ที่บ้านไม่ยอมปล่อยเลยค่ะ รู้สึกอึดอัดเสมอ ควรทำยังไง หรือหาทางออกจากเรื่องแบบนี้ไงยังดีคะ

สวัสดีค่ะเพื่อนๆ เรื่องนี้คือเรื่องเดียวที่ทำให้เราปวดหัว และเบื่อมากๆเลยล่ะ ต้องบอกก่อนว่าเราไม่ใช่ลูกคนเดียวนะ เราเป็นลูกคนเล็กค่ะ เรามีพี่ๆอีก 3 คนค่ะ เป็นชาย 2 หญิง 1 ตอนนี้เราอายุ 23 ค่ะ พึ่งเรียนจบกำลังหางานทำอยู่เลย แต่เพราะความอึดอัดที่ไม่อยากให้เราไปทำงานไกลบ้านมันยิ่งเป็ฯแรงผลักดันที่ทำให้เราไม่อยากอยู่บ้านค่ะ บอกก่อนว่าพี่สาวเราคือย้ายออกไปอยู่ที่อื่นนานแล้วค่ะเค้าเลยรอด? แต่เรายังค่ะ ทุกวันนี้แม่ยังคงทำเหมือนกับว่าเราเป็นเด็กน้อยเสมอ ไปไหนก็ไปด้วยตลอด ไปสมัครงานแม่ก็พาไปค่ะ ซึ่งบางทีมันทำให้เราอึดอัดมากๆ เราอยากทำงานตามสายงานที่เรียนนะ แต่ด้วยสภาวะเศรษฐกิจและงานมันก็ชั่งหายาากซะเหลือเกิน เราได้รับการช่วยเหลือจากรุ่นพี่ที่รู้จักกันในช่วงฝึกงาน พี่เค้าเป็นหัวหน้าค่ะเลยให้เรากลับไปทำงานที่เก่าก่อนได้ ก็เลยได้งานใกล้ๆบ้านตามที่ครอบครัวต้องการ ส่วนตัวเราก็ไม่อะไรกับงานนะ เพราะเราเคยทำมาแล้ว และเราก็เข้ากันได้ดีกับคนที่ทำงานนี้ด้วย 

ขอเท้าความสั้นๆกลับไปตอนที่ยังทำงานที่นี้ก่อนนะคะ ตอนนั้นเราเป็นแค่เด็กฝึกงานค่ะ แบบเรียนด้วยทำงานด้วยทั้งปีเลยอ่ะ เหนื่อยค่ะ แต่เพราะคิดว่าอยากจะช่วยเหลือทางบ้านด้วย เราเลยเลือกสายนี้ 5 ปีเลยนะกว่าจะจบอ่ะ ทำแบบนี้มาตั้งแต่อายุ 15 ค่ะ พอจบออกมาเราก็มีเป้าหมายว่าอยากเรียนต่อ ป.ตรี เราเลยเลือกที่จะลาออกจากที่ฝึกงาน จนปัจจุบันเราเรียนจบแล้วค่ะ กำลังมองหางานอยู่ แต่ก็ยังคงวนลูปอยู่ที่เดิมค่ะ 

ที่ทำงานของเรามันเป็นกะค่ะ ทุกวันนี้เวลาไปทำงานที่บ้านก็ไปส่งตลอดทั้งๆที่มีรถเป็นของตัวเอง คันที่สองแล้วค่ะ ที่บ้านบังคับออกให้ (แบบไม่ต้องเลือกอะไรเลยจ้า เค้าชอบเค้าก็ออกเลย แต่เราเป็นคนผ่อนไง เพื่อนๆเข้าใจมั้ยคะ?) คันแรกก็ออกตอนฝึกงานค่ะ แต่คันนั้นคือแทบไม่ได้เอาไปทำงานเองเลยเพราะที่บ้านไปส่งตลอด จนมาคันนี้ที่บ้านก็ยังคงจะมาส่งเรา แต่เมื่อไม่นานมานี้เราไม่ยอมเองค่ะ เราขอเอารถออกมาใช้เอง ในเมื่อเราเป็นคนผ่อนอ่ะ ทำไมเราจะใช้ไม่ได้อ่ะ จริงมั้ย ที่บ้านก็จะตึงๆไปสักพักค่ะ เพราะเราไม่ยอมแล้ว ตอนแรกเค้าขับรถไปรับส่งเรา บางทีเราทำงานมาเหนื่อยๆเนอะ เราก็อยกรีบกลับไปพักผ่อนอ่ะ เหนื่อยงานไม่ว่ายังต้องมาเสียเวลารอคนมารับอีก เพราะงานของเรามันเลิกไม่ตรงเวลาค่ะ บางทีก็เลทออกไปอ่ะ เราก็กะเวลลาโทรให้เค้ามารับไม่ถูก บาทีเค้าต้องมานั่งรอเราเราก็เกรงใจเค้านะ เสียเวลางานเค้าด้วย เราเลยขอเอารถมาทำงานอง ที่บ้านก็ไม่ให้หรอกนะ แต่เราเลือกที่จะนิ่งใส่ค่ะ แบบไม่ยอมให้เอาไปทำงานแล้วไง?ก็จะเอาไปอ่ะ เหมือนเราดื้อนะ แต่เราไม่เคยเถียงหรือขัดใจอะไรคนที่บ้านเลยค่ะ อยู่แบบอะไรก็ได้ ง่ายๆ เค้าว่าดีเราก็ว่าดี ง่ายจนบางทีพวกเค้าอาจจะลืมไปแล้วว่าเราก็มีความคิด ความรู้สึกเป็นของตัวเองเหมือนกัน... 

