ใครจะคิดว่าสถานการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าที่ต้องปิดให้บริการ ร้านทำผมที่ต้องหยุดกะทันหัน แม้กระทั่งร้านอาหาร บริการต่างๆ มีคำสั่งทุกคนอยู่ในบ้านเพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และเมื่อเทียบกับประเทศอื่นก็ยังถือว่าเราควบคุมการแพร่ระบาดได้ดีกว่าหลายๆ ประเทศที่เจริญกว่าด้วยซ้ำ
สิ่งที่ทำให้เราได้รู้ในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คือการมีเงินเย็นอยู่ในกระเป๋า มีเงินออมที่แบ่งเก็บไว้ ทำให้หลายๆ ครอบครัวยังพอจะพยุงกันไปได้ช่วงระยะหนึ่ง ไม่ถึงกับต้องเป็นหนี้สินจำนวนมาก แต่ในขณะที่บางครอบครัวก็ต้องชะงักกันไป เพราะรายได้ที่หยุดอย่างกะทันหันไปด้วย จากวันนี้ไปสิ่งที่เราต้องทำให้ได้ คือ “การออมเงิน” มาดูกันค่ะ ว่าจะเริ่มยังไงได้บ้าง
◆ เก็บก่อนใช้ คำนี้ได้ยินกันมานานแสนนาน แต่รอบนี้เรารู้กันดีแล้วว่าสิ่งนี้สำคัญกับชีวิตเรามากแค่ไหน ดังนั้นต้องใจแข็งและแบ่งเงินออกเป็นส่วนๆ ให้ได้ ส่วนที่ต้องการใช้ก็ต้องกำหนดให้เหมาะสม ไม่ตึงจนเกินไป จะได้ไม่ต้องรบกวนส่วนที่เราตัดสินใจว่าจะเก็บไว้ค่ะ
◆ หาแหล่งออม กำหนดแหล่งออมเงินแบบเป็นระบบ เช่น เปิดบัญชีฝากประจำ เพื่อบังคับว่าต้องมีเงินส่วนที่ต้องโอนเข้าบัญชี้นี้เสมอให้ได้ หรือการออมผ่านระบบของรัฐ เช่น กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. ที่มีการออมอย่างต่ำที่ 50 บาท/ครั้ง/เดือน นอกจากจะได้ดอกเบี้ยแล้ว กอช. ยังสมทบให้อีกด้วยค่ะ
◆ วางแผนการจ่าย จัดระบบการจ่ายเงินให้ดี ว่าต่อวันหรือต่อสัปดาห์ เช่น มีเงินเดือน 15,000 บาท หักเงินออม+ค่าเช่า+ค่าน้ำ+ค่าไฟ+ค่ารถไฟฟ้า เหลือเงิน 8,000 บาท นำมาหาร 30 วัน ก็จะมีเงินใช้ต่อวันได้ประมาณ 266 บาท/วัน
สรุป การออมเงินขึ้นอยู่กับรูปแบบรายได้ ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแต่ละคน ดังนั้นหาวิธีที่เหมาะสม ไม่อึดอัดจนเกินไป และสามารถทำได้จริง
อาจจะใช้หลายวิธีผสมผสานกัน ซึ่งทุกวิธีมีเป้าหมายเดียวกัน คือ การมีเงินเก็บไว้ใช้ยามฉุกเฉิน นั่นเองค่ะ
*******************************************************************************
โควิดครั้งนี้ รู้แล้วต้องมี “เงินออม”
◆ หาแหล่งออม กำหนดแหล่งออมเงินแบบเป็นระบบ เช่น เปิดบัญชีฝากประจำ เพื่อบังคับว่าต้องมีเงินส่วนที่ต้องโอนเข้าบัญชี้นี้เสมอให้ได้ หรือการออมผ่านระบบของรัฐ เช่น กองทุนการออมแห่งชาติ หรือ กอช. ที่มีการออมอย่างต่ำที่ 50 บาท/ครั้ง/เดือน นอกจากจะได้ดอกเบี้ยแล้ว กอช. ยังสมทบให้อีกด้วยค่ะ
◆ วางแผนการจ่าย จัดระบบการจ่ายเงินให้ดี ว่าต่อวันหรือต่อสัปดาห์ เช่น มีเงินเดือน 15,000 บาท หักเงินออม+ค่าเช่า+ค่าน้ำ+ค่าไฟ+ค่ารถไฟฟ้า เหลือเงิน 8,000 บาท นำมาหาร 30 วัน ก็จะมีเงินใช้ต่อวันได้ประมาณ 266 บาท/วัน