⚘/มาลาริน/เฮ!อีก 2วันติด โควิดไทยเป็น 0 ทั้งนำเข้า-ในปท. เปิด10 ข้อกังวลผู้ปกครองฝากรัฐ-ร.ร.เข้ม อย่างนี้ต้องคงพ.ร.ก.ค่ะ

เฮ!อีก 2 วันติด โควิดไทยเป็น 0 ทั้งนำเข้า-ในปท.



เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.63 เพจศูนย์ข้อมูลโควิด-19 ได้รายงานสถานการณ์ผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศไทย ซึ่งล่าสุดวันนี้ยังไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ รวมยอดผู้ติดเชื้อสะสม 3,162 ราย ไม่มีผู้เสียชีวิต รวมยอดผู้เสียชีวิตสะสมยังคงเดิมที่ 58 ราย ยอดรวมผู้ป่วยรักษาหาย 3,053 ราย และยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล 51 ราย
 
และเป็นวันที่ 34 แล้วที่ประเทศไทยไม่พบผู้ติดเชื้อภายในประเทศ

https://siamrath.co.th/n/165860

โพลเปิด‘10 ข้อกังวล’ผู้ปกครองกรณี‘เปิดเทอม’1ก.ค. ฝากรัฐ-โรงเรียนเข้มป้องโควิด

วันอาทิตย์ ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2563, 08.09 น.



โพลเปิด‘10 ข้อกังวล’ผู้ปกครองกรณี‘เปิดเทอม’1ก.ค. ฝากรัฐ-โรงเรียนเข้มป้องโควิด
 
28 มิถุนายน 2563 “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชนเรื่อง “ประชาชนคิดอย่างไร? กับ การเปิดภาคเรียนทั่วประเทศ (วันที่ 1 ก.ค.63)” ดำเนินการสำรวจระหว่างวันที่ 23-27 มิถุนายน 2563 จำนวน 1,253 คน (สำรวจทางออนไลน์) เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชนกรณีวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 เป็นวันเปิดภาคเรียนทั่วประเทศ โดยกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสาธารณสุข และสถานศึกษาต่างๆ มีการเตรียมความพร้อมและกำหนดแนวทางการปฏิบัติให้ทุกฝ่ายได้ทราบ โดยเฉพาะความร่วมมือจากผู้ปกครองเรื่องความปลอดภัยในการแพร่ระบาดของโควิด-19 สรุปผลได้ ดังนี้

1.  ความวิตกกังวลของประชาชน กับ การเปิดภาคเรียน (วันที่ 1 กรกฎาคม 2563)
 
อันดับ 1 มาตรการป้องกันโควิด-19 ของสถานศึกษา 73.68%
อันดับ 2 การเรียนของบุตรหลาน/เรียนผ่านสื่อออนไลน์ 70.04%
อันดับ 3 การดูแลตัวเองของบุตรหลาน 69.83%
อันดับ 4 การดูแลบุตรหลานของสถานศึกษา 69.80%
อันดับ 5 สุขภาพ ร่างกาย 66.31%
อันดับ 6 สภาพอากาศ เข้าสู่ฤดูฝน 65.54%
อันดับ 7 อาหารการกิน 58.28%
อันดับ 8 ความปลอดภัย อุบัติเหตุ 57.03%
อันดับ 9 การเดินทาง การจราจร 56.42%
อันