พ่อแม่กดดันเรื่องการเรียน ทำยังไงให้ชิน

เราศีกษาอยู่ที่โรงเรียนหนึ่งเป็นโรงเรียนที่มีโปรไฟล์ดีมากด้านการเรียน พ่อแม่เราตัดสินใจบังคับเราเข้าเรียนที่นี้ ในช่วงปีแรก เนื้อหาการเรียนมันยากมากและสภาพสังคมที่นั้นต้องทำให้เราปรับตัวอีกหลายอย่าง เราเริ่มตีกรอบให้ตัวเองว่า ยากขนาดนี้ เราทำไม่ได้หรอก เราไม่ได้เก่งขนาดนั้น เราเริ่มติดเพื่อน ติดเกม ใช่ค่ะ สุดท้ายเทอมแรกเราได้เกรด3.00 เราไม่ได้ดีใจแต่ก็ไม่ได้เสียใจเพราะคิดว่าเราได้เท่านี้กับโรงเรียนที่ยากขนาดนี้มันดีแล้ว แต่ทุกอย่างไม่ใช่อย่างงั้น พ่อแม่เราโมโห ตะคอก ตะโกน ว่า ด่า ตอนนั้นเราไม่เข้าใจ ทำไม ทำไม ทำไม มีแต่คำนี้ในหัว จนเทอมต่อมาเราขยันขึ้น ไม่ค่อยติดเพื่อน ไม่ค่อยติดเกม แต่เกรดออกมาก็คือ 3.03 ความรู้สึกตอนน้นแตกสลาย นึกถึงหน้าพ่อแม่ว่าเขาคำแรกที่เขาจะพูด เราหวังว่าเขาจะบอกว่า ไม่เป็นไร ทำดีแล้ว แต่มันไม่ใช่เลย เขาบอกกับเรา ลาออกจะดีกว่านะ เราจบ เราสิ้นหวัง เราปฏิเสธเขาทุกอย่างเท่าที่ทำได้ แต่มันไม่น่าเชื่อจริงๆว่าเราได้เจอครูคนนึงที่สอนพิเศษเราที่บ้าน เขาบอกกับเราว่า ครูขอโทษ ที่ช่วยให้เราไปถึงฝันไม่ได้ ครูขอโทษนะ แต่เรามาเริ่มต้นใหม่ตอนชั้นเรียนหน้ากันนะ  ครูยิ้มให้เราพร้อมแววตาเศร้าๆ มันทำให้เราพูดออกไปก่อนที่สมองจะคิด ว่า ครูหนูสัญญาว่าหนูจะเป็นคนใหม่ หลังจากขึ้นชั้นเรียนใหม่ เราเลิกเล่นเกม เลิกติดเพื่อน กลับมาบ้านอ่านหนังสือ ตั้งใจเรียนในห้องขึ้น ทำโจทย์คณิตถ้าให้นับคงจะเกือบพันข้อ ทำแล้วทำอีก จนเกรดเราขึ้นมาอยู่ที่ 3.66 เราดีใจมากๆ เราตีกรอบนั้นทิ้งออกไป และสร้างมันใหม่ว่า ลองให้สุดก่อนจะบอกว่าทำไม่ได้ เรารีบไปบอกพ่อแม่เรา เราพูดด้วยน้ำเสียงแววตาท่าทางที่มีความสุขจริงๆ แต่เหมือนมันยังไม่พอสำหรับเรา เราเลยพยายามขึ้นอีก นอนดึกเพราะอ่านหนังสือ เรียนพิเศษเยอะขึ้น ไม่ได้ไปเที่ยวเหมือนเพื่อน รีบกลับบ้านพอเลิกเรียน จนมันเริ่มไม่ไหว ตัวเราเริ่มเหนื่อย เลือดกำเดาไหลออกบ่อยเวลาทำโจทย์คณิตไม่ได้ เริ่มตีหัวตัวเองเพื่อให้อาการปวดหัวหายไปชั่วขณะ เริ่มร้องไห้ เริ่มรู้สึกไม่ไหว ทุกครั้งที่เหนื่อยเราจะนึกถึงคำสัยญา