เกือบโดนขังที่ ' ปุตราจายา ' มาเลเซีย

กระทู้สนทนา

บันทึกการเดินทางประจำวันที่ 24 - 05 -2018

         ตามแผนวันนี้เราต้องเดินทางไปที่เมืองปุตราจายา ซึ่งห่างจากตัวเมืองกัวลาลัมเปอร์ออกไปประมาณ 40 กม. ถ้านั่งรถไฟไปก็ใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมง

การเดินทางไปมัสยิดสีชมพู
1.นั่งรถไฟสาย KLIA TRANSITจากKl Sentral ไปลงที่สถานี Putrajaya Sentral 
2.ต่อรถเมล์สาย PPJ 170 Putrajaya Sentral  ไปลงที่ป้าย PPJ 48 Masjid putrajaya
          ทุกอย่างดูเหมือนจะราบรื่น จนกระทั่งลงรถเมล์ผิดป้าย ใช่ผิดป้าย เห็นคนลงตรงไหนเยอะๆ ก็ลงตามเค้าไป สรุปยังไม่ถึง ที่คนลงเยอะๆเป็นเพราะว่าตอนนั้นเค้ามีเทศกาลอาหารพอดี อะไหนๆก็ลงผิดป้ายแล้ว ลองแวะไปดูหน่อยแล้วกัน
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
อาหารหลากหลาย น่ากินทุกอย่างเลย เดินไปกินไปเป็นชั่วโมง
พอกินอิ่มแล้วก็เดินเล่นชิวๆ ถ่ายรูปไปเรื่อยๆ เกือบ30นาทีก็ถึงมัสยิดสีชมพู

วิวระหว่างทางเดินไปมัสยิดสีชมพู

                มัสยิดปุตรา (Putra Mosque) หรือมัสยิดสีชมพูเป็นสัญลักษณ์สำคัญแห่งหนึ่งของเมืองปุตราจายา ตั้งอยู่ริมทะเลสาบปุตราจายา ตัวอาคารและยอดโดมมีสีชมพูอ่อน มีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์
               ที่นี่เค้าจะเปิดเป็นรอบๆนะ เรามัวแต่เดินชิวไปหน่อย เกือบไปไม่ทันเข้ารอบสุดท้าย ก่อนเข้าไปต้องฝากของให้เรียบร้อย ถ้าใครใส่กางเกงขาสั้น เค้าจะมีผ้าคลุมมาให้ใส่
                  ที่มัสยิดเค้าไม่ได้อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเดินดูตามอำเภอใจ เค้าจะจัดพื้นที่ให้ถ่ายรูปแค่ตรงบริเวณด้านหน้าเท่านั้น จะได้ไม่เป็นการรบกวนคนที่มาประกอบพิธีทางศาสนา
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
            ของจริงสวยมากๆ เราก็ถ่ายรูปจนเพลิน ตรงไหนเดินไปได้ ก็เดินไปเก็บภาพให้ได้มากที่สุด มาทั้งทีต้องเอาให้คุ้ม5555 จนได้ยินเสียงคนกำลังเลื่อนประตู ว้อทททท อย่าพึ่งแม่ ปิดประตูไล่เลยหรอ เข้ามายังไม่ถึง20นาทีเลย  สงสัยเป็นเพราะเดินเล่นที่เทศกาลอาหารนานไปหน่อย 
หลังจากที่โดนขับไล่ไสส่งออกจากมัสยิด เราก็ต้องไปรอรถเมล์เพื่อกลับไปที่สถานีรถไฟ
15 นาทีผ่านไป
30 นาทีผ่านไป
45 นาทีผ่านไป
1 ชั่วโมงผ่านไป……..เอ้อไม่ตลกแล้วนะ ตอนนี้5โมงกว่าแล้ว ถ้าไม่มีทำไงนิ นอนที่นี่ไม่ได้นะ เพราะวันนี้ตอนสามทุ่มต้องไปเมืองมะละกาต่อ
              แล้วเมืองปุตราจายาแปลกอย่างหนึ่ง พอถึงช่วงเย็นๆค่ำๆปุ๊ป เงียบกริบ แบบกริบเลย รถที่ขับผ่านมีนับคันได้ ผ่านไปเกือบชั่วโมงครึ่ง ก็มีรถเมล์คันนึงขับมาทางเรา บอกเลย โคตรดีใจ จะได้กลับแล้ว ไอเราก็ไปยืนรออยู่ตรงป้ายซะดิบดี 
มาแล้ว 
มาแล้ว 
ได้กลับแล้ว 
มาแล้ว 
ฟิ้ววววววววววววววววว 
อะเดะ อะเดี๋ยววววว รถเมล์ขับผ่านหน้าไปเลย นี่กูเป็นใคร กูตายเป็นวิญญาณแล้วหรอ ทำไมเค้าไม่เห็นกูล่ะ สับสน สับสนมาก ในใจคือแบบ ' เรียบร้อยแล้วกู นอนนี่แน่นอน 'คนแถวนี้ก็ไม่มีสักคน จะขอติดรถใครไปก็ไม่ได้ เอาว่ะ ลองอีกสักตั้ง บอกกับตัวเอง 'ถ้ามีอีกคันผ่านมา ต้องห้ามพลาดแล้วนะ ' 
ผ่านไป 20 นาที มีรถเมล์อีกคันผ่านมา 
มาแล้ว 
มาแล้ว 
ฟิ้ววววววววววววว 
อะไรวะ อีกแล้วหรอเนี่ย ไม่ได้ กูจะยอมไม่ได้ วิ่งตามยิ้มงงง ยังไม่ทันนึกจบ ก็หอบพลังที่เหลืออยู่มาทิ้งไว้ที่ขา แล้ววิ่งตามรถเมล์ด้วยความเร็วเทียบเท่ากับ Usain Bolt.    ดุจฟ้าประธาน คุณพระ! รถเมล์หยุด หยุดโดยมีกูกั้นนี่แหละ โอ้โหกว่าจะหยุด เล่นเอาหอบ- ในที่สุดก็ได้กลับแล้ว ยอมรับเลยว่าตอนแรกกลัวมาก เพราะมันเป็นเมืองที่เงียบมากกกๆ ถ้ารถเมล์ไม่จอดก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน
- จบการบันทึก -
written by lanlalin the real nomad
✪ INSTA @lanlalin___ 
✪ FB @The real nomadลุยเดี่ยวเที่ยวรอโลก https://www.facebook.com/therealnomads
✪ youtube : https://www.youtube.com/channel/UCw1bGgebvFWRQW2Fxz4v1FQ
✪ my website แชร์แผนเที่ยว : https://lanlalink.wixsite.com/therealnomad
✪ EMAIL cream.abc@hotmail.com 
03-07-2020
แก้ไขข้อความเมื่อ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่