คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ถ้าดูจากขนาดตู้กับปลาที่เลี้ยงแล้ว ถือว่ามีขนาดค่อนข้างเล็ก เพราะปลาทองเป็นปลาที่กินเก่ง ถ่ายของเสียเยอะ ถ้าปลายังมีขนาดเล็กก็ยังพอเลี้ยงได้ แต่ถ้าตัวโตมาก เลี้ยงแค่สองตัวยังอาจจะไม่ไหวเลย น้ำจะเสียเร็ว ทำให้ปลาป่วยง่ายมาก ยิ่งตู้เล็กแบบนี้ระบบกรองน้ำสำหรับเลี้ยงปลาทองต้องดีหน่อย แถมต้องหมั่นเปลี่ยนน้ำบ่อยๆด้วย ซึ่งระบบกรองตู้ปลาก็มีหลายแบบ หลายขนาด และมีข้อดี ข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป
แบบที่ 1 กระปุกกรองน้ำ
กระปุกกรองน้ำจะใส่ใยกรองและหินอยู่ข้างใน เป็นกรองที่ต้องต่อกับปั้มลมออกซิเจน และแช่อยู่ในน้ำ ซึ่งก็ใช้งานได้ดีในระดับนึง
ข้อดี - ราคาถูก กินไฟน้อย เพราะใช้แค่ปั้มลมออกซิเจน แถมไม่ต้องใช้หัวทรายช่วย ก็ได้ทั้งตัวกรองและปั้มลมเพิ่มออกซิเจนทั้งสองอย่างพร้อมกัน
ข้อเสีย - กินพื้นที่ในตู้ปลา ยิ่งตู้เล็ก ก็ทำให้ลดพื้นที่ในการว่ายน้ำของปลาไปด้วย ตัวกระปุกกรองน้ำก็ยังรองรับปลาที่ถ่ายของเสียเยอะๆ อย่างปลาทองไม่ได้ดีพอ
กระปุกกรองน้ำ กับกรองฟองน้ำ มีลักษณะที่คล้ายกัน จริงๆแล้วมันแค่พอใช้ได้ ถ้า จขกท เปลี่ยนน้ำให้บ่อยๆ ร้านขายปลาส่วนใหญ่ก็จะใช้กรองฟองน้ำ หรือกระปุกกรอง เพราะดูแลรักษาง่าย ราคาถูก แต่ต้องมีปั้มออกซิเจนเป็นส่วนประกอบ
ตัวอย่างกรองกระปุก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แบบที่ 2 กรองบน
ลักษณะของกรองบน ตัวกรองจะมีลักษณะเป็นกล่อง วางอยู่ข้างบนตู้ แล้วต่อสายมายังปั้มน้ำที่ติดตั้งอยู่ภายในตู้ปลา ตัวปั้มน้ำจะดูดของเสียภายในตู้ผ่านทางท่อขึ้นไปยังกล่องที่เป็นตัวกรองด้านบน ซึ่งประกอบด้วยใยกรอง หรือวัสดุกรองชนิดอื่น และปล่อยน้ำที่ผ่านการกรองลงมายังตู้ปลา ตัวปั้มน้ำยังทำหน้าที่พ่นน้ำพร้อมฟองอากาศ เพื่อเติมออกซิเจนให้กับน้ำในตู้ด้วย
ข้อดี - ระบบกรองน้ำแบบนี้มีประสิทธิภาพในการกรองน้ำที่สูง เพราะปั้มน้ำมีแรงดูดเยอะมาก แถมยังพ่นน้ำพร้อมฟองอากาศเพื่อเติมออกซิเจนให้ปลาได้อีก เหมาะกับปลาที่มีการถ่ายของเสียเยอะๆ เช่นปลาคราฟ ปลาทอง ดูแลรักษาทำความสะอาดง่ายที่สุด
ข้อเสีย - กินไฟเยอะกว่ากรองแบบอื่น เพราะใช้ปั้มน้ำที่มีแรงดูดสูง แถมตัวปั้มยังพ่นน้ำที่แรงออกมาในตู้อีก ทำให้น้ำในตู้วนเวียนเข้าปั้มได้เร็ว แต่ปลาจะต้องว่ายน้ำจนเหนื่อย ระบบนี้มีประสิทธิภาพในการกรองสูงก็จริง แต่มันเหมาะสำหรับตู้ค่อนข้างใหญ่ เช่น 20" ขึ้นไป
ที่จริงระบบนี้จะเหมาะกับปลาทองหรือปลาคราฟมากที่สุด แต่ถ้าตู้เล็กไป ปลาจะว่ายน้ำเหนื่อย
