สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 12
การ bully เป็นเรื่องร้ายแรงที่สังคมไทยไม่ค่อยสนใจเพราะส่วนใหญ่ที่เห็นมักจะได้ยินเรื่องนี้ในช่วงของเด็กหรือวัยรุ่น ส่วนคนเป็นผู้ใหญ่มักไม่ค่อยออกมาพูดเพราะอาจถูกมองว่าเป็นเด็กขี้ฟ้องไม่รู้จักโต เผลอๆ กลายเป็นชักศึกเข้าบ้านเพราะส่วนใหญ่คนที่ Bully มักมีอำนาจเหนือกว่า หรืออยู่ในตำแหน่งที่ดีกว่า
ในเคสนี้ก็เหมือนกัน ถ้าจะเปรียบง่ายๆ ก็เหมือนพวกพี่ว้ากที่ชอบข่มรุ่นน้อง หาเรื่องด่ารุ่นน้องได้ตลอดทั้งที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล เพียงแค่เห็นว่าเหยื่อถูกข่มถูกรังแกได้ง่ายไม่กล้าตอบโต้ เลยกลายเป็นพฤติกรรมที่เคยชิน ในขณะที่ฝ่ายถูกกระทำนอกจากโดนสังคมแบบอาวุโสกดทับแล้ว ยังมีภาระทางบ้านที่ตัวเองเป็นคนหารายได้จึงต้องอยู่ในสภาวะจำยอม การที่พยายามแจ้งให้ทางบริษัทแต่กลับถูกปัดตกไปย่อมหมายความว่าบริษัทเองก็ไม่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้ จนกระทั่งมันบานปลายกลายเป็นอาการป่วยทางจิตใจจนถึงการพยายามทำร้ายตัวเองนั้นนับว่าเป็นเรื่องสาหัสมาก หรือไม่ก็พยายามซุกเรื่องเงียบแล้วแต่ท้ายที่สุด พอฝ่ายเหยื่อหมดสัญญาไปไม่มีข้อผูกมัดแล้วจึงได้เปิดเผยเรื่องทั้งหมดออกมา
สำหรับกรณีจีมินและมินอา ถ้าหากอ่านเผินๆอาจเข้าใจว่าเรื่องจบลงด้วยดี แต่เท่าที่อ่านจากเว็บแปลภาษาอังกฤษแล้วน่าจะเข้าใจว่าเรื่องมันไม่น่าจบง่ายๆ เพราะจากจดหมายฉบับที่สองที่มินอากล่าวว่าจีมินเข้าหามาพร้อมสมาชิกในวงด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว คล้ายหาเรื่อง พอยิ่งทะเลาะกันกลับพูดประชดว่าจะเอามีดมาแทงให้ตายเลยไหมจะได้จบ นั่นคือกลไกการปกป้องตัวเองของผู้กระทำที่พยายามทำให้ผู้ถูกกระทำเชื่อว่าการออกมาพูดนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนต้องลำบาก แถมยังบอกว่าสิ่งที่เคยทำไปนั้นจริงหรือไม่เพราะผู้กระทำจำไม่ได้ ซึ่งแม้จะมีการขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้นคงดูไม่จริงใจพอแต่ฝ่ายถูกกระทำก็ยังพร้อมจะปล่อยวางให้ได้ แต่เมื่อฝ่ายกระทำเขียนจดหมายโดยให้เหตุผลของพฤติกรรมของตนที่อาจไม่ตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นหรืออย่างไรก็ตาม ก็เหมือนเป็น Trigger ที่ทำให้ฝ่ายถูกกระทำนั้นตอบโต้หนักไปอีกเพราะคิดว่าผู้ถูกกระทำไม่ควรขอความเห็นใจ ในขณะที่ตนเป็นทุกข์มานับสิบปี
เรื่องนี้จะไม่บานปลายหากทางต้นสังกัดใส่ใจในปัญหาและดูแลศิลปินในสังกัดให้ดีกว่านี้
