมาณว่า ป่ะลูกย่าจะพาไปหาพ่อ ไปดูซิพ่อทำอะไร  เวลาเราจะออกไปทำงาน แกก็จะพูดประมาณว่า ป่ะลูกไปส่งพ่อกัน พ่อจะไปทำงานแล้ว บ๊ายๆพ่อซิลูก น้อยครั้งมากและนับครั้งได้ที่จะมีชื่อแม่เอ่ยขึ้นมาให้ลูกเราได้ยินสักครั้ง หรือเวลาเราเดินไปเล่นกับลูก จะไปอุ้มลูกมาอาบน้ำเปลี่ยนผ้าอ้อม แกก็ทำเหมือนไม่อยากให้ลูกมาอยู่กับเรา พยายามอุ้มลูกเราเดินหนีเรา เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ซึ่งเราไม่เข้าใจเหตุผล แกอุ้มลูกเราโดยที่เราก็สามารถหยอกล้อลูกเราไปด้วย มันก็สามารถทำได้ แล้วมันเสียหายตรงไหน ทำไมต้องอุ้มลูกเราเดินหนี  มันทำให้เราแอบคิดว่าแกชอบพรากลูกไปจากเรา ลูกงอแงอยากมาทำงานกับเรา เราแค่อยากกอดเค้าและบอกกับเค้าดีๆว่าแม่ไปทำงานแปปเดียวเดี๋ยวก็กลับ ยังไม่มีโอกาส เพราะแกจะชอบอุ้มหนีไปจากเราแบบดื้อๆ แบบว่าไม่ต้องให้เห็น พอเราไปพ้นแล้วค่อยพาลูกเรากลับเข้าบ้าน เราแอบคิดว่าเหมือนแม่สามีแกไม่อยากสร้างความผูกพันให้เราและลูกเลย  ซึ่งเราเก็บมาน้อยใจ แต่ก็ได้แค่น้อยใจคะ เพราะเรายังต้องพึ่งพาแกดูแลลูกเราจนกว่าลูกเราจะเข้าอนุบาล เราได้แต่ทำใจว่าเรามาเติมเต็มให้ลูกในวันเสาร์อาทิตย์แทนก็ได้
 
ส่วนครอบครัวเรา แม่เราอย่าไปเล่าถึงจะดีกว่าคะ เราคิดว่าเราตัวคนเดียวมานานมากแล้ว ขอไม่กล่าวถึงเลยแล้วกันนะคะ เพราะฉะนั้นเราคิดว่าเรามีลูกคนนี้เพียงคนเดียว ซึ่งเป็นแก้วตาดวงใจของเรา เรารักเขามาก  รักมากจริงๆคะ เราแลกได้ทุกอย่างในชีวิตเพื่อเค้า  สิ่งที่ดีและมีประโยชน์ทุกอย่างเราคัดสรรมาเพื่อเค้า พยายามให้เวลาและความรักต่อเค้า ลูกเราเค้าค่อนข้างจะติดเรามากคะ เราคิดว่านี่คือผลตอบแทนที่เราได้รับ เพราะเค้ารู้ว่าเรารักและให้ความสุขกับเค้า เค้าก็จะรักและผูกพันธ์กับเรา  ก็พอเป็นกำลังใจให้เราได้อดทนไปได้ในแต่ละวันคะ
 
สำหรับสามีเรา  เราก็สังเกตได้เช่นกันว่า เมื่อก่อนเวลาทานข้าวพร้อมหน้ากับที่บ้านเรา เค้าจะคอยดูแล ตักข้าวตักน้ำ คอยตักอาหารให้เราทานเป็นประจำทุกครั้ง  แต่พอเวลาเราทานข้าวกับครอบครัวเค้า จะตรงข้ามกันสิ้นเชิงคะ เค้าเคยพูดประมาณว่า อยากกินอะไรก็ตักกินเอาเองเลยนะ พูดบอกเราต่อหน้าแม่เค้า เราก็แบบไม่ได้เรียกร้องให้มาทำให้เลยนะ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ไหนก็ตาม คือเราโตแล้ว สามารถดูแลตัวเองในเรื่องนี้ได้ แค่เพียงไม่เข้าใจว่าทำไม่ต้องทำให้มันแตกต่างขนาดนั้น บางครั้งจะว่าเราคิดเล็กคิดน้อยก็ได้ แต่เรากลับมองว่ามันน่าเกลียดมากกว่า บ้างครั้งมันก็เกิดคำถามในใจเราบ่อยๆว่า สรุปสามีเราเค้ารักเราจริงๆใช่หรือปล่าว หรือเค้ารักเราเพราะแค่เค้ามีลูกกับเราเท่านั้น เลยต้องทำตามหน้าที่พ่อและสามีเพื่อให้ครอบครัวสมบูรณ์
 
 
สามีเราไม่กินเหล้า ไม่เที่ยว ไม่เจ้าชู้ ไปไหนก็จะพาเราและลูกไปด้วยเสมอ และที่สำคัญคือเค้าทำหน้าที่พ่อของลูกได้ดีมาก เค้ารักลูกทั้งการกระทำและคำพูด แค่นี้สำหรับเราก็ถือว่าดีมากๆแล้ว ในส่วนของสามีภรรยา ก็ต่างคนต่างทำหน้าที่เพื่อลูกจะดีกว่า และที่สำคัญคือเราคุยกันแล้วว่าเราสองคนจะขอมีลูกคนนี้แค่คนเดียวพอคะ เราอยากเลี้ยงเค้าให้โตมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพที่สุด ส่วนแม่สามีบอกว่าให้มีเพิ่มอีกสักคน ซึ่งเรามองว่าคงไม่ไหว เพราะการจะเลี้ยงเด็กคนนึงให้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในสังคมทุกวันนี้ต้องมีปัจจัยหลายอย่าง ที่สำคัญหนึ่งในนั้นเลยคือเงินคะ เราเลยขอมีแค่คนเดียวพอแล้วคะ 
 
ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา รบกวนช่วยวิเคราะห์ให้ทีคะ ว่าจะพอมีวิธีไหนบ้างทำให้เราเลิกคิดมาก เพราะทุกครั้งที่แม่สามีทำปฏิกิริยาแบบนี้ เราจะรู้สึกนอยด์ลึกๆในใจ เราไม่อยากให้เป็นแบบนี้ เราอยากอยู่ด้วยกันแบบสงบสุขคะ ไม่อยากต้องมีปัญหา เราสงสารลูฏหากครอบครัวเดียวกันต้องทะเลาะกัน  พอมีวิธีเลี่ยงหรือวิธีแนะนำบ้างไหมคะ เราไม่รู้จะปรึกษาใครดี หรือเราต้องปรับวิธีคิดของเรา เอาจริงๆ คือรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับเหตุการณ์แบบนี้คะ เพราะกลัวปล่อยไว้ในอนาคตจะเป็นปัญหาใหญ่  ยังไงรบกวนขอคำแนะนำดีๆ ด้วยนะคะ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
รักหลานค่ะ และหวงหลานค่ะ

ก็เค้าเลี้ยงมาตั้งแต่แรกๆ เพราะคุณไปทำงาน เค้าอยู่ด้วยกันทั้งวันจะไม่ให้คนแก่ๆคนนึงรักและหลงคงไม่ได้เนอะ

..........
ส่วนสามีดีมากแล้วค่ะ

จะว่าภาระซึมเศร้าหลังคลอดเกี่ยวเปล่าคะ แต่เป็นปีแล้ว ไม่น่าเกี่ยวมั้ง

...........
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่