เราไม่มีแฟนค่ะ เกิดมา 23 ปี เราไม่เคยคบใครเลย ไม่ใช่ว่าไม่มีใครจีบนะ แต่พอเห็นครอบครัวเราเป็นแบบนี้ เราเลยไม่อยากให้เค้ารู้สึกอึดอัดไปกับเราด้วยค่ะ ทีรุ่นพี่คนนึงดคเ่ดีกับเรามากๆ แต่เราไม่ได้คิดอะไรกับเค้านะแบบนั้นนะ เค้ารอเรากับบ้านก่อนแล้วเค้าถึงจะกลับบ้านเค้า ก็คือรอคนมารับเราค่ะ รอด้วยกันในที่ทำงานนั่นแหละ คนอยู่เยอะค่ะ เราเลยสบายใจ จนสุดท้ายเราติดต่อคนที่บ้านแล้วไม่มีใครรับสายเราเลย คือทุกคลืมไปแล้วล่ะมั้งว่าเรายังรออยู่ตรงนี้อ่ะ จนมันดึกมากแล้ว พี่ๆเค้าเลยให้เรายืมรถกลับบ้านไปก่อน เพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงต่อจากนั้นเราก็ต้องมาทำงานอีกแล้ว เราเปลี่ยนกะน่ะค่ะ ก็ได้รุ่นพี่คนที่ยืนรออยู่ด้วยนั่นแหละเค้ามาส่งเราที่บ้าน เพราะบ้านเราไกล เค้าถามเราว่าทางกลับบ้านเปลี่ยวมั๊ย พี่ไปส่งดีกว่ามั้ย เค้าเลยอาสาไปส่งเราค่ะ เหมือนเป็นพี่ชายคนนึงเลย^^

ตั้งแต่ครั้งนั้นเราก็ฝังใจค่ะ เราไม่อยากรอใครแบบนั้นอีกแล้ว มันเสียเลาแล้วก็ความรู้สึกมากๆเลยล่ะ เพราะตอนเรากลับถึงบ้านแม่ก็เดินงัวเงียออกมาพอดี แม่ถามเราคำแรกว่า อ้าว?เลิกงานอล้วหรอ เราตอบไปห้วนๆแค่ว่าอืม เราไม่มีอารมณ์มานั่งรักษาความพูดแล้วอ่ะ ทั้งโกรธ เหนื่อย ง่วงด้วย เค้าถามต่อว่ากลับมายังไง เราไม่ตอบค่ะ แต่เดินเข้าห้องไปเลย พอวันต่อมาเค้าก็ทำเหมือนเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่างจากแฟนพี่ชายเราค่ะ รายนั้นคือแม่ไม่เคยขัดใจ อะไรก็ได้หมด ต้องไปรับให้ตรงเวลาด้วยนะ เค้าสั่งเรามา แต่ดูเค้าทำกับเราสิ บางทีเลิกงาน 4 โมง เราก็ต้องหอบสังขารรอเค้ามารับเอาตอน 5 โมงอ่ะ คือบ้านไม่ได้ไกลนะ แต่ทำไมช้าก็ไม่รู้ ถ้าเรามาเองไม่เกิน 15 นาทีค่ะ จริงๆ เราเบื่อมากๆเลย

