ขอปรึกษาปัญหาคิดไม่ตก สำหรับวัย40+ หน่อยค่ะ
เกริ่นก่อนนะคะ เราแต่งกับสามีมา11ปีแล้วค่ะ พึ่งมีลูกน้อย1คน ตอนนี้ใกล้จะ3ขวบแล้ว วัยกำลังจะใช้เงินเลย(ตั้งใจให้เข้ารร.ปีหน้า)
เดิมเราแต่งเข้าบ้านสามีค่ะ เพราะสามีเป็นลูกชายคนเดียว สามีมีพี่น้องแค่2คน น้องสาวแต่งออกไปอยู่กับสามี มีลูก2คน เมื่อเวลาประมาณ5ปีที่แล้ว เลิกกับสามี เอาลูกมาอยู่บ้านเดียวกับเรา
ทุกคนอยู่ร่วมกันดีไม่มีปัญหาอะไร เราเลี้ยงลูกให้น้องด้วย
ต่อมาเราตั้งท้องและคลอด เราก็ไปๆมาๆระหว่างบ้านเรากับบ้านสามี เพราะลูกเราเป็นหลานคนแรกและคนเดียวของฝั่งบ้านเรา +กับพ่อเราป่วยเป็นสมองเสื่อม เริ่มติดเตียงตอนเราท้องได้6-7เดือน
และแม่เราก็เริ่มป่วย ต้องผ่าตัดตอนลูกเราอายุได้สัก5-6เดือน
และแม่เราพึ่งเสียไปเมื่อปีที่แล้วค่ะ
ช่วงที่แม่เราป่วย เข้าๆออกๆรพ. เรามาอยู่บ้านเราเลย เอาลูกมาเลี้ยงไปด้วย ดูแลพ่อแม่ไปด้วย ที่บ้านสามีก็เข้าใจ ว่าช่วงนี้เราต้องดูแลพ่อแม่เรา
จนแม่เราเสีย เราเริ่มมีปัญหากับบ้านสามีค่ะ เรื่องเงินๆทองๆของแม่เรา แม่เราไม่ได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ เรามีพี่น้องรวมเราด้วยทั้งหมด3คน เราเป็นพี่คนโต เราก็เข้าไปจัดการทรัพย์มรดก น้องเรา2คน ไม่มีครอบครัวค่ะ ยังโสด
เราจัดการแบ่งอสังหาฯเป็นชื่อ3คนพี่น้อง แม่สามีเราไม่พอใจ เพราะมีบ้านหลังนึงที่แม่เราเคยบอกว่า จะยกให้เรา เขาบอกบ้านหลังนี้ ต้องเป็นชื่อเราคนเดียว แค่เราก็ตัดสินใจใส่ชื่อ3คนค่ะ คือมีโฉนดกี่ใบ ก็ใส่ชื่อ3คนหมดเลย
ส่วนที่เป็นเงินสด ก็หาร3 ส่วนต่างนิดๆหน่อยๆ ให้น้องชายคนเล็กไว้ทำทุน
ซึ่งบอกตามตรง พี่น้องกัน เข้าใจกัน ไม่ทะเลาะกันเรื่องนี้เลย น้องก็แล้วแต่พี่จะให้ ส่วนเราเป็นพี่ ก็คิดว่า เราเป็นพี่ ให้น้องมากกว่านิดๆหน่อยๆ ก็ไม่เห็นเป็นไร
สามีเราเอาคำแม่เขา มาพูดให้เราฟัง เราจึ๊ดหัวร้อนเลยค่ะ ว่าทำไมเขาจะต้องมายุ่งอะไรกับเงินทองบ้านเรา มาถามหาทองสินสอด+ทองรับไหว้ ตอนเราแต่ง อยู่ไหน
ซึ่งเราก็พูดเย็นๆชาๆ ไปกับสามีล่ะว่า บ้านเขาไม่ควรจะมายุ่งเรื่องนี้
จากที่เคยอยู่กันดีๆ ไม่มีปัญหา มันก็เป็นแผลกินใจเรา เราเริ่มรู้สึกไม่ค่อยโอเคกับบ้านสามี (อันนี้เฉพาะแม่สามีกับสามีเรานะ พ่อกับน้องไม่เกี่ยว)
แล้วเราเริ่มรู้สึกว่า อยู่บ้านเรามันสบายกว่า เราเลี้ยงลูกได้ง่ายกว่า ไม่มีคนมาแทรกแซงเวลาเราสั่งสอนลูก และจากเดิมเราอยู่บ้านสามี เราไม่มีรายได้อะไร นอกเหนือจากงานนิดหน่อยๆของเรา ที่แค่พอค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเรา
