คนที่บ้านชอบเก็บหมา,แมวมาเลี้ยง เครียดมากจนไม่อยากจะอยู่บ้านหลังนี้แล้ว

ตามหัวข้อเลยครับ จะค่อยๆเล่านะครับ อยากให้อ่านให้จบครับ คือมันเป็นปัญหาจริงๆ แต่ก่อนจะเล่าถึงตัวปัญหาอาจจะต้องอธิบายเกริ่นเยอะไปหน่อย
       ที่บ้านทำอาชีพค้าขายครับ โดยเริ่มมาสร้างบ้านที่แถบชนบทแห่งหนึ่ง นึกสภาพบ้านที่เป็นร้านโชห่วยตามต่างจังหวัด แต่จะมีทั้งขายปลีกและส่งด้วยครับ พูดง่ายๆก็คือเป็นร้านโชห่วยที่อัปเกรดขึ้นมาขั้นนึง
        เริ่มจากสมาชิกในครอบครัวที่อาศัยอยู่กันก็จะมีปู่ ย่า ผมแล้วก็น้องชายอีกสองคนครับ คนที่เป็นปัญหาคือปู่ของผมครับ ด้วยความที่นิสัยแกเป็นคนที่ค่อนข้างจะไม่ค่อยฟังใคร ถ้าแกคิดว่าอะไรถูกก็คือถูก อะไรผิดก็คือผิด และด้วยความที่แกมีอาชีพหลักก่อนจะมาเปิดร้านโชห่วยคือเป็นทนายความครับ (เมื่อก่อนบ้านหลังเก่าของผมจะอยู่ในตัวเมืองครับ แต่ตอนนี้ย้ายมาเปิดร้านค้าแถวชนบทห่างจากตัวเมืองมาพอสมควร ซึ่งปู่ผมก็ทำอาชีพทนายเป็นรายได้หลักมาก่อน ส่วนร้านโชห่วยคิดจะให้เป็นรายได้อีกทางเพราะแกเริ่มอายุมากแล้ว) แกก็จะมีความคิดประมาณว่า “ฉันเป็นคนหาเงินเลี้ยงดูพวกแก ถ้ายังไม่มีปัญญาเลี้ยงดูตัวเอง แกก็ห้ามมาเถียงฉัน” อะไรประมาณนี้ครับ และอีกเรื่องคือแกเป็นคนรักสัตว์ครับ
        ปัญหาคือเริ่มมาจาก ด้วยความที่ที่ตั้งของบ้านเป็นชนบท ซึ่งชาวบ้านเนี่ยก็จะนิยมเลี้ยงหมากัน แต่ก็จะเลี้ยงแบบปล่อยให้หมามันหากินกันเอง ซึ่งช่วงที่ผมย้ายมาอยู่ใหม่ๆ หมาของเพื่อนบ้านมันมักจะข้ามถนนมาหาของกินฝั่งบ้านผมเพราะปู่ชอบเอาอาหารไปให้มัน พอเอาให้บ่อยๆเข้า หมามันก็เริ่มจะไม่กลับไปอยู่กับเจ้าของเดิมแล้ว สุดท้ายมันก็กลายเป็นหมาบ้านผมไปโดยปริยาย ซึ่งเพื่อนบ้านก็ไม่ได้ว่าอะไรเรื่องที่หมาบ้านเคอามาอยู่บ้านผม แถมยังเอาตัวใหม่มาเลี้ยงอีก จนตลอดสิบกว่าปีที่มาอยู่เรื่องก็วนลูปอยู่แบบนี้ตลอด พอบ้านตรงข้ามเอาหมามาเลี้ยงสักพัก มันก็จะมาติดอยู่บ้านผมเป็นแบบนี้ตัวแล้วตัวเล่าเยอะจนจำชื่อหมาที่มาอยู่ไม่ได้ทุกตัว ตัวที่มาอยู่ช่วงแรกๆก็มักจะอยู่ได้ไม่นานเพราะบางทีก็โดนบ้านอื่นวางยาเบือ หรือไม่ก็โดนรถชนตายไปบ้าง จุดเริ่มต้นของปัญหาคือตรงนี้แหละครับ..