เหมือนเค้าจะห่วงเรานะ แต่ไม่เลยค่ะ ในช่วงที่เราไปเรียนต่อ เราย้ายเข้าไปเรียนในมอของ กทม. เราเลือกที่นั่นเพราะเค้ามีหอในให้ ราคาก็ถูกมากๆเลยด้วย เสียแค่ค่ะน้ำไฟค่ะ แบบเหมาจ่ายเดือนละ 300 บาท คือถูกมากกกก เราไปกับเพื่อนที่เรียนด้วยกันมานี่แหละคนนึง ที่นั่นเรามีเพื่อนสนิทเรียนอยู่ก่อนแล้วค่ะ เราปรึกษาเพื่อนคนที่เรียนอยู่เค้าเลยแนะนำให้เราไปเรียนด้วยกัน แล้วเค้าจะมารับที่หน้ามอค่ะ พาไปที่หอ เค้าคงกลัวเราหลงแหละ555 เพราะเราไม่เคยไปไหนไกลบ้านเลยเพื่อนคนนี้ก็รู้ค่ะ ตอนที่จะมาเรียนต่อเราบอกที่บ้านแค่ว่าเราขอไปเรียนต่อ แค่นั่น เค้าก็ไม่ว่าอะไร ถามแค่ว่าที่ไหน ปกติถ้าลูกจะไปเรียนต่อค่างจังหวัดเราไม่รู้ว่าครอบครัวจะช่วยขนของเข้าหอมั้ยนะ ผู้ปกครองจะพาลูกๆไปสมัครเรียนมั้ยนะ แต่ของเราไม่มีค่ะ ไม่มีอะไรเลยจริงๆนะ เราจำภาพตัวเองตอนที่ไปสมัครเรียนแล้วย้ายเข้าหอวันแรกได้ดีเลยล่ะ (มันเป็นวันเดียวกันค่ะ เพราะทางมหาวิทยาลัยเค้าเข้าใจคนบ้านไกลค่ะ อันนี้เราต้องขอบคุณเค้าเลยที่ทำให้เรามีที่พัก เราจะได้ไม่เคว้งคว้าง555) เป็นครั้งแรกที่เราไปต่างจังหวัดคนเดียว เดินทางคนเดียว รู้ทางไปมาจากเพื่อนที่อยู่ที่มอค่ะ แค่นั่นจริงๆว่าต้องไปขึ้นรถไหน ต่อสายไหน คือเส้นทางไม่งงค่ะ แต่เราตื่นเต้นมากอ่ะเหมือนลวเข้ากรุงเลย55 วันนั้นมีแค่ชุดนักเรียน+ตังค์ไม่กี่ร้อยบาท+โทรศัพท์มือถือ+กระเป๋าเป้ใส่เสื้อผ้าใบน้อยๆ น้อยจริงๆนะเพื่อนๆ ไปถึงก็บ่ายๆแล้วค่ะ เรากะเวลาไม่ถูกอ่ะ เดินหารถก็นาน ไปถึงก็ลงสมัคเรียนก่อนเลย อาจารย์ใจดีค่ะ เค้าถามเราว่ามายังไง กับใคร แล้วก็พาเราไปกินข้าว ไปส่งเราที่หอด้วย ตอนนั้นเราอยู่กันเพื่อนที่มาจากต่างจังหวัดด้วยกัน นั่งงงๆกันอยู่ 2 คน แต่เพื่อนคนนั้นครอบครัวเค้าขนของมาให้นะ มีมาครบเลย ของเราก็มีแค่เสื้อผ้าจริงๆ ของใช้ค่อยมาซื้อเอาค่ะ หอเป็นห้องรวมค่ะ มี 4 คน ไม่มีพัดลม 1 ห้องน้ำ อยู่ได้ค่ะ แต่เราไม่ได้เอาผ้าห่มมา555 เราค่อยๆถยอยขนขอมาหอเองค่ะ กลับบ้านทีก็ขนมาทีเหมือนอีบ้าหอบฟางเลย และแน่นอนว่ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่เรียน ที่บ้านก็ไม่เคยที่จะช่วยขนของไปให้ ช่วยขนของกลับบ้าน คือทุกอย่างเราพึ่งตัวเองหมด ดีที่ได้รูมเมทน่ารักค่ะ เค้าคอยช่วยเหลือเราเยอะเลย ขอบคุณจริงๆ^^ 