ตัวอย่างของกรองบน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แบบที่ 3 กรองแขวน
กรองแขวนที่มีลักษณะที่ติดตั้งตัวกรองไว้ด้านข้างตู้ และดูน้ำและของเสียจากท่อที่ต่อลงมาด้านในตู้มาเข้าตัวกรอง แล้วปล่อยน้ำที่ผ่านกระบวนการกรองไหลมาตกสู่ตู้ด้านหน้า
ข้อดี - ติดตั้งง่ายประหยัดเนื้อที่ ค่อนข้างประหยัดไฟ สามารถกรองสิ่งสกปรกที่อยู่บนผิวน้ำได้ มีเสียงที่เงียบมาก ได้ยินเพียงเสียงกระทบของน้ำที่ตกลงมาในตู้ ปรับความแรงของน้ำที่อยู่ในระบบกรองได้ ดูแลรักษาค่อนข้างง่าย ราคาไม่แพงมาก
ข้อเสีย - ไม่เหมาะกับตู้ที่มีขนาดใหญ่เกิน 24" ตัวปั้มมีขนาดเล็ก ซ่อนอยู่ภายในกรอง ประสิทธิภาพในการกรองยังสู้ระบบกรองบนไม่ได้ ถึงแม้จะดูแลรักษาง่าย แต่แผ่นกรองที่ใช้ก็ต้องซื้อใช้เฉพาะรุ่น ซึ่งอาจดัดแปลงโดยใช้พวกฟองน้ำก็ได้ตัดเป็นแผ่นก็ได้
กรองแขวนเหมาะกับตู้ที่ใช้เลี้ยงปลาขนาดเล็ก หรือพวกตู้ไม้น้ำ ที่มีของเสียน้อย แต่ถ้าจะเลี้ยงปลาทอง ก็ยังพอเลี้ยงได้ โดยใช้รุ่นที่มีอัตราการหมุนเวียนของน้ำที่สูงหน่อย แต่ถ้าเลี้ยงปลาทองหลายตัว ควรจะมีปั้มลมเพิ่มออกซิเจนให้ปลาด้วย เพื่อเพิ่มอากาศและทำให้น้ำมีคุณภาพที่ดี และควรเปลี่ยนน้ำให้ปลาด้วย
ตัวอย่างของกรองแขวน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แบบที่ 4 กรองนอก
ลักษณะของกรองแบบนี้ จะมีถังกรองตั้งอยู่นอกตู้ และต่อท่อดูน้ำเข้าและน้ำออกจากถังกรองไปยังตู้ปลา
ข้อดี - ตัวถังกรองจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ สามารถใส่วัสดุกรองได้หลายชนิด เช่น ฟองน้ำ ใยกรอง หินพิมมัส เซรามิคริง ประสิทธิภาพในการกรองจึงดีมาก ประหยัดพื้นที่ใช้งานในตู้ ติดตั้งท่อที่ทำให้ระบบน้ำหมุนวนในตู้ได้ แทบไม่เสียงให้ได้ยินเลย
ข้อเสีย - ราคาแพงกว่าระบบกรองแบบอื่นมาก เสียเวลาในการติดตั้งท่อนาน ต้องหาตำแหน่งวางนอกตู้ด้วย การทำความสะอาดไส้กรองค่อนข้างยุ่งยากนิดหน่อย
ระบบกรองนอก เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพในการกรองที่ดีมาก เพราะสามารถใส่วัสดุกรอง ที่กรองได้ทั้งสิ่งสกปรก และกรองด้วยระบบชีวภาพ ขึ้นอยู่กับวัสดุกรองภายใน ถึงแม้จะมีราคาสูงแต่เป็นระบบที่น่าใช้ที่สุด ถ้านำมาใช้เป็นระบบกรองเพื่อเลี้ยงปลาทอง แนะนำให้ติดตั้งปั้มลมเพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำด้วย
