เพราะคำว่า "พรุ่งนี้ค่อย" มันจึงทำให้เกิดคำถามที่ว่าแค่เหงา หรือ เราอินไปมากจนเกินไป?

ต้องบอกก่อนว่าพื้นฐานเป็นคนที่ขี้เหงา (แค่เหงานะ ไม่ใช่ เ*ี่ยน) ต้องมีเพื่อนหรือคนอยู่ด้วยหรือบางทีอยู่ก้อยังเหงา ต้องหากิจกรรมทำตลอดเวลาไม่ให้ตัวเองเบื่อ แต่ต้องเป็นสิ่งที่ตัวเองอยากทำนะ เพี้ยนขำหนักมาก ก้อเรื่องเยอะแหละ 5555 มีแฟนแล้วและก้อคบกันมาได้นานพอสมควรประมาณ 6 ปีกว่าล่ะ เค้าเป็นคนดี อยู่เคียงข้างเราเวลาเดือดร้อนหรือไม่มีใครช่วยเหลือและที่สำคัญไม่เคยนอกใจเราเลย

ระหว่างทางที่คบกับแฟนคนนี้ เนื่องด้วยเราทำงานกันคนละสายงานกันและแฟนนั้นมีประสบการณ์ชีวิตน้อยกว่าเรา ดังนั้นเวลาเจอปัญหาการทำงานหรือจะปรึกษาเรื่องต่างๆทัศนคติของแฟนเค้าจะยังไม่ตรงใจเราหรือยังไม่สามารถทำให้เราเห็นมุมมองใหม่ๆที่ทำให้เราว้าวววหรือแบบเป็นคำที่ฉุดเราออกมาจากเรื่องที่นอยๆอยู่ได้เลยทำให้ไม่สามารถปรึกษาเรื่องงานกันได้เลย แบบว่าคุยเรื่องงานลงรายละเอียดกันน้อยมาก เนี้ยแหละเลยทำให้จุดเริ่มต้นของช่องว่างของเราก้อเกิดขึ้น

เราได้เจอกับผู้ทอมคนนึงซึ่งนางทำงานร่วมกับเรา แน่นอนนางเข้าใจงานเราอย่างแน่แท้แต่นางยังอยู่เป็นระดับพนักงานปฏิบัติการ นางจะยังมีมุมมองของผู้ทำงานที่ไม่ใช่เชิงบริหาร แต่ในตอนนั้นด้วยวัย คนที่เข้าใจเราและคุยกับเราได้ก้อคงมีนางนี่แหละ ก้อทำงานด้วยกันทุกวัน เจอกันทุกวัน เลิกงานมาเครียดก้อชวนกันกินข้าวกินเบียร์ตามประสา เกิดความสัมพันธ์กันจ้าา เริ่มตกลงที่จะคุยกันแต่!!! เราทั้งคู่มีแฟนอยู่แล้วทั้ง 2 คนนะ แน่นอนว่าการคุยของเราก้อเปนแบบซ่อนๆแอบๆแหละ ที่ทำงานก้อรู้ไม่ได้เพราะมีผลกับการทำงาน เราก้อแอบกินกันไปเกือบปี เราตัดสินใจออกจากที่ทำงานที่นี่ไม่เริ่มต้นที่ทำงานใหม่ ที่นี่ก้อเกิดความห่างขึ้นงานที่ใหม่ก้อคงจะปรึกษานางไม่ได้เพราะนางไม่มีความรู้เกี่ยวกับงานที่เราทำมากพอ อ่ะแฟนก้อปรึกไม่ได้ ทำไงล่ะทีนี่ ก้อทำงานได้สักพักนึงไม่ถึงเดือน อ่ออ ลืมเล่าให้ฟังว่าระหว่างที่ทำงานเก่านั้นดันมีน้องฝึกงานมาให้ดูแลจ้า ผู้ทอมอีกเช่นกัน แอบมองในตรรกะของนางบ้าง แต่ก้อไม่ได้อะไรนะ แต่จุดเริ่มต้นของความเผลออินครั้งนี้ก้อเกิดขึ้น เมื่อนางไลน์มาชวนดูหนังจ้าาาา หลังจากที่เราไม่ได้คุยกันหรือเจอกันเลย ทางเรานั้นก้อนอยงานไม่มีคนปรึกไรด้วย ไม่มีคนรับฟัง เหงาๆอยู่เลยตอบตกลงไปจ้า และตอนแรกก้อไม่ได้คิดอะไร หลังจากนั้นการคุยของเราก้อเริ่มพัฒนาขึ้น เริ่มคุยกันทุกวัน เริ่มมีการไปหากัน เกิดความรู้สึก อินกับการถูกเอาใจใส่ เกิดความสัมพันธ์กันเกิดขึ้นและครั้งนี้มันทำให้เราลงใจ ชอบความกินกันของเรา รู้สึกถูกจริตกับสิ่งนี้ เอ๊ะแต่!!!! เราก้อยังคบแฟนเรานะและมันก้อยิ่งมีช่องว่างเพิ่มขึ้นระหว่างแฟนเพิ่มอีกจ้าาา