ที่บ้านไม่เคยมาหาเรา ไม่เคยมามอเราด้วยล่ะ มีแค่รอบเดียวคือวันยื่นเอกสารกู้ยืมเรียนค่ะ เค้าบอกว่ามันไกล มาก็หลง จะไม่มาอีกแล้ว เราคนฟังนี่ซาบซึ้งใจเป็นที่สุดเลย มาแค่ทำเอกสารจริงๆนะ ทำเสร็จก็กลับไปเลย555

ตลอดเวลาที่เรามาเรามาเรียนเราพึ่งตัวเองกว่า 90% เราจะโทรกลับบ้านก็ต่อเมื่อเราไม่มีเงินจริงๆ และเค้าก็ไม่เคยโทรมาถามว่าเป็นไง อยู่ได้มั้ย สบายดีรึเปล่า ไม่เคยมีค่ะ555 คำถามแรกที่เราได้ยินบ่อยเป็นอันดับหนึ่งเลยค่ะ...ตังค์หมดแล้วหรอ? พึ่งให้ไปหนิ เดี๋ยว!! กทม.ให้เราใช้อาทิตย์ละ 1,000 ยังแย่เลยค่ะ ฮืออ แต่เราก็ไม่เคยขอเกินกว่านั้นนะ ช่วงแรกๆเรายังหางานพาร์ทไทม์ทำไม่ได้ค่ะ เราเลยต้องของที่บ้าน ถามว่าเงินเก็บเรามีมั้ย? ไม่ค่ะ ตั้งแต่ที่เาทำงานตอนอายุ 15 ไม่สิ คงต้องบอกว่าทำงานมาตั้งแต่เด็กๆเลยล่ะ อะไรที่ทำได้เราทำหมด ในขณะที่คนในวัยเดียวกันไปวิ่งเล่น แต่เราทำงานหาเงินจ้า ภูมินะ แต่ก็เสียดายช่งเวลาในวัยเด็กอยู่เหมือนกัน พออายุ 15 มีเงินเดือนตอนฝึกงาน เราก็ไม่เคยได้จับบัตรเอทีเอ็มเลยค่ะ จับได้แค่วันเงินออกนั่นแหละ มีเท่าไหร่เราให้ที่บ้านเก็บหมด ทั้งผ่อนรถ ค่ากินของเรา ที่บ้านด้วย เดือนๆนึงก็ได้ครึ่งหมื่นได้ค่ะ ไม่เคยเก็บตังค์เองหรอก เพราะเค้ากลัวเราจะโดนเพื่อนหรอกยืมเงินบ้าง กลัวเราใช้เงินไม่เป็นบ้าน คือต้องแบมือขอตังค์เสมอเวลาจะใช้จ่ายอะไร แต่เราเป็ฯคนไม่จุกจิกค่ะ อะไรก็ได้หมด แทบไม่เคยซื้อเสื้อผ้า ทาครีมด้วยซ้ำ555

พอเข้ามหาวิทยาลัยเราก็พยายามหางานทำหลังเลิกเรียนค่ะ แต่ก็หายากซะเหลือเกิน ก็มีคนคิดเหมือนเราเยอะนี่นะ รออยู่ 2-3 เดือนเราก็ได้งานงานนึง ทำกับเพื่อนที่เป็นรูมเมท เรามาด้วยกันจากต่างจังหวัดค่ะ เรียกได้ว่าเราตัวติดกันตลอดเลย เพราะเราเรียนสาขาเดียวกันด้วย พี่เจ้าของร้านใจดีมากๆเลยค่ะ น่ารักมากๆเลย ให้โบนัสพวกเราทุกปี จนปีสุดท้ายเราคิดว่าคงไม่มีโอกาสได้ลองทำอะไรแบบนี้อีกแล้วแน่ๆ เราเลือกที่จะลาออกจากงานดีๆนั้นค่ะ ส่วนหนึ่งคือย่าเราป่วย เราต้องกลับมาดูแลท่านบ่อยขึ้นค่ะ (ท่านเป็นผู้ป่วยนอนติดเตียง) จนท่านเสียนั่นแหละ เราเลยเลือกที่จะออกจากงานประจำที่ทำ เพราะเราคิดว่าเราไม่มีเวลาทำงานอย่างเต็มที่ค่ะ เพราะตอนนั้นลากลับบ้านบ่อยมากจนเราเกรงใจเค้าอ่ะ เค้าก็ให้ค่ารถตลอดเลย 