ตัวอย่างของกรองนอก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อันที่จริงถ้าดูจากขนาดตู้แล้ว กรองแขวนจะเป็นตัวที่ตอบโจทย์ได้ดีในงบประมาณที่ตั้งไว้ แต่ถ้าเพิ่มเป็นกรองนอกได้ยิ่งดี แต่ทั้งสองแบบควรเพิ่มปั้มลมเพื่อเติมออกซิเจนลงในน้ำ สำหรับปลาทองสี่ตัว ถ้าระบบที่เหมาะที่สุดสำหรับปลาที่ถ่ายของเสียเยอะ ควรเป็นกรองบน เพราะมีปั้มน้ำที่มีแรงดูดมากที่สุด กรองของเสียได้ไวที่สุด แต่ตู้ขนาดนี้อาจเล็กไป เพราะตัวปั้มมันพ่นน้ำที่ค่อนข้างแรง อาจทำให้ปลาเหนื่อยได้ ต้องคอยว่ายทวนน้ำ ลองพิจารณาข้อดี ข้อเสีย และงบประมาณที่มีดูครับ
แบบที่ 1 กระปุกกรองน้ำ
กระปุกกรองน้ำจะใส่ใยกรองและหินอยู่ข้างใน เป็นกรองที่ต้องต่อกับปั้มลมออกซิเจน และแช่อยู่ในน้ำ ซึ่งก็ใช้งานได้ดีในระดับนึง
ข้อดี - ราคาถูก กินไฟน้อย เพราะใช้แค่ปั้มลมออกซิเจน แถมไม่ต้องใช้หัวทรายช่วย ก็ได้ทั้งตัวกรองและปั้มลมเพิ่มออกซิเจนทั้งสองอย่างพร้อมกัน
ข้อเสีย - กินพื้นที่ในตู้ปลา ยิ่งตู้เล็ก ก็ทำให้ลดพื้นที่ในการว่ายน้ำของปลาไปด้วย ตัวกระปุกกรองน้ำก็ยังรองรับปลาที่ถ่ายของเสียเยอะๆ อย่างปลาทองไม่ได้ดีพอ
กระปุกกรองน้ำ กับกรองฟองน้ำ มีลักษณะที่คล้ายกัน จริงๆแล้วมันแค่พอใช้ได้ ถ้า จขกท เปลี่ยนน้ำให้บ่อยๆ ร้านขายปลาส่วนใหญ่ก็จะใช้กรองฟองน้ำ หรือกระปุกกรอง เพราะดูแลรักษาง่าย ราคาถูก แต่ต้องมีปั้มออกซิเจนเป็นส่วนประกอบ
ตัวอย่างกรองกระปุก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แบบที่ 2 กรองบน
ลักษณะของกรองบน ตัวกรองจะมีลักษณะเป็นกล่อง วางอยู่ข้างบนตู้ แล้วต่อสายมายังปั้มน้ำที่ติดตั้งอยู่ภายในตู้ปลา ตัวปั้มน้ำจะดูดของเสียภายในตู้ผ่านทางท่อขึ้นไปยังกล่องที่เป็นตัวกรองด้านบน ซึ่งประกอบด้วยใยกรอง หรือวัสดุกรองชนิดอื่น และปล่อยน้ำที่ผ่านการกรองลงมายังตู้ปลา ตัวปั้มน้ำยังทำหน้าที่พ่นน้ำพร้อมฟองอากาศ เพื่อเติมออกซิเจนให้กับน้ำในตู้ด้วย
ข้อดี - ระบบกรองน้ำแบบนี้มีประสิทธิภาพในการกรองน้ำที่สูง เพราะปั้มน้ำมีแรงดูดเยอะมาก แถมยังพ่นน้ำพร้อมฟองอากาศเพื่อเติมออกซิเจนให้ปลาได้อีก เหมาะกับปลาที่มีการถ่ายของเสียเยอะๆ เช่นปลาคราฟ ปลาทอง ดูแลรักษาทำความสะอาดง่ายที่สุด
ข้อเสีย - กินไฟเยอะกว่ากรองแบบอื่น เพราะใช้ปั้มน้ำที่มีแรงดูดสูง แถมตัวปั้มยังพ่นน้ำที่แรงออกมาในตู้อีก ทำให้น้ำในตู้วนเวียนเข้าปั้มได้เร็ว แต่ปลาจะต้องว่ายน้ำจนเหนื่อย ระบบนี้มีประสิทธิภาพในการกรองสูงก็จริง แต่มันเหมาะสำหรับตู้ค่อนข้างใหญ่ เช่น 20" ขึ้นไป
ที่จริงระบบนี้จะเหมาะกับปลาทองหรือปลาคราฟมากที่สุด แต่ถ้าตู้เล็กไป ปลาจะว่ายน้ำเหนื่อย
ตัวอย่างของกรองบน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แบบที่ 3 กรองแขวน
กรองแขวนที่มีลักษณะที่ติดตั้งตัวกรองไว้ด้านข้างตู้ และดูน้ำและของเสียจากท่อที่ต่อลงมาด้านในตู้มาเข้าตัวกรอง แล้วปล่อยน้ำที่ผ่านกระบวนการกรองไหลมาตกสู่ตู้ด้านหน้า