แล้วทำไมทำแบบนี้แล้วยังไม่เลิกกะแฟน อย่าว่านั้นนี่เลย เพราะเรานั้นรักตัวเองมากกว่าอะไรนะสิ แฟนเราทำให้เรามั่นใจได้ว่าเค้าจะไม่ทิ้งเราไปไหน หรือทำให้เราแหว่ว้า เค้าเปนคนดี ไม่เจ้าชู้ พยายามปรับตัวเข้ากับเราและที่สำคัญเค้าทนกับความเยอะสิ่งของเราได้

มาต่อกับความสับสนของเรากันต่อ พอโควิดปุ้บ สถานการณ์ทุกอย่างแย่ไปหมด เราไปหาน้องเค้าไม่ได้ ทุกคนรอบข้างได้รับผลกระทบเรื่องเงินกันหมดยกเว้นเรา น้องเริ่มไม่มีเวลาให้เพราะต้องทำงานช่วยสถานการณ์ที่บ้าน ส่วนแฟนเราหรอนอนหยุดยาวไปเลยจ้าาเพราะถูกลดค่าจ้างและได้วันหยุดเพิ่มหน่ะสิ ส่วนเราทำงานที่บ้านยาวๆไป ความห่างของทุกสิ่งเริ่มเกิดขึ้น

ความห่างกันนี้แต่ยังมีความคิดถึง มันทำให้เบื่อ นอยเพิ่มไปอีก ด้วยความที่ทุกอย่างมันแย่ มันทำให้เราถูกสิ่งต่างๆกลบไปจากน้อง เราเริ่มมีความห่างหายไปจากแชทจากที่มอนิ่ง กุ้ดไนท์กันตลอด แล้วการเจอกันหรอยิ่งไม่มีเพราะน้องยุ่งมากและคงเหนื่อย ทำให้เราคล้ายหลุดไปจากวงจรของน้องเค้าไปเลยจ้าาา

ประเด็นคือความทุกข์ของเราหน่ะสิ ยังคงอยู่เมื่อเรายังเอาความรู้สึกของเราไปผูกไว้กับน้องเขา และมันทำให้สิ่งที่เราควรโฟกัสนั้นไม่โฟกัสเฉย เริ่มสับสนทางเพศตัวเองมากขึ้นจากที่ก้อชอบๆผู้หญิงเปนทุนเดิมอยุ่แล้ว อยากไปเที่ยว อยากหากิจกรรมทำแต่เพื่อนก้อได้รับผลกระทบกับโควิดกันหมดชวนไปไหนก้อยากสะเหลือเกิน ทำยังไงดีเพราะพยายามที่จะกลับมาโฟกัสแฟนตัวเองแล้วแต่มันก้อทำไม่ได้เพราะช่องว่างที่เกิดขึ้นมันมีจริงและเราก้อไม่รู้จะต้องทำอย่างไร พาพันง่วง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่