คุณ​เชื่อ​ใน​พรม​ลิขิต​ไห​มหรือ​แค่​เรื่อง​บังเอิญ​ที่​ท​ำ​ให้​ปวด​ตับ​เล่น?

เรื่องทั้งหมดมันเริ่มขึ้นเมื่อตอนต้นเดือนที่ผ่านมา (4 มิ.ย. 63)​ ผมได้เจอกับหลานสาวของพ่อเลี้ยง (ลูกของพี่สาวพ่อเลี้ยง)​ เธอพึ่งย้ายมาอาศัยอยู่กับครอบครัวของแม่ผม (ปกติผมไม่ได้อยู่กับแม่เพราะผมอาศัยอยู่ที่ ตจว. กับพ่อ)​ เนื่องจากช่วงเดือน มิ.ย. ผมว่างทั้งเดือนแม่เลยชวนผมมาอยู่ที่ กทม สักเดือนนึง ผมก็ตอบตกลง

ครั้งแรกที่ผมเจอเธอ(หลานสาวพ่อเลี้ยง)​ก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเห็นเป็นญาติฝั่งพ่อเลี้ยงผมก็เห็นเป็นน้องสาวอีกคนนึง (ผมมีพี่น้องคนละพ่อสองคน คือ น้องสาว และ น้องชาย)​ วันแรกก็ไม่ได้พูดไรกันมากเพราะพึ่งเคยเจอกันครั้งแรก (ในความคิดผมตอนนั้น  แต่แม่มาเล่าให้ฟังทีหลังว่าตอนเด็กๆเคยเจอกันแล้วแต่พอโตมากลับจำกันไม่ได้)! เข้าวันที่สี่ถึงเริ่มสนิทกันเพราะเล่นพวกบอร์ด​เกมและกิจกรรมในครอบครัว ผมสนิทกับน้องเค้าไวมาก(หรือเพราะน้องเค้าเป็นคนเฟรนลี่ก็ไม่รู้แต่ปกติผมเป็นคนค่อนข้างสนิทกับใครยากมากๆ)​ ผมเป็นคนแปลกอย่างนึงถ้าไม่สนิทผมจะนิ่งมากแต่ถ้าสนิทแล้วผมจะกวนตีนสุดๆ เช่น ชอบไปบีบแก้มน้องเค้า ไปเล่นหัวน้องเค้า

พออยู่ได้สักครึ่งเดือนผมก็เริ่มสังเกตุว่า น้องเค้ามีอะไรหลายๆอย่างเหมือนผมไม่ได้หมายถึงนิสัยนะ แต่เป็นพวกตำหนิบนร่างกาย เช่นไฝ่ที่ท้ายทอยตำแหน่ง​เดียวกับผม แผลเป็นแบบ เดียวกันที่นิ้วโป้ง(ของผมข้างขวาน้องเค้าข้างซ้าย)​คือรอยโดนบาดมีสองรอยบนล่าง เหมือนกันขนาดของแผลก็เท่ากัน เรื่องนี้ผมก็คิดว่ามันคงแค่บังเอิญละมั้ง

มีอยู่วันหนึ่งย่าของน้องเค้ามาเที่ยวหา(คือแม่ของพ่อเลี้ยงผมนั้นแหละ)​คุณ​ย่าเค้าเป็นคนที่แบบอินดี้นิดนึงคิดอยากจะพูดอะไรก็พูดแถมปากร้ายอีก คุณย่าเค้าเห็นผมเล่นกับน้องเค้าแบบสนิทสนมเกินไปเลยไม่พอใจผม เรียกน้องเค้าไปคุยประมาณว่า อย่าไว้ใจผู้ชายให้มากที่เค้ามาทำดีด้วยเพราะเค้าต้องการหรือหวังอะไรจากเราประมาณนี้ พอเรียกน้องเค้าไปคุยเสร็จแล้วผมก็พอมองสีหน้าน้องเค้าออกแหละ แต่มันยังไม่พอแค่นั้นคุณย่ามาพูดต่อหน้าผมอีกแค่ไม่ได้ด่าโดยตรงประมาณว่ากระแทก-ดันไม่พูดชื่อแต่คงจะด่าผมแน่ๆ ทีนี้พอแม่ผมได้ยินก็ทนไม่ไหวเข้ามาปกป้องผม เรื่อง​มันก็บานปลายไปกันใหญ่แต่สุดท้ายก็จบได้แต่ไม่ได้สวยมากนักคุณย่ากลับบ้านไปทิ้งให้ผมกับน้องเค้ามีความรู้สึกแบบแปลกๆถึงขั้นมองหน้ากันไม่ติดไปสองวันเต็มๆ

