คือน้องที่รู้จักย้ายรร.แล้วเหมือนในห้องมีแต่เด็กเก่ง น้องบอกว่าเครียด เครียดจนอยากร้องไห้อยากลาออก เราก็บอกว่าให้บอกแม่ น้องก็บอกว่าเค้าเสียไปเป็นแสนเลยไม่ค่อยอยากบอกเท่าไหร่ เราก็บอกน้องว่าให้ทนไป น้องก็มาระบายกับเรา จริงๆแล้วน้องอยากเรียนแบบธรรมดาซึ่งมันเป็นคนละที่กับแม่(แม่ให้น้องเรียนนานาชาติ) น้องบอกว่าฟังอะไรไม่รู้เรื่องเลย น้องบอกว่าเค้าให้เอาตารางเรียนในเน็ตแต่เหมือนน้องล็อคอินเข้าเว็บไม่ได้มั้ง ของก็ไม่มี เราเลยบอกว่าต้องเมคเฟรนแล้วแหละ น้องก็บอกว่าห้องจัดนั่งแยกชายหญิง แล้วหลังห้องมันไกลน้องเลยได้นั่งกับผช. เราก็บอกว่าเป็นเพื่อนกับผช.ก็ไม่ได้แย่ แต่น้องไม่ชอบพวกผช.อยู่ด้วยแล้วอึดอัด น้องบอกว่าน้องอิจฉาที่เห็นแม่คนอื่นมารับเพราะตั้งแต่อนุบาลแม่น้องไม่เคยมารับเลย เด็กใหม่ก็เยอะ เราเลยบอกว่ามันต้องมีซักคนแหละที่ไม่ใช่เด็กเรียน น้องก็ตอบว่าแต่ตัวน้องเองไม่ได้อยู่กับเค้าไง น้องก็ระบายต่อ "แล้วถ้าหนูกลับไปอินเดียมันต่างอะไรจากตอนนี้ ตอนนี้มันแย่กว่าด้วยซ้ำ"
เรา : "อย่างน้อยก็ได้เรียน ดีกว่าพี่ที่80%เสี่ยงซ้ำ"
น้อง : "สังคมที่ไม่มีเพื่อน ไหนจะsocial distancingอีก หนูแทบไม่ได้คุยกับเพื่อน วันนี้ก็ไม่ได้เรียน นั่งเป็นชั่วโมงให้หนูมาทำไมวะ รู้สึกสันโดดอ่ะ" ไอ้เราก็แบบ....เปิดเรียนวันแรกก็แบบนี้ตลอดป้ะคะ(อันนี้คือเสียงในหัวนะ)
เรา : "คือมันเป็นเรื่องที่ต้องปรับอ่ะ ถ้าเค้าไม่เมรคเฟนเรา เราก็ต้องพยายามเมคเฟรนกับเค้า" แล้วเรากำลังพิมพ์ต่อเลยว่าแบบ เออเนี่ย ต้องทำใจเรื่องเหยียดด้วยนะ เพราะเราว่ามันยังมีอยู่แหละพวกที่เหยียดเด็กนอกอ่ะ
แต่น้องพิมพ์เร็วกว่า(น่าจะเป็นเพราะเราเล้บยาวด้วยแหละ) "หนูขออยู่ตัวคนเดียวดีกว่า" เรา .... กลับเลย
น้อง : "รอปีนี้ผ่านไปจะได้จบๆ"
เห้ย แบบนี้มันเป็นที่ตัวน้องแล้วป้ะ แล้วคือน้องค่อนข้างเป็นคนเอาแต่ใจไงเราเลยค่อนข้างกลัวคำพูดตัวเองเพราะเราเองก็ไม่ได้ปากดี(หมายถึงแบบ...ดีอ่ะ ดีแบบดีอ่ะ เออนั่นแหละถือว่าเข้าใจเนอะ) เรากลัวเราพูดไปแล้วแบบ.....โอ้ย ยังไงดี งั้นเว้นไว้ในฐานที่เข้าใจละกัน คือในกลุ่มมีกันอยู่3คนรวมเราแล้ว ซึ่งเรากล้าพูดเลยว่าเราเป็นคนที่ให้คำปรึกษาดีที่สุดในกลุ่มแล้ว เนี่ยเรื่องแค่นี้เรายังให้คำปรึกษาคำแนะนำน้องไม่ได้เลย เราก็โมโหตัวเองแหละที่เราไปไม่เป็น เราเลยอยากรู้ว่าคิดกันยังไง
