หลานผมอยู่ ป.3 ครับผม เป็นคนไม่ได้เรียนเก่งอะไร ออกจะมีปัญหาการเรียนนิดๆ ด้วยซ้ำไป ด้วยความที่เราเป็นอา (หลานคือลูกของพี่ชายคนโต) เราก็เป็นห่วงอะเน๊าะ ว่าโตขึ้นเขาจะเอาตัวรอดในสังคมได้ไหม แต่วันนี้กลับรู้สึกว่า...หลานเรามันก็เป็นมวยเหมือนกันนี่หว่า
คือพาหลานไปดูหน้างานมาเมื่อสัปดาห์ก่อนน่ะครับ ปกติไม่เคยพาเขาไปหรอก งานช่างก็อย่างว่ามันไม่เหมาะจะเป็นสนามเด็กเล่นของเด็กเล็กๆ วันนั้นเป็นงานตกแต่งห้องนอนลูกค้ามั้ง คือ...มันจะมีการทำเฟอร์นิเจอร์บิวด์อินภายในห้องน่ะ เราก็คุยกับลูกค้าสั่งงานช่างอะไรไปตามปกติ ไม่ได้สังเกตว่าหลานเราสนใจงานไม้
พอกลับมาบ้านหลานบอกอยากทำชั้นวางของ เขาพูดแบบนี้เลยนะ ว่าอยากทำชั้นวางของ เราก็เอ...เขาพูดเล่นหรือเปล่าวะ ก็เลยถามต่อว่าเขาอยากทำชั้นแบบไหน เขาก็บอกอยากทำเป็นไม้ เราก็นึกได้เลยว่า...อ๋อ เขาคงเห็นช่างทำงานไม้ที่หน้างานแน่เลย ก็เลยว่า...ลองดูจะเป็นอะไรไป ก็เลยบอกหลานว่าเอาไว้วันพรุ่งนี้ เดี๋ยวอาให้คนงานเอาไม้มาให้ เชื่อไหมว่าเขาทำให้ผมแปลกใจเป็นครั้งที่สอง เขาถามผมว่า เอาเก้าอี้ในห้องเก็บของมาทำได้ไหม ผมก็นึกตามนะ ว่ามันเก้าอี้อะไรวะ เขาก็บอกผมอีกว่าเก้าอี้สะพานๆ ผมก็เลยนึกได้ ว่าพ่อของผมเคยเอาเปลระนาดไม้ไปเก็บไว้ในห้องเก็บของ เพราะว่าที่เท้าแขนมันหัก เออนะ...ผมก็เลยว่ามันไม่ได้ใช้อยู่แล้ว หลานจะเอามาเล่นอะไรของเขาก็ไม่เห็นเป็นอะไร ก็เลยอนุญาตให้เขาเอามาทำ คิดว่าทำวันสองวันก็คงเบื่อ
ก็เลยใช้เวลาว่างพาเขาทำ ตั้งแต่ออกแบบ เลือกชิ้นส่วนจะเอาอะไรมาใส่ตรงไหน ขัดไม้ ตัดไม้ให้ได้ขนาด เครื่องมือก็เอาเฉพาะที่มีติดบ้าน เลื่อยวงเดือน สว่านตัวเล็ก ซีแคลมป์ พยายามเลือกวิธีทำที่ง่ายที่สุดให้เขาทำ
ปรากฏว่าทำจนเกือบเสร็จแล้วครับ เหลือแค่ขัดเก็บรายละเอียด ลงชแล็คกับเคลือบยูรีเทรนก็จบแล้ว นี่ไอเดียของเด็ก ป.3 นะครับผม ชั้นวางของทำมาจากเปลระนาดที่ชำรุด
คนรุ่นใหม่น่ะ ผมว่ามันมีอะไรให้ทำเยอะ ใช้เวลาว่างทำอะไรที่มันเป็นประโยชน์ดีกว่าครับ อย่าไปอะไรกับการเมืองมาก จะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่เป็น สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเอง ลองฝึกงานช่างหรืองานฝีมืออะไรสักอย่างไว้เป็นอาวุธติดตัว เวลาตกงานหรือยังหางานไม่ได้ สิ่งเหล่านี้แหละมันจะทำให้คุณมีชีวิตรอด ถ้ามีเวลาเหลือค่อยไปวุ่นวายกับมัน ไอ้พวกนักการเมืองเฮง...พวกนั้นน่ะ