ข้อดี - ติดตั้งง่ายประหยัดเนื้อที่ ค่อนข้างประหยัดไฟ สามารถกรองสิ่งสกปรกที่อยู่บนผิวน้ำได้ มีเสียงที่เงียบมาก ได้ยินเพียงเสียงกระทบของน้ำที่ตกลงมาในตู้ ปรับความแรงของน้ำที่อยู่ในระบบกรองได้ ดูแลรักษาค่อนข้างง่าย ราคาไม่แพงมาก
ข้อเสีย - ไม่เหมาะกับตู้ที่มีขนาดใหญ่เกิน 24" ตัวปั้มมีขนาดเล็ก ซ่อนอยู่ภายในกรอง ประสิทธิภาพในการกรองยังสู้ระบบกรองบนไม่ได้ ถึงแม้จะดูแลรักษาง่าย แต่แผ่นกรองที่ใช้ก็ต้องซื้อใช้เฉพาะรุ่น ซึ่งอาจดัดแปลงโดยใช้พวกฟองน้ำก็ได้ตัดเป็นแผ่นก็ได้
กรองแขวนเหมาะกับตู้ที่ใช้เลี้ยงปลาขนาดเล็ก หรือพวกตู้ไม้น้ำ ที่มีของเสียน้อย แต่ถ้าจะเลี้ยงปลาทอง ก็ยังพอเลี้ยงได้ โดยใช้รุ่นที่มีอัตราการหมุนเวียนของน้ำที่สูงหน่อย แต่ถ้าเลี้ยงปลาทองหลายตัว ควรจะมีปั้มลมเพิ่มออกซิเจนให้ปลาด้วย เพื่อเพิ่มอากาศและทำให้น้ำมีคุณภาพที่ดี และควรเปลี่ยนน้ำให้ปลาด้วย
ตัวอย่างของกรองแขวน [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แบบที่ 4 กรองนอก
ลักษณะของกรองแบบนี้ จะมีถังกรองตั้งอยู่นอกตู้ และต่อท่อดูน้ำเข้าและน้ำออกจากถังกรองไปยังตู้ปลา
ข้อดี - ตัวถังกรองจะมีขนาดค่อนข้างใหญ่ สามารถใส่วัสดุกรองได้หลายชนิด เช่น ฟองน้ำ ใยกรอง หินพิมมัส เซรามิคริง ประสิทธิภาพในการกรองจึงดีมาก ประหยัดพื้นที่ใช้งานในตู้ ติดตั้งท่อที่ทำให้ระบบน้ำหมุนวนในตู้ได้ แทบไม่เสียงให้ได้ยินเลย
ข้อเสีย - ราคาแพงกว่าระบบกรองแบบอื่นมาก เสียเวลาในการติดตั้งท่อนาน ต้องหาตำแหน่งวางนอกตู้ด้วย การทำความสะอาดไส้กรองค่อนข้างยุ่งยากนิดหน่อย
ระบบกรองนอก เป็นระบบที่มีประสิทธิภาพในการกรองที่ดีมาก เพราะสามารถใส่วัสดุกรอง ที่กรองได้ทั้งสิ่งสกปรก และกรองด้วยระบบชีวภาพ ขึ้นอยู่กับวัสดุกรองภายใน ถึงแม้จะมีราคาสูงแต่เป็นระบบที่น่าใช้ที่สุด ถ้านำมาใช้เป็นระบบกรองเพื่อเลี้ยงปลาทอง แนะนำให้ติดตั้งปั้มลมเพื่อเพิ่มออกซิเจนในน้ำด้วย
ตัวอย่างของกรองนอก [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อันที่จริงถ้าดูจากขนาดตู้แล้ว กรองแขวนจะเป็นตัวที่ตอบโจทย์ได้ดีในงบประมาณที่ตั้งไว้ แต่ถ้าเพิ่มเป็นกรองนอกได้ยิ่งดี แต่ทั้งสองแบบควรเพิ่มปั้มลมเพื่อเติมออกซิเจนลงในน้ำ สำหรับปลาทองสี่ตัว ถ้าระบบที่เหมาะที่สุดสำหรับปลาที่ถ่ายของเสียเยอะ ควรเป็นกรองบน เพราะมีปั้มน้ำที่มีแรงดูดมากที่สุด กรองของเสียได้ไวที่สุด แต่ตู้ขนาดนี้อาจเล็กไป เพราะตัวปั้มมันพ่นน้ำที่ค่อนข้างแรง อาจทำให้ปลาเหนื่อยได้ ต้องคอยว่ายทวนน้ำ ลองพิจารณาข้อดี ข้อเสีย และงบประมาณที่มีดูครับ
แสดงความคิดเห็น
ช่วยแนะกรองตู้ปลาหน่อยค่ะ