เรามาอยู่บ้านเรา บ้านเราทำเลดีกว่า ตอนนี้เราเปิดร้านขายของ มีรายได้เข้ามาพอประมาณ พอที่จะเอามาใช้จ่าย+เก็บเป็นค่าเรียนของลูกได้
เราจึงคุยกับสามีว่า เราจะอยู่ที่นี้ ให้ลูกเรียนที่นี้ เพราะอยู่ที่นี้ เรามีรายได้
ถ้าเรากับลูกไปอยู่บ้านสามี เราจะไม่มีรายได้ ถึงค่าเทอมจะถูกกว่า แต่เงินเพิ่มมันไม่มี
สู้อยู่บ้านเราไม่ได้ จ่ายค่าเทอมปีละ30,000 แต่ก็ยังมีเงินพอเหลือเก็บ
สามีเราทำงานกงสีที่บ้านเขาค่ะ ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ต้องขอแม่เขา บางทีบางช่วงรายได้น้อยลง ค่าใช้จ่ายเยอะเท่าเดิม เพราะมีคนมาอยู่เพิ่ม แม่สามีก็จะบ่นเสียงดังๆ ให้คนที่ไม่มีงานทำอย่างเราเจ็บจึ๊ดๆบ้าง
ถามว่า ทำไมอยู่บ้านสามี ไม่มีงานทำ เพราะทำเลคนละแบบกับบ้านเรา บ้านเราอยู่ในชุมชน ใกล้7-11 อยู่ในตลาด
ส่วนบ้านสามี อยู่ห่างจากตลาดประมาณ2กม. เคยคิดจะขายอะไรหน้าบ้าน แต่ไม่มีคนซื้อค่ะ
ปัญหาที่จะปรึกษาคือ เราคิดจะอยู่บ้านเรา
1. เรามีรายได้
2. เราได้ช่วงแบ่งเบาภาระน้อง ในการดูแลพ่อ(ติดเตียง)
3. เราสบายใจกว่าอยู่บ้านสามี
แต่ข้อเสียคือ
1.เราต้องแยกกันอยู่กับสามี ลูกไม่ได้อยู่กับพ่อ เสี่ยงครอบครัวแตกแยกมากๆ
2.สามีมาอยู่บ้านเราไม่ได้ เพราะต้องทำงานที่บ้านเขา พ่อแม่เขาแก่มากแล้ว ตอนนี้เขาเป็นเรี่ยวแรงหลักในร้าน แค่มานอนบ้านเรา อย่างมากได้แค่คืนเดียว ส่วนใหญ่ไปกลับ เพราะต้องกลับไปทำงาน
+เราไม่อยากเป็นคนกลางด้วย ถ้าสามีเราทะเลาะกับน้องเรา อยู่ห่างๆแบบเกรงใจกันดีกว่า
ปล.เพิ่มเติม ช่วงนี้ร้านเราขายของได้เรื่อยๆ เปิดทุกวันก็มีรายได้เข้ามาทุกวัน น้อยบ้างมากบ้าง แต่เราเสียดาย ไม่ค่อยอยากปิดร้าน
สามีอยากให้ปิดร้าน พาลูกไปหาปู่ย่าบ้าง(อาทิตย์ละ3-4วัน) สรุปคือจะให้เราเปิดร้านแค่เสาร์อาทิตย์
ปล.2 ตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนคลอดลูกมา (ลูก2.8ปี) ไม่มีอะไรกันกับสามีเลยค่ะ ช่วงท้องเสี่ยงแท้ง หลังคลอด ลูกเกาะติดหนึบ แต่เราก็บอกสามีนะ ว่าถ้าอยาก ให้สะกิดได้ แต่เขาไม่เคยสะกิดเลย
ตอนนี้ กำลังคิดว่า อนาคตอาจได้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว
ปล.เพิ่มเติม ตั้งแต่แต่งงานมา สามีไม่ได้ซัพพอตเรื่องเงินนะคะ ตอนไม่มีลูก เราพอมีรายได้เสริม แต่พอมีลูก เวลามีน้อยมากๆ ไม่มีเวลาทำงานเสริมเลย(ขายประกัน) ช่วงแรกๆคลอด ควักทุนเดิมตัวเอง สามีอาจมีให้บ้าง ประมาณเดือนละ4-5000 ค่ายา ค่าเพิส ฯลฯ