ในเคสนี้ก็เหมือนกัน ถ้าจะเปรียบง่ายๆ ก็เหมือนพวกพี่ว้ากที่ชอบข่มรุ่นน้อง หาเรื่องด่ารุ่นน้องได้ตลอดทั้งที่ไม่เป็นเหตุเป็นผล เพียงแค่เห็นว่าเหยื่อถูกข่มถูกรังแกได้ง่ายไม่กล้าตอบโต้ เลยกลายเป็นพฤติกรรมที่เคยชิน ในขณะที่ฝ่ายถูกกระทำนอกจากโดนสังคมแบบอาวุโสกดทับแล้ว ยังมีภาระทางบ้านที่ตัวเองเป็นคนหารายได้จึงต้องอยู่ในสภาวะจำยอม การที่พยายามแจ้งให้ทางบริษัทแต่กลับถูกปัดตกไปย่อมหมายความว่าบริษัทเองก็ไม่เห็นความสำคัญของเรื่องนี้ จนกระทั่งมันบานปลายกลายเป็นอาการป่วยทางจิตใจจนถึงการพยายามทำร้ายตัวเองนั้นนับว่าเป็นเรื่องสาหัสมาก หรือไม่ก็พยายามซุกเรื่องเงียบแล้วแต่ท้ายที่สุด พอฝ่ายเหยื่อหมดสัญญาไปไม่มีข้อผูกมัดแล้วจึงได้เปิดเผยเรื่องทั้งหมดออกมา
สำหรับกรณีจีมินและมินอา ถ้าหากอ่านเผินๆอาจเข้าใจว่าเรื่องจบลงด้วยดี แต่เท่าที่อ่านจากเว็บแปลภาษาอังกฤษแล้วน่าจะเข้าใจว่าเรื่องมันไม่น่าจบง่ายๆ เพราะจากจดหมายฉบับที่สองที่มินอากล่าวว่าจีมินเข้าหามาพร้อมสมาชิกในวงด้วยท่าทีที่แข็งกร้าว คล้ายหาเรื่อง พอยิ่งทะเลาะกันกลับพูดประชดว่าจะเอามีดมาแทงให้ตายเลยไหมจะได้จบ นั่นคือกลไกการปกป้องตัวเองของผู้กระทำที่พยายามทำให้ผู้ถูกกระทำเชื่อว่าการออกมาพูดนั้นเป็นเรื่องที่ทำให้ทุกคนต้องลำบาก แถมยังบอกว่าสิ่งที่เคยทำไปนั้นจริงหรือไม่เพราะผู้กระทำจำไม่ได้ ซึ่งแม้จะมีการขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้นคงดูไม่จริงใจพอแต่ฝ่ายถูกกระทำก็ยังพร้อมจะปล่อยวางให้ได้ แต่เมื่อฝ่ายกระทำเขียนจดหมายโดยให้เหตุผลของพฤติกรรมของตนที่อาจไม่ตรงกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้นหรืออย่างไรก็ตาม ก็เหมือนเป็น Trigger ที่ทำให้ฝ่ายถูกกระทำนั้นตอบโต้หนักไปอีกเพราะคิดว่าผู้ถูกกระทำไม่ควรขอความเห็นใจ ในขณะที่ตนเป็นทุกข์มานับสิบปี
เรื่องนี้จะไม่บานปลายหากทางต้นสังกัดใส่ใจในปัญหาและดูแลศิลปินในสังกัดให้ดีกว่านี้
ความคิดเห็นที่ 6
รู้แต่ว่าจากข่าวนี้คนไทยก็ยังไม่เข้าใจเรื่องโรคซึมเศร้า. หลายคนบอกว่ามินอาทนทำไมมาสิบปี ทำไมไมเพิ่งออกมาตอนนี้ หลายคนบอกมินอาบ้า คำพูดคนเสียสติหวังจะทำลายวง ส่งคนไปประกบสิ หยุดได้แล้ว มินอาเปราะบางเกินเอง และอีกมากมาย น่าเศร้าใจมาก เพราะนี่นึกเองว่าคนจะมีความรู้มากพอแล้วจากกรณีที่ผ่านๆมา. หรือพอเป็นวงที่ตัวเองตามเลยปิดหูปิดตา
แสดงความคิดเห็น
ทุกคนคิดว่ายังไงเกี่ยวกับข่าวของ มินอา และ จีมิน
ถ้ามีบางคำที่ไม่เหมาะสมก็ต้องขอโทษ