ปัญหา Covid-19 เปลี่ยนให้เป็นโอกาส ไหนเรื่องเรียนทางโลกก็ชะงัก หันไปทางธรรมสักพรรษา ดีเหมือนกัน

จากปัญหา Covid-19 ที่ส่งผลไปหลายเรื่อง ลูกชายคนโตผม ก็เผ่นกลับจากสวิส หยุดเรื่องเรียนก่อนเลย  เผ่นกลับมาจากสวิส ==>
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อยู่ที่ไทย ก็มาทดลองเรียน Online แล้ว บอกไม่สะใจ บางวิชาเรียนไม่ได้ ขาดทักษะ เช่น วิชาไวน์ มันอธิบายผ่าน Online ไม่ได้ ไม่ได้กลิ่น ไม่ได้ลิ้มรส เป็นต้น เลยว่าปลายปีจะกลับไปเรียน 
         เมื่อสองสามสัปดาห์ก่อน ที่สวิสแจ้งมาว่า Back to Normal กลับมาเรียนได้แล้วนะ รัฐบาลอนุญาตแล้ว (แต่ยอดคนติดเชื่อก็ยังมีเพิ่มอยู่ ผู้เสียชีวิตก็มีเพิ่มอยู่ เขาบอกไม่มีอะไรน่ากลัว แต่เรายังไม่เอาด้วย) เลยคิดว่าไม่รีบ ไปปลายปีดีกว่า 

         ลูกคนเล็ก จบ High School จาก นิวซีแลนด์มา อายุไม่ถึง 16 เลยไปสอบเรียน PC ที่มหิดล เรียนได้ 1 เทอม มาเจอ Covid-19 เข้า เขาเลยไม่อยากเรียนผ่าน Online รออายุครบ 17 ปี จะสอบเข้าจุฬาอินเตอร์ ก็คือรอปลายปี ถึงครบ 17 ปี
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
         ทุกอย่างหยุดหมด  กักตัวอยู่บ้าน เด็กๆ อยู่หน้าจอ ดูหนังเล่นเกมส์ นั้นคือ รอ 
การรอ คือ ไม่มีประโยชน์ มานึกว่า ไหนๆ ก็รอ ปลายปีถึงไปเรียน ยังอีกตั้งหลายเดือน งั้นน่าจะไปเข้าหลักสูตรการพัฒนาจิตใจ ศึกษาหลักธรรม น่าจะดี สำหรับคนรุ่นใหม่ 
         เลยคุยกับลูกๆ ว่า ให้ไปศึกษาดู คนที่ประสบความสำเร็จ นักธุรกิจหลายๆ คน เช่น Steve Jobs , Jack Dorsey หรือ Richard Branson เป็นต้น ฯลฯ คนพวกนี้ล้วนฝึกสมาธิ ไหนๆ ช่วงนี้ก็กลับไปเรียนไม่ได้ ก็ไปเรียนหลักธรรม ธรรมะ ฝึกกรรมฐาน เอาสัก 1 เทอม ก็คือ 1 พรรษาน่าจะดีนะ ปริญญานะไม่สำคัญหรอก ขอให้พื้นฐานจิตใจมั่นคง ความสำเร็จก็ไม่ยาก ผมก็พาคนโต ไปนั่งคุยกับนักธุรกิจหนุ่ม จบโทจากบอสตันและฮาร์วาร์ด  2 ใบ เป็นเจ้าของธุรกิจโซลาเซลล์ อายุไม่ถึง 40 แต่ศึกษาธรรมะ นั่งสมาธิ ฝึกกรรมฐาน 
         คนโตก็คล้อยตามและเห็นด้วย แต่ก่อนหน้านี้ คนเล็กไม่อยากบวช เพราะกลัวเรื่องต้องเรียนและสอบนักธรรม ที่กลัวคือ ภาษาไทยไม่แข็งแรง 
         คุยกันประมาณ 1-2 สัปดาห์ สรุปว่า =è คนพี่พร้อม บวช แต่คนน้องยัง ก็เลยให้เขาคุยกันเอง ไม่บังคับ 
       ที่ไหนดี? ===>  ก็ไปดูสองสามที่ ในเมืองหลวง ในบางกอก สรุปคือไม่ชอบ อึดอัด 
            คืนหนึ่ง เจ้าพี่ชายมาบอกว่า "น้องเพชรบอกว่า จะยอมบวช แต่ขอเป็นวัดต่างจังหวัด ไม่เอาวันในกรุงเทพในเมือง"
         เลยหาทางเลือกไว้ 2 ทาง คือ
1.  วัดป่าดาราภิรมย์ อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ อันนี้เพราะมีบ้านอยู่ที่เชียงใหม่ 
2.  วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร จ.ชลบุรี อันนี้เพราะอยากให้เขาไปบวชที่วัดของสมเด็จพระสังฆราช พระญาณสังวรฯ (มีความผูกพันในอดีต) 