        ด้วยความที่ปู่ผมสงสาร แกไม่อยากให้มันตาย ก็เลยจับมาเลี้ยงไว้ในบ้าน คือเลี้ยงแบบขังไว้ในกรงที่อยู่หลังบ้านครับ (ลักษณะของบ้านผมคือเป็นบ้านติดถนน เป็นประตูเหล็กแบบรูดลงครับ ขนาด 6 คูหา และมีประตูที่เชื่อมกับหลังบ้านเป็นแบบรูดลงเหมือนกันแต่ความกว้างจะประมาณ 1 เมตร ด้านหลังบ้านมีพื้นประมาณ 2 งานครับ หน้าร้านจะมีห้องกระจกเป็นห้องแอร์ครับสำหรับนั่งดูทีวีไปด้วย ขายของไปด้วย ใช้เป็นห้องรับแขกเวลามีลูกความหรือญาติมาหา)
        เวลาก็ผ่านไป เดิมที ตัวที่เลี้ยงไว้หลังบ้าน 2 ตัวมันไม่ค่อยมีปัญหาครับ ปกติจะขังไว้ในกรงหลังบ้านแล้วปล่อยให้ออกมาวิ่งเล่น+กินข้าวช่วงเย็น จนกระทั่งได้ตัวใหม่มาเพิ่ม2ตัว ซึ่งตัวใหม่เคยพยายามจะเอาไว้หลังบ้าน แต่มันก็ชอบจะกัดกับสองตัวที่มาอยู่ก่อน จึงต้องขังไว้ในห้องกระจกช่วงกลางวัน ส่วนกลางคืนพอปิดร้านเสร็จจะปล่อยให้มันนอนในบ้านครับ ส่วนตอนให้อาหารก็จะทำเหมือนสองตัวที่อยู่หลังบ้านครับคือให้ออกไปวิ่งเล่นหลังบ้านช่วงที่อีกสองตัวเข้ากรง ก็จะผลัดกันกินกันวิ่งเล่นเป็นกะ กะละ 2 ตัวแบบนี้มาตลอดครับ จนกระทั่งวันนึงมีลูกหมามาอีกตัว ซึ่งตัวนี้มาจากไหนไม่รู้เลย ตัวนี้คือตัวที่เป็นปัญหามากที่สุดคือมันไม่ถูกกับ 2 ตัวหลังบ้าน และก็ 2 ตัวหน้าบ้านอีกต่างหาก ทำไงล่ะทีนี้ กรงหลังบ้านก็มี2ตัวแล้ว ในห้องกระจกก็มีอีก 2 ตัว สุดท้ายตัวนี้ต้องล่ามโซ่ช่วงกลางวันแล้วปล่อยให้อยู่หลังบ้านตอนกลางคืนครับ
       บางคนอาจจะยังมองเห็นปัญหาไม่ชัด เดี๋ยวจะสรุปปัญหาเลยนะครับ
       1.เนื่องจากปู่เค้าต้องการจะเลี้ยงแบบขังเพราะกลัวว่าจะไปถูกรถชนหรือมีชาวบ้านมาวางยาอีกจึงทำให้เวลาเข้าออกบ้านต้องคอยระวังตลอด จะออกไปไหนก็ต้องคอยเช็คว่ามีใครปล่อยหมาออกมาวิ่งเล่นมั้ย (ตัวที่อยู่ในห้องกระจกวันนึงต้องปล่อยออกมาวิ่งเล่นหลายรอบมากเพราะมันชอบเห่าส่งเสียงน่ารำคาญ พอออกไปแป๊บนึงก็เห่าจะกลับเข้าบ้านละ วันนึงเข้าๆออกๆหลายรอบ)บางทีไม่นัดกันมันหลุดมากัดกันก็ต้องเป็นงานไปแยกออกจากกันอีก อันนี้คือปัญหาข้อแรกครับ
      2.ตอนกลางคืนถ้ามีธุระด่วนเกิดเจ็บไข้ได้ป่วยต้องหามส่งรพ.ขึ้นมา แทนที่จะได้เปิดประตูออกไปเลยก็ต้องมีคนมาระวังหมา ที่มันต้องจะกัดกันอีก อย่างน้อยคือ 2 คน(คำว่าจ้องจะกัดคือจ้องจะกัดจริงๆ ถ้าเห็นหน้ากันก็คือกระโดดใส่เลย)