ทีแรกผมก็คิดว่าที่คุณย่าพูดมันก็มีเหตุผลเค้าห่วงหลานเค้าก็ถูกแล้ว ชายหญิงที่ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันไม่ได้เป็นญาติพี่น้องกัน สนิทสนมกันมากไปคงไม่ดี ผมเลยคิดจะตีตัวออกห่างจากน้องเค้าดีกว่าเพราะไม่อยากให้เกิดเรื่องอะไรหนักกว่านี้(หมายถึงไม่อยากให้คุณย่ากับครอบครัวของแม่ผมต้องมาทะเลาะกันเพราะผม)​ คือผมเว้นระยะจากน้องเค้าแบบห่างมากยิ่งกว่าคนกลัว โควิด (ช่วงนี้เป็นช่วงที่ผมเหมือนรู้สึกอกหักทั้งๆที่ผมกับน้องเค่าไม่ได้เป็นอะไรกัน)​ เข้าวันที่สองน้องเค้าก็รู้สึกได้ว่าผมเปลี่ยนไป น้องเค้าเลยเข้ามาคุยว่าไม่ต้องคิดมากหรอกลับมาสนิทกันเหมือนเดิมได้ไหม(น้องเค้าร้องไห้ด้วยผมก็เป็นคนขี้สงสารเลยไม่สนใจคุณย่าแล้ว ให้ผมทนใจแข็งเห็นผู้หญิงร้องไห้เพื่อให้คนแก่สบายใจ ผมไม่เอาด้วยหรอก)​ ผมยื่นมือออกไปเช็ดน้ำตาให้น้องเค้าแล้วบีบแก้มและทำตัวแบบปกติ (ตอนนี้ใจผมสั่นแปลกๆแล้ว)​ คืนนั้นผมคุยกับน้องเค้ายันตีสาม

พอตื่นมาอีกวันมันโล่งมากเหมือนยกเขาออกจากอก ตั้งแต่วันนั้นผมรู้สึกได้ว่าผมอาจจะเริ่มชอบน้องเค้าแล้วนิดหน่อย จากที่เห็นเป็นผู้หญิงธรรมดาพอมองดีๆน้องเค้าก็น่ารักเหมือนกัน เวลามันผ่านมาเรื่อยๆจนเกือบจะได้เวลาที่ผมจะต้องกลับ ตจว. แล้ว ผมต้องเก็บความรู้สึกนี้ไว้เพราะด้วยเหตุผลที่ว่า ตอนที่แม่ผมทะเลาะกับคุณย่าของน้องเค้าแม่ผมบอกกับคุณย่าว่าผมไม่ได้คิดอะไรกับน้องเค้าเลยสักนิด(แม่ไม่ถามผมเลยสักคำ)​ผมเลยต้องทำเป็นไม่ได้ชอบเพราะไม่อยากให้แม่เสียหน้า และอีกอย่างน้องเค้าก็พูดซ้ำไปอีกประโยค​ด้วยว่าเห็นผมเป็นพี่ชายที่ดีคนนึง เสริมอีกว่าถ้าคบกับผมคงขยะแขยงน่าดู(เศร้าโว้ยยยย)​(แต่ก็รู้สึกขอบคุณ​ที่​ปกป้องผม)​สุดท้ายแล้วผมมันก็แค่คนที่แอบชอบฝ่ายเดียว คงเจ็บจี๊ด​ไปสักพัก ขอบคุณ​ที่อ่านจนจบครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่