ป.ล.1 ที่เราเสี่ยงซ้ำชั้นเพราะว่าที่อินเดียโควิดมันขึ้นเรื่อยๆ จะให้สอบออนไลน์ก็โง่พอตัวเพราะเด็กก็โกงได้ง่ายๆขนาดหน้างานยังโกงกันมันยิ่งกว่ามันหมูที่ใช้ทากระทะบาร์บีก้อน ถ้าจะเรียกไปสอบที่รร.ก็คงมีแต่เด็กไทยที่จะเป็นปัญหา ส่วนทางครอบครัวเราไม่ค่อยอยากให้กลับมาเรียนไทยเท่าไหร่
ป.ล.2 น้องอยู่ม.1 เรากับเพื่อนอีกคนม.3 ซึ่งสมองนี่เรียกว่ายังไม่พัฒนาเป็นพอริเฟร่ากันเลยทีเดียว(ในมุมมองที่ตัวเองมองตัวเองนะ)
อยากได้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่น้องมาระบาย
เรา : "อย่างน้อยก็ได้เรียน ดีกว่าพี่ที่80%เสี่ยงซ้ำ"
น้อง : "สังคมที่ไม่มีเพื่อน ไหนจะsocial distancingอีก หนูแทบไม่ได้คุยกับเพื่อน วันนี้ก็ไม่ได้เรียน นั่งเป็นชั่วโมงให้หนูมาทำไมวะ รู้สึกสันโดดอ่ะ" ไอ้เราก็แบบ....เปิดเรียนวันแรกก็แบบนี้ตลอดป้ะคะ(อันนี้คือเสียงในหัวนะ)
เรา : "คือมันเป็นเรื่องที่ต้องปรับอ่ะ ถ้าเค้าไม่เมรคเฟนเรา เราก็ต้องพยายามเมคเฟรนกับเค้า" แล้วเรากำลังพิมพ์ต่อเลยว่าแบบ เออเนี่ย ต้องทำใจเรื่องเหยียดด้วยนะ เพราะเราว่ามันยังมีอยู่แหละพวกที่เหยียดเด็กนอกอ่ะ
แต่น้องพิมพ์เร็วกว่า(น่าจะเป็นเพราะเราเล้บยาวด้วยแหละ) "หนูขออยู่ตัวคนเดียวดีกว่า" เรา .... กลับเลย
น้อง : "รอปีนี้ผ่านไปจะได้จบๆ"
เห้ย แบบนี้มันเป็นที่ตัวน้องแล้วป้ะ แล้วคือน้องค่อนข้างเป็นคนเอาแต่ใจไงเราเลยค่อนข้างกลัวคำพูดตัวเองเพราะเราเองก็ไม่ได้ปากดี(หมายถึงแบบ...ดีอ่ะ ดีแบบดีอ่ะ เออนั่นแหละถือว่าเข้าใจเนอะ) เรากลัวเราพูดไปแล้วแบบ.....โอ้ย ยังไงดี งั้นเว้นไว้ในฐานที่เข้าใจละกัน คือในกลุ่มมีกันอยู่3คนรวมเราแล้ว ซึ่งเรากล้าพูดเลยว่าเราเป็นคนที่ให้คำปรึกษาดีที่สุดในกลุ่มแล้ว เนี่ยเรื่องแค่นี้เรายังให้คำปรึกษาคำแนะนำน้องไม่ได้เลย เราก็โมโหตัวเองแหละที่เราไปไม่เป็น เราเลยอยากรู้ว่าคิดกันยังไง
ป.ล.1 ที่เราเสี่ยงซ้ำชั้นเพราะว่าที่อินเดียโควิดมันขึ้นเรื่อยๆ จะให้สอบออนไลน์ก็โง่พอตัวเพราะเด็กก็โกงได้ง่ายๆขนาดหน้างานยังโกงกันมันยิ่งกว่ามันหมูที่ใช้ทากระทะบาร์บีก้อน ถ้าจะเรียกไปสอบที่รร.ก็คงมีแต่เด็กไทยที่จะเป็นปัญหา ส่วนทางครอบครัวเราไม่ค่อยอยากให้กลับมาเรียนไทยเท่าไหร่
ป.ล.2 น้องอยู่ม.1 เรากับเพื่อนอีกคนม.3 ซึ่งสมองนี่เรียกว่ายังไม่พัฒนาเป็นพอริเฟร่ากันเลยทีเดียว(ในมุมมองที่ตัวเองมองตัวเองนะ)