      3.ตัวล่าสุดที่มาอยู่ใหม่มันชอบเห่า เห่าได้ทุกอย่างยกเว้นมนุษย์ จะเลี้ยงไว้กันโจรก็คือไม่มีประโยชน์เลย แค่คางคกอึ่งอ่างก็เห่าละ และตัวผมเป็นคนที่หลับยาก เลยเป็นคนที่มีปัญหากับเรื่องนี้ที่สุด (ที่มาตั้งกระทู้ดึกขนาดนี้ก็ด้วยตื่นเพราะมันเห่านี่แหละ)
      4.ตัวผมก็อายุอยู่ในช่วงวัยรุ่นแต่แทบไม่เคยได้ออกไปไหนเลย พอ 19:30 ก็ปิดร้านละ จะเข้าจะออกบ้านก็ยาก จะกลับบ้านดึกก็สงสารย่าต้องมาคอยรอจับหมาตอนเราจะเปิดประตูรั้วบ้านแทนที่จะได้ไปนอนพักผ่อน
        5.ความสะดวกในการใช้ชีวิตหายไปเยอะเลย บางทีจะรีบเอารถออกไปทำธุระแต่เช้า แต่ถ้าคนอื่นยังไม่ตื่นก็ต้องปลุกให้มาช่วยกันจับหมาก่อน
        ยังมีอีกเยอะครับ ปัญหาเล็กๆน้อยๆอีกมากโข ที่เรารู้สึกโมโหที่สุดคือเวลาหมาพวกนี้ป่วย ปู่แกก็ไม่เคยเอาไปหาหมอนะ จะให้ผมขับรถไปกับย่าตลอด แต่แกมักจะพูดว่าทำเอาบุญ ซึ่งมันดูเห็นแก่ตัวมาก แกไม่เคยถามความเห็นคนในครอบครัวเลย หลายครั้งที่พูดเรื่องนี้ แกก็มักจะพูดว่า ทำไงได้ก็ชีวิตเป็นแบบนี้ (แกพูดแบบนี้จริงๆ) เราก็แบบเอ๊าพูดงี้ได้ไงวะ ทางแก้มีอีกเยอะ จะเอาไปให้สถานที่มี่เค้ารับเลี้ยงก็ได้ ทะเลาะหลายครั้งจนเหนื่อย ประเด็นหลักๆอีกเรื่องคือสงสารย่าด้วยครับ แกเป็นคนรับภาระต้องมาคอยดูแลป้อนน้ำป้อนยาเวลามันป่วย แกะเห็บ ทำแผลเวลามันกัดกัน ปัญหาคร่าวๆก็ประมาณนี้ครับ ผมเริ่มง่วงแล้วด้วย
ปล.ตอนนี้เลี้ยงแมวเพิ่มอีกตัว โชคดีที่หมามันไม่ไล่กัด แต่คนคอยเก็บอึให้ข้าวให้ปลาพาไปหาหมอก็เราอีกอยู่ดี
ปล.2 นอกจากหมา 5 ตัวที่เลี้ยง แมวอีก 1 ปู่ผมมักจะชอบออกไปให้อาหารหม่จรจัดแถวหมู่บ้านด้วยครับ ซึ่งใครจะไปทำธุระที่ไหนก็ไปไม่ได้เพราะรถมีคันเดียว เคยจะพาย่าไปหาหมอเพราะแกปวดหัวมาก แต่ปู่แกดันบอกขอเอาข้าวไปให้หมาก่อน ผมว่ามันสุดโต่งเกินไป เรียงลำดับความสำคัญไม่ถูกแล้วแหละแบบนี้
      ที่มาตั้งกระทู้คืออยากถามความเห็นครับ ว่าเพื่อนๆคิดกันอย่างไร หรืออยากจะแนะนำอะไร หรือใครอยากถามข้อมูลอะไรเพิ่มเติมก็ถามได้เลยครับ คือผมอยากให้แกได้อ่านว่าไม่ได้มีแค่ผม น้องแล้วก็ย่าที่คิดต่างกับแก อยากให้เห็นว่าคนทั่วไปคิดอย่างไรครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่