      สรุปคือ เขาเลือกไป วัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร ซึ่งผมก็ดีใจด้วย เพราะที่วัดนี้ มีพระอาจารย์สุชาติ ท่านสอนกรรมฐาน และท่านเจ้าอาวาส ก็ใจดี แต่เข้มงวด เป็นท่านเจ้าคุณทั้งสองรูปที่มีวัฏปฏิบัติดีมาก 

       การบวชเหมือนจะยุ่งยากมากขึ้น ปัจจุบันต้องไปตรวจสอบประวัติ ที่สำนักพระพุทธศาสนา ซึ่งเขาจะประสานกับกรมราชทัณฑ์ หรือสถานีตำรวจ , ต้องมีใบตรวจสุขภาพ จากแพทย์ มาเขียนใบรับรอง คือให้พ่อแม่หรือบุคคลเชื่อถือได้ให้การรับรอง จากนั้นก็นัดวัน มาฝากตัว เตรียมดอกไม้ธูปเทียน มากราบฝากตัวกับพระอุปัชฌาย์ แล้วอยู่ฝึกตนอีก 7 วัน ซึ่งก่อนหน้าที่จะมาที่วัด ก็ให้ฝึกสวดคำขอบวชมาก่อนบ้างแล้ว อันนี้ก็ต้องดูว่า วัดที่เราจะบวชเป็นสายไหน เช่น ที่นี่เป็นธรรมยุต ก็สวดเอสาหัง หรือ ดูใน YouTube คำขอบวชธรรมยุติหรือสายวัดบวร เป็นต้น 
        การมาอยู่วัดก่อน ต้องฝึกปรับตัว ตื่นตีสามกึ่ง สวดมนต์ทำวัตรเช้า ไปเป็นเด็กวัด ช่วยพระบิณฑบาตร พระท่านส่วนใหญ่จะฉันเช้า มื้อเดียว ฉันในบาตรคือในภาชนะเดียว ฝึกสวดคำขอบวช ทำวัตรเย็น  

        การบวชที่วัดนี้ก็จัดง่ายๆ ทำทักษิณาวรรต 3 รอบแล้วก็เข้าโบสถ์ การเดินรอบโบสถ์ ก็ไม่ต้องเอาอะไรมาแห่ เอาเท่าที่จำเป็น เช่น  อัฐบริขารที่จำเป็น เช่น ผ้าไตรจีวร , บาตร ธูปเทียนแพ กราบพระอุปัชฌาย์ , ดอกไม้กราบขอขมาพ่อแม่ และเครื่องไทยธรรม (จัดเท่าที่สมควร) ส่วนปัจจัย ที่วัดไม่จำกัด ไม่มีข้อกำหนด เอาเท่าที่ญาติโยมสะดวกไม่เดือดร้อน พระที่นี่ มีแต่แนะให้พอเพียง ทำแต่พอควร ส่วนใครทำเหรียญโปรยทานก็ทำได้ แต่ไม่ให้โยน ให้ยืนแจกจ่ายไป 
  



         28 มิถุนายน ที่ผ่านมา ก็ได้บรรพชาอุปสมบท เป็นพระไป 1 รูป และบรรพชา เป็นสามเณร อีก 1 รูป คือ อยู่ศึกษาพระธรรม เรียนธรรมะ และฝึกกรรมฐาน ที่วัดนี้ แม้เข้าพรรษาก็บิณฑบาต หยุดวันเดียว น่าจะวันตักบาตรเทโวโรหณะ รวมแล้ว คือ 1 พรรษา ดูจากเวลาแล้ว น่าจะไปสึกเอาช่วงกฐินแล้ว (คือตั้งแต่วันแรม 1 ค่ำ เดือน 11 ไปจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 ) คือ สิ้นสุดที่วันลอยกระทง 


 
        ก็ขอแบ่งบุญกุศลนี้ ให้กับทุกๆท่าน ขอกุศลของเครื่องอัฐบริขาร ประกอบด้วยผ้าไตร จีวรและบาตร เป็นต้น ได้ส่งผลให้ท่านทั้งหลายมีสุขภาพแข็งแรง มีอายุ วรรณ บริบูรณ์ อานิสงส์ของบาตร ส่งผลให้ท่านเป็นผู้ได้รับจากผู้อื่นมิได้ขาด มีผู้ใส่ผู้ให้ทุกวัน มีอิ่มมีเต็มนะครับ
 
เด็กรุ่นใหม่ ต้องสัก 1 พรรษา (ก็ประมาณ 1 เทอม) 
ก็ไหนๆ ยังไม่เหมาะที่จะกลับไปเรียนที่สวิส หรือรอเรียนต่อในไทย ก็ไปเรียนกรรมฐาน สัก 1 หลักสูตร  ดีเหมือนกัน

อานิสงค์จาก Covid-19
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่