ผมว่าการเมืองเดินมาถึงจุดที่ต้องมีทางเลือกแล้วละ แรกเริ่มของจุดแบ่งแยกขั้ว ประเทศเรามีแดงเหลือง จนมาถึงปัจจุบันกลายเป็นแดงส้มและสลิ่ม (ก็สงสัยอยู่ทำไมไม่เคยพูดถึงคนตรงกลางบ้างเลย)
หลายคนอาจพยายามจะเถียงว่า ก็ส้มไงขั้วใหม่ไม่เอาทั้งแดงทั้งสลิ่ม เอาจริงๆ ก็อยากบอกว่าสงสารพวกแดงเขาหน่อยเถอะ จักรวรรดิ์เขาเริ่มจะผุพังไร้ที่ยึดเกาะแล้ว หลับหูหลับตาให้เขาอยู่ๆ ด้วยไปเถอะน่า (เหอะๆ)
พรรคส้มก็พิสูจน์ตัวเองมาสักระยะแล้วนะครับ ว่าไม่ควรถูกเรียกว่าขั้วใหม่ สิ่งที่พวกเขาทำก็ไม่ต่างจากนักการเมืองเดิมๆ แถมยังอ่อนหัดกว่าอีก สร้างปิศาจในจินตนาการ แล้วพยายามยุยงให้คนเชื่อตาม ใช้แต่ฝีปากชวนกันมโนอยู่ในพื้นที่แคบๆ ส่วนตัว ว่าตัวเองเจ๋งจะเป็นอัศวินผู้มาบั่นคออสูร ให้เสียงแซ่ซ้องดังระงมทั่วปฐพี แต่พอออกมาสู่โลกความจริงแค่นั้นละ โดนมาร์คสอนมวยกลางเวที จนต้องนั่งเงียบเป็นเป่าสากให้ชาวบ้านขบขันกลางที่สาธารณะ ไหนจะอาการไมค์โครโฟนเป็นพิษ โดนจ่อเข้ามาที่ปากเมื่อไหร่ก็เมามั่วทุกที หลงๆ ลืมๆ ไม่สามารถจำคำพูดตัวเองได้ วันนี้พูดอย่างพรุ่งนี้พูดอีกอย่าง นานเข้าอาการกำเริบหนักถึงขนาดพาซวยจนโดนยุบพรรคไปซะงั้น
พอเถอะไอ้พวกของปลอมทำไม่เหมือน...
มันควรถึงเวลาของใหม่และของจริงกันได้แล้ว
ทำไมผมถึงคิดแบบนั้น ผมว่าการเมืองเราเดินทางมาไกลพอสมควรแล้วนะครับ จากจุดที่ยึดอำนาจ จนตอนนี้รัฐบาลแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ความจริงมันก็เป็นเรื่องดีนะ จะทำนั่นทำนี่มันก็ง่ายไปหมด แต่การทำงานน่ะ...มันเสี่ยงมากนะถ้าไม่มีการถ่วงดุล มันเหมือนกับการใช้ชีวิตนั่นละ ถ้ามองโลกในแง่ดีไปหมดทุกอย่าง มันก็เสี่ยงที่จะผิดพลาด คือบางทีเราก็ต้องคิดลบบ้าง เพื่อเป็นการป้องกันตัวหรือระวังตัว การทำอะไรโดยไม่มีแรงต้านเลย นี่เป็นอะไรที่น่ากลัวสุดๆ
ดังนั้นขั้วใหม่ต้องมา ไม่ใช่ใหม่แต่ปากและทำอย่างพวกเดิมๆ เพิ่มเติมคือไร้ประสบการณ์และเป็นคุณหนู...แบบนั้นไม่เอา คือใหม่ในที่นี้ไม่ใช่ใหม่เอี่ยมแบบมีแต่คนอายุน้อยๆ มารวมตัวกัน การเมืองเรายังไม่เคยมีการรวมตัวกันระหว่างรุ่นใหม่กับรุ่นเก๋าอย่างชัดเจนมาก่อนนะ ที่ผ่านมามันเป็นลักษณะพ่อเกษียณแล้วลูกขึ้นมา ซึ่งสัดส่วนคนรุ่นใหม่มันก็เลยค่อนข้างน้อย มันยังไม่มีแบบครึ่งต่อครึ่ง หรือ...คนทำงานเป็นคนรุ่นใหม่คนรุ่นเก๋าเป็นที่ปรึกษา อะไรแบบนี้
นอกเหนือจากนั้นก็คงเป็นวิสัยทัศน์และการวางตัว มาทำงานต้องมาเพื่อจะมาทำงานจริงๆ เช่น ตรวจสอบก็คือตรวจสอบ ตรงไปตรงมาชัดเจน มีมูลเหตุ หลักฐานพยานอะไรต่างๆ ต้องเป็นของจริง ไม่ใช่ปั้นน้ำเป็นตัวเพื่อจ้องจะช่วงชิงอำนาจเขาอย่างเดียว มันดูห่วย ไม่มีความคิด และไม่สร้างสรรค์ เหมือนเด็กอมมือ
ตอนนี้ก็ถึงเวลาจะสร้างฐานเสียงอะไรต่างๆ ได้แล้วนะ สำหรับกลุ่มไหนก็ตามที่อยากจะเป็นขั้วใหม่