เราเริ่มหางานใหม่ทำอีกครั้ง ด้วยตัวเอง เราทำมาหมดแล้วนะ วันหยุดคืออีเว้นเราเยอะมากอ่ะเพื่อนๆ ทั้งงานปรบมือ งานจ้างกรี๊ด จ้างไปนั่งดูงิ้วก็ไป งานวิจัยต่างๆ งานล้างจาน งานเสริฟอาหารตามโรงแรม หาเองไปเอง เหนื่อยโครต!!! แต่ได้เงินเยอะอยู่นะ บางวันเรามีเรียนเช้าอ่ะ เรากลับมาถึงห้องก็เกือบเช้าแล้วจ้า งานเลิกเที่ยงคืน เค้ามีข้าวฟรีให้เราก็กินค่ะ แต่บางวันเรากลัวตกรถรอบที่รอเราก็จะไม่กิน คือถ้าไม่ทันรถรอบเที่ยงคืนนิดๆ เรก็ต้องรออีกทีตอนตี 2 อ่ะ แม่เจ้า!! รวมๆคือถึงหอพักประมาณตี 3-4 ค่ะ เราสนิทกับน้ายามหน้าหอไปแล้ววว555 พอลงรถเมล์แล้วเราก็ต้องเดินเข้าหออีก 1 กม.นะ เพราะตอนนั้นเราหาวินไม่ได้แล้วอ่ะ แต่บางทีก็เจอน้าวินน่ารักค่ะ เค้าจะไแส่งเราที่หอให้ฟรีเลย เค้าบอกว่ามันดึกแล้วนะ ทำไมเดินกลับคนเดียวแบบนี้ ทางมันเปลี่ยวนะหนู หึๆๆ ห่วงเรากว่าคนในครอบครัวอีกค่ะ ซึ้งใจจริงๆ

สภาพคือนอนได้ไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นไปเรียนแล้วอ่ะ เพราะเรามีคิวการอาบน้ำค่ะ บางทีเรากลับมาแล้วชิงอาบน้ำก่อนเลย แล้วก็นอนรอเปลี่ยนชุดไปเรียนตอนเช้า สภาพคือถ่างตามาเรียนตลอดๆ แต่ไม่เคยขาดเรียนถ้าไม่จำเป็นนะ เราว่าถ้าเราไปทำงานได้ เราก็ต้องไปเรียนได้แหละ หนักสุดๆที่เคยเจอมาคือ กลับจากทำงานตอนตี 4 ตื่นไปเรียนตอนเช้าของอีกวัน แล้วตอนบ่ายที่ไม่มีเรียนก็รีบไปทำงานต่อจนกลับมาถึงห้องอีกทีก็ตี 4 ของอีกวันค่ะ เราไม่อยากขอเงินที่บ้านแล้วไง พยายามช่วยตัวเองให้มากที่สุด รายจ่ายก็มีค่ากิน ค่าเดินทาง ค่าอุปกรณ์การเรียน ค่าใช้จ่ายส่วนตัว ค่าหอพักค่ะ หาเองหมดตั้งแต่ไปอยู่ที่นั่น จนตอนนี้เราเรียนจบแล้วนะ^^ ภูมิใจค่ะที่จบได้ด้วยตัวเองจริงๆ แต่มีหนี้ที่กู้เรียนมาเป็นแสนๆเลยจ้าา555 น้ำตาจิไหล ที่บ้านก็ไม่เคยถามถึงหนี้เราเลยนะ ได้แต่ให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ ชี้นิ้วสั่ง บลาๆๆๆ ส่วนหนึ่งคงเพราะเราไม่เถียงไง เราง่ายๆอ่ะ 

ตอนเรียนถึงมันจะเหนื่อย แต่มันทำให้เรามีความสุขมากๆเลยนะ เราได้ทำอะไรรหลายอย่างโดยที่ไม่ต้องอยู่ในสายตาของคนที่บ้าน ไม่ต้องโทรรายงาน เพราะเค้าไม่เคยโทรมาถาม ออกเที่ยวได้สบายใจ ไปร้านเหล้า กลับห้องตอนเช้าเลยก็ยังได้ แต่เราไม่ใช่คนเหลวไหลอ่ะ เราโตพอที่จะแยกแยะอะไรได้ด้วยตัวเองแล้ว เรารู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี ตอนนั้นคือเราสนุกกับการใช้ชีวิตมากๆเลย ได้มีเพื่อนๆ แต่ก็ยังมีเรื่องปวดหัวที่บ้านนี่แหละที่ทำให้เราเครียดได้ตลอด

เรื่องของเรามีอีกเยอะ เดี๋ยวมาต่อนะ^^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่