พาหลาน ป.3 ไปดูหน้างานมา : ดาวดำผู้สนับสนุนให้หลานมีวิชาชีพติดตัว
คือพาหลานไปดูหน้างานมาเมื่อสัปดาห์ก่อนน่ะครับ ปกติไม่เคยพาเขาไปหรอก งานช่างก็อย่างว่ามันไม่เหมาะจะเป็นสนามเด็กเล่นของเด็กเล็กๆ วันนั้นเป็นงานตกแต่งห้องนอนลูกค้ามั้ง คือ...มันจะมีการทำเฟอร์นิเจอร์บิวด์อินภายในห้องน่ะ เราก็คุยกับลูกค้าสั่งงานช่างอะไรไปตามปกติ ไม่ได้สังเกตว่าหลานเราสนใจงานไม้
พอกลับมาบ้านหลานบอกอยากทำชั้นวางของ เขาพูดแบบนี้เลยนะ ว่าอยากทำชั้นวางของ เราก็เอ...เขาพูดเล่นหรือเปล่าวะ ก็เลยถามต่อว่าเขาอยากทำชั้นแบบไหน เขาก็บอกอยากทำเป็นไม้ เราก็นึกได้เลยว่า...อ๋อ เขาคงเห็นช่างทำงานไม้ที่หน้างานแน่เลย ก็เลยว่า...ลองดูจะเป็นอะไรไป ก็เลยบอกหลานว่าเอาไว้วันพรุ่งนี้ เดี๋ยวอาให้คนงานเอาไม้มาให้ เชื่อไหมว่าเขาทำให้ผมแปลกใจเป็นครั้งที่สอง เขาถามผมว่า เอาเก้าอี้ในห้องเก็บของมาทำได้ไหม ผมก็นึกตามนะ ว่ามันเก้าอี้อะไรวะ เขาก็บอกผมอีกว่าเก้าอี้สะพานๆ ผมก็เลยนึกได้ ว่าพ่อของผมเคยเอาเปลระนาดไม้ไปเก็บไว้ในห้องเก็บของ เพราะว่าที่เท้าแขนมันหัก เออนะ...ผมก็เลยว่ามันไม่ได้ใช้อยู่แล้ว หลานจะเอามาเล่นอะไรของเขาก็ไม่เห็นเป็นอะไร ก็เลยอนุญาตให้เขาเอามาทำ คิดว่าทำวันสองวันก็คงเบื่อ
ก็เลยใช้เวลาว่างพาเขาทำ ตั้งแต่ออกแบบ เลือกชิ้นส่วนจะเอาอะไรมาใส่ตรงไหน ขัดไม้ ตัดไม้ให้ได้ขนาด เครื่องมือก็เอาเฉพาะที่มีติดบ้าน เลื่อยวงเดือน สว่านตัวเล็ก ซีแคลมป์ พยายามเลือกวิธีทำที่ง่ายที่สุดให้เขาทำ
ปรากฏว่าทำจนเกือบเสร็จแล้วครับ เหลือแค่ขัดเก็บรายละเอียด ลงชแล็คกับเคลือบยูรีเทรนก็จบแล้ว นี่ไอเดียของเด็ก ป.3 นะครับผม ชั้นวางของทำมาจากเปลระนาดที่ชำรุด
คนรุ่นใหม่น่ะ ผมว่ามันมีอะไรให้ทำเยอะ ใช้เวลาว่างทำอะไรที่มันเป็นประโยชน์ดีกว่าครับ อย่าไปอะไรกับการเมืองมาก จะเป็นประชาธิปไตยหรือไม่เป็น สิ่งแรกที่คุณต้องทำคือหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตัวเอง ลองฝึกงานช่างหรืองานฝีมืออะไรสักอย่างไว้เป็นอาวุธติดตัว เวลาตกงานหรือยังหางานไม่ได้ สิ่งเหล่านี้แหละมันจะทำให้คุณมีชีวิตรอด ถ้ามีเวลาเหลือค่อยไปวุ่นวายกับมัน ไอ้พวกนักการเมืองเฮง...พวกนั้นน่ะ