ก่อนจะท้อง มดลูกเรามีปัญหา ต้องผ่าตัด หมดไป50,000(รพ.รัฐ) เราก็จ่ายเองนะคะ
ขอปรึกษาเกี่ยวกับชีวิตคู่วัย40+ หน่อยค่ะ
เกริ่นก่อนนะคะ เราแต่งกับสามีมา11ปีแล้วค่ะ พึ่งมีลูกน้อย1คน ตอนนี้ใกล้จะ3ขวบแล้ว วัยกำลังจะใช้เงินเลย(ตั้งใจให้เข้ารร.ปีหน้า)
เดิมเราแต่งเข้าบ้านสามีค่ะ เพราะสามีเป็นลูกชายคนเดียว สามีมีพี่น้องแค่2คน น้องสาวแต่งออกไปอยู่กับสามี มีลูก2คน เมื่อเวลาประมาณ5ปีที่แล้ว เลิกกับสามี เอาลูกมาอยู่บ้านเดียวกับเรา
ทุกคนอยู่ร่วมกันดีไม่มีปัญหาอะไร เราเลี้ยงลูกให้น้องด้วย
ต่อมาเราตั้งท้องและคลอด เราก็ไปๆมาๆระหว่างบ้านเรากับบ้านสามี เพราะลูกเราเป็นหลานคนแรกและคนเดียวของฝั่งบ้านเรา +กับพ่อเราป่วยเป็นสมองเสื่อม เริ่มติดเตียงตอนเราท้องได้6-7เดือน
และแม่เราก็เริ่มป่วย ต้องผ่าตัดตอนลูกเราอายุได้สัก5-6เดือน
และแม่เราพึ่งเสียไปเมื่อปีที่แล้วค่ะ
ช่วงที่แม่เราป่วย เข้าๆออกๆรพ. เรามาอยู่บ้านเราเลย เอาลูกมาเลี้ยงไปด้วย ดูแลพ่อแม่ไปด้วย ที่บ้านสามีก็เข้าใจ ว่าช่วงนี้เราต้องดูแลพ่อแม่เรา
จนแม่เราเสีย เราเริ่มมีปัญหากับบ้านสามีค่ะ เรื่องเงินๆทองๆของแม่เรา แม่เราไม่ได้ทำพินัยกรรมเอาไว้ เรามีพี่น้องรวมเราด้วยทั้งหมด3คน เราเป็นพี่คนโต เราก็เข้าไปจัดการทรัพย์มรดก น้องเรา2คน ไม่มีครอบครัวค่ะ ยังโสด
เราจัดการแบ่งอสังหาฯเป็นชื่อ3คนพี่น้อง แม่สามีเราไม่พอใจ เพราะมีบ้านหลังนึงที่แม่เราเคยบอกว่า จะยกให้เรา เขาบอกบ้านหลังนี้ ต้องเป็นชื่อเราคนเดียว แค่เราก็ตัดสินใจใส่ชื่อ3คนค่ะ คือมีโฉนดกี่ใบ ก็ใส่ชื่อ3คนหมดเลย
ส่วนที่เป็นเงินสด ก็หาร3 ส่วนต่างนิดๆหน่อยๆ ให้น้องชายคนเล็กไว้ทำทุน
ซึ่งบอกตามตรง พี่น้องกัน เข้าใจกัน ไม่ทะเลาะกันเรื่องนี้เลย น้องก็แล้วแต่พี่จะให้ ส่วนเราเป็นพี่ ก็คิดว่า เราเป็นพี่ ให้น้องมากกว่านิดๆหน่อยๆ ก็ไม่เห็นเป็นไร
สามีเราเอาคำแม่เขา มาพูดให้เราฟัง เราจึ๊ดหัวร้อนเลยค่ะ ว่าทำไมเขาจะต้องมายุ่งอะไรกับเงินทองบ้านเรา มาถามหาทองสินสอด+ทองรับไหว้ ตอนเราแต่ง อยู่ไหน
ซึ่งเราก็พูดเย็นๆชาๆ ไปกับสามีล่ะว่า บ้านเขาไม่ควรจะมายุ่งเรื่องนี้
จากที่เคยอยู่กันดีๆ ไม่มีปัญหา มันก็เป็นแผลกินใจเรา เราเริ่มรู้สึกไม่ค่อยโอเคกับบ้านสามี (อันนี้เฉพาะแม่สามีกับสามีเรานะ พ่อกับน้องไม่เกี่ยว)
แล้วเราเริ่มรู้สึกว่า อยู่บ้านเรามันสบายกว่า เราเลี้ยงลูกได้ง่ายกว่า ไม่มีคนมาแทรกแซงเวลาเราสั่งสอนลูก และจากเดิมเราอยู่บ้านสามี เราไม่มีรายได้อะไร นอกเหนือจากงานนิดหน่อยๆของเรา ที่แค่พอค่าใช้จ่ายส่วนตัวของเรา