คืนนี้พอแล้วละ มาบ่นนู่นนี่นั้นเรื่อยเปื่อยเฉยๆ
ถึงเวลาที่การเมืองจะมีขั้วที่สามได้แล้วนะ : ดาวดำผู้พยากรณ์
หลายคนอาจพยายามจะเถียงว่า ก็ส้มไงขั้วใหม่ไม่เอาทั้งแดงทั้งสลิ่ม เอาจริงๆ ก็อยากบอกว่าสงสารพวกแดงเขาหน่อยเถอะ จักรวรรดิ์เขาเริ่มจะผุพังไร้ที่ยึดเกาะแล้ว หลับหูหลับตาให้เขาอยู่ๆ ด้วยไปเถอะน่า (เหอะๆ)
พรรคส้มก็พิสูจน์ตัวเองมาสักระยะแล้วนะครับ ว่าไม่ควรถูกเรียกว่าขั้วใหม่ สิ่งที่พวกเขาทำก็ไม่ต่างจากนักการเมืองเดิมๆ แถมยังอ่อนหัดกว่าอีก สร้างปิศาจในจินตนาการ แล้วพยายามยุยงให้คนเชื่อตาม ใช้แต่ฝีปากชวนกันมโนอยู่ในพื้นที่แคบๆ ส่วนตัว ว่าตัวเองเจ๋งจะเป็นอัศวินผู้มาบั่นคออสูร ให้เสียงแซ่ซ้องดังระงมทั่วปฐพี แต่พอออกมาสู่โลกความจริงแค่นั้นละ โดนมาร์คสอนมวยกลางเวที จนต้องนั่งเงียบเป็นเป่าสากให้ชาวบ้านขบขันกลางที่สาธารณะ ไหนจะอาการไมค์โครโฟนเป็นพิษ โดนจ่อเข้ามาที่ปากเมื่อไหร่ก็เมามั่วทุกที หลงๆ ลืมๆ ไม่สามารถจำคำพูดตัวเองได้ วันนี้พูดอย่างพรุ่งนี้พูดอีกอย่าง นานเข้าอาการกำเริบหนักถึงขนาดพาซวยจนโดนยุบพรรคไปซะงั้น
พอเถอะไอ้พวกของปลอมทำไม่เหมือน...
มันควรถึงเวลาของใหม่และของจริงกันได้แล้ว
ทำไมผมถึงคิดแบบนั้น ผมว่าการเมืองเราเดินทางมาไกลพอสมควรแล้วนะครับ จากจุดที่ยึดอำนาจ จนตอนนี้รัฐบาลแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ ความจริงมันก็เป็นเรื่องดีนะ จะทำนั่นทำนี่มันก็ง่ายไปหมด แต่การทำงานน่ะ...มันเสี่ยงมากนะถ้าไม่มีการถ่วงดุล มันเหมือนกับการใช้ชีวิตนั่นละ ถ้ามองโลกในแง่ดีไปหมดทุกอย่าง มันก็เสี่ยงที่จะผิดพลาด คือบางทีเราก็ต้องคิดลบบ้าง เพื่อเป็นการป้องกันตัวหรือระวังตัว การทำอะไรโดยไม่มีแรงต้านเลย นี่เป็นอะไรที่น่ากลัวสุดๆ
ดังนั้นขั้วใหม่ต้องมา ไม่ใช่ใหม่แต่ปากและทำอย่างพวกเดิมๆ เพิ่มเติมคือไร้ประสบการณ์และเป็นคุณหนู...แบบนั้นไม่เอา คือใหม่ในที่นี้ไม่ใช่ใหม่เอี่ยมแบบมีแต่คนอายุน้อยๆ มารวมตัวกัน การเมืองเรายังไม่เคยมีการรวมตัวกันระหว่างรุ่นใหม่กับรุ่นเก๋าอย่างชัดเจนมาก่อนนะ ที่ผ่านมามันเป็นลักษณะพ่อเกษียณแล้วลูกขึ้นมา ซึ่งสัดส่วนคนรุ่นใหม่มันก็เลยค่อนข้างน้อย มันยังไม่มีแบบครึ่งต่อครึ่ง หรือ...คนทำงานเป็นคนรุ่นใหม่คนรุ่นเก๋าเป็นที่ปรึกษา อะไรแบบนี้
นอกเหนือจากนั้นก็คงเป็นวิสัยทัศน์และการวางตัว มาทำงานต้องมาเพื่อจะมาทำงานจริงๆ เช่น ตรวจสอบก็คือตรวจสอบ ตรงไปตรงมาชัดเจน มีมูลเหตุ หลักฐานพยานอะไรต่างๆ ต้องเป็นของจริง ไม่ใช่ปั้นน้ำเป็นตัวเพื่อจ้องจะช่วงชิงอำนาจเขาอย่างเดียว มันดูห่วย ไม่มีความคิด และไม่สร้างสรรค์ เหมือนเด็กอมมือ
ตอนนี้ก็ถึงเวลาจะสร้างฐานเสียงอะไรต่างๆ ได้แล้วนะ สำหรับกลุ่มไหนก็ตามที่อยากจะเป็นขั้วใหม่
คืนนี้พอแล้วละ มาบ่นนู่นนี่นั้นเรื่อยเปื่อยเฉยๆ