ที่มีให้ครูคนนั้นไว้ และเราพยายามสุดตัว เราไม่มีอะไรแล้วนอกจากพยายามและปลอบใจตัวเอง ผลสรุปออกมาเราได้เกรด 3.81 เราอึ้ง เราพูดอะไรไม่ออก น้ำตามันไหลออกมา เราดีใจมากๆ เราสอบได้ที่3ของห้อง ครั้งนี้พ่อแม่ดีใจกับเราด้วยนะ แต่เหมือนมันก็ยังไม่พอ ความรู้ดีใจ ตื่นเต้น มันหายไปเลย เหลือแต่คำว่า ยังไม่พออีกหรอ แต่กำลังใจที่เราได้ดันมาจากคนนอกครอบครัว คือ ครูของเรา เขาบอกเราว่าครูยินดีด้วยนะที่ทำตามสัญญาที่ให้กับครูไว้ได้ ครูไม่เคยลืมสิ่งที่เราพูดออกไป เรากลั้นน้ำตาไม่อยู่ เปิดโปรไฟล์ไลน์ของครูแล้วกอดไว้ที่อก แต่เหมือนเรายังดีใจเต็มอกเพราะเหมือนพ่อแม่เรายังไม่พอใจ และขึ้นชั้นเรียนใหม่ โรงเรียนเราได้เรียนแบบออนไลน์เนื่องจากสถานการ์ณโควิด ทุกคนอาจคิดว่ามันปิดเทอมนานจนเบื่อ ใช่เราก็คิดอย่างงั้นเพราะกิเลสมันเริ่มแทรกเข้ามาในตัวเรามากขึ้น เราเริ่มขี้เกียจ เรายังไม่หายเหนื่อย เราไม่รู้ว่าครั้งนี้เราจะได้มากกว่าเดิมมั๊ย แล้วถ้าน้อยลงจะเป็นยังไง เราไม่อยากนึกเรื่องพวกนี แต่สมองเรากลับคิดเรื่องพวกนี้ตลอดเวลา  สุดท้าย เราบอกป้าเราว่าเราไม่ไหวแล้ว ป้าเราไปคุยให้ เราคิดว่าเรื่องทั้งหมดมันจะดีขึ้น เราคิดอย่างงั้นมาตลอดตั้งแต่ป้าเราคุยให้ แต่ล่าสุดเราบอกแม่ว่าเราสอบย่อยได้8เต็ม10นะ แต่รู้มั๊ยว่าเขาบอกเราว่าอะไร เขาบอกว่า ทำไมไม่ได้9หรือเต็มไปเลย นั้นแหละหลังจากนั้นเรามองว่าที่นี้ไม่ใช่ครอบครั้วไม่ใช่บ้าน แต่โชคร้ายก็เข้ามาอีก ครูเราบอกว่า เขาได้เป็นครูที่โรงเรียนโรงเรียนหนึ่ง  เราดีใจกับครูมาก แต่มันกลับกลายเป็นเขาไม่มีเวลาสอนเรา เราช้ากว่าที่เรียน ถึงทันเราก็ไม่เข้าใจ เราทำไม่ได้ เขายืนข้อเสนอว่า เอาครูคนใหม่มั๊ย ตอนนั้นเราโมโห โมโหมากๆ จนตัวเริ่มสั่น น้ำตาเริ่มไหล ขาเรายืนแทบไม่ไหว นั่งกุมหัวเข่าตัวเอง บอดออกมาเบาๆว่า ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร ทุกอย่างมันจะดีขึ้น 

ขอบคุณที่ทุกคนผ่านเข้ามาในนี้ ไม่ว่าจะอ่านจบหรือไม่จบ เราแค่ต้องการคำตอบว่า ทำยังไงให้ชินกับการถูกพ่อแม่กดดัน ขอบคุณทุกความคิดเห็นล่วงหน้านะคะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่