เรามาอยู่บ้านเรา บ้านเราทำเลดีกว่า ตอนนี้เราเปิดร้านขายของ มีรายได้เข้ามาพอประมาณ พอที่จะเอามาใช้จ่าย+เก็บเป็นค่าเรียนของลูกได้
เราจึงคุยกับสามีว่า เราจะอยู่ที่นี้ ให้ลูกเรียนที่นี้ เพราะอยู่ที่นี้ เรามีรายได้
ถ้าเรากับลูกไปอยู่บ้านสามี เราจะไม่มีรายได้ ถึงค่าเทอมจะถูกกว่า แต่เงินเพิ่มมันไม่มี
สู้อยู่บ้านเราไม่ได้ จ่ายค่าเทอมปีละ30,000 แต่ก็ยังมีเงินพอเหลือเก็บ
สามีเราทำงานกงสีที่บ้านเขาค่ะ ค่าใช้จ่ายทุกอย่าง ต้องขอแม่เขา บางทีบางช่วงรายได้น้อยลง ค่าใช้จ่ายเยอะเท่าเดิม เพราะมีคนมาอยู่เพิ่ม แม่สามีก็จะบ่นเสียงดังๆ ให้คนที่ไม่มีงานทำอย่างเราเจ็บจึ๊ดๆบ้าง
ถามว่า ทำไมอยู่บ้านสามี ไม่มีงานทำ เพราะทำเลคนละแบบกับบ้านเรา บ้านเราอยู่ในชุมชน ใกล้7-11 อยู่ในตลาด
ส่วนบ้านสามี อยู่ห่างจากตลาดประมาณ2กม. เคยคิดจะขายอะไรหน้าบ้าน แต่ไม่มีคนซื้อค่ะ
ปัญหาที่จะปรึกษาคือ เราคิดจะอยู่บ้านเรา
1. เรามีรายได้
2. เราได้ช่วงแบ่งเบาภาระน้อง ในการดูแลพ่อ(ติดเตียง)
3. เราสบายใจกว่าอยู่บ้านสามี
แต่ข้อเสียคือ
1.เราต้องแยกกันอยู่กับสามี ลูกไม่ได้อยู่กับพ่อ เสี่ยงครอบครัวแตกแยกมากๆ
2.สามีมาอยู่บ้านเราไม่ได้ เพราะต้องทำงานที่บ้านเขา พ่อแม่เขาแก่มากแล้ว ตอนนี้เขาเป็นเรี่ยวแรงหลักในร้าน แค่มานอนบ้านเรา อย่างมากได้แค่คืนเดียว ส่วนใหญ่ไปกลับ เพราะต้องกลับไปทำงาน
+เราไม่อยากเป็นคนกลางด้วย ถ้าสามีเราทะเลาะกับน้องเรา อยู่ห่างๆแบบเกรงใจกันดีกว่า
ปล.เพิ่มเติม ช่วงนี้ร้านเราขายของได้เรื่อยๆ เปิดทุกวันก็มีรายได้เข้ามาทุกวัน น้อยบ้างมากบ้าง แต่เราเสียดาย ไม่ค่อยอยากปิดร้าน
สามีอยากให้ปิดร้าน พาลูกไปหาปู่ย่าบ้าง(อาทิตย์ละ3-4วัน) สรุปคือจะให้เราเปิดร้านแค่เสาร์อาทิตย์
ปล.2 ตั้งแต่ตั้งครรภ์ จนคลอดลูกมา (ลูก2.8ปี) ไม่มีอะไรกันกับสามีเลยค่ะ ช่วงท้องเสี่ยงแท้ง หลังคลอด ลูกเกาะติดหนึบ แต่เราก็บอกสามีนะ ว่าถ้าอยาก ให้สะกิดได้ แต่เขาไม่เคยสะกิดเลย
ตอนนี้ กำลังคิดว่า อนาคตอาจได้เป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว
ปล.เพิ่มเติม ตั้งแต่แต่งงานมา สามีไม่ได้ซัพพอตเรื่องเงินนะคะ ตอนไม่มีลูก เราพอมีรายได้เสริม แต่พอมีลูก เวลามีน้อยมากๆ ไม่มีเวลาทำงานเสริมเลย(ขายประกัน) ช่วงแรกๆคลอด ควักทุนเดิมตัวเอง สามีอาจมีให้บ้าง ประมาณเดือนละ4-5000 ค่ายา ค่าเพิส ฯลฯ
ก่อนจะท้อง มดลูกเรามีปัญหา ต้องผ่าตัด หมดไป50,000(รพ.รัฐ) เราก็จ่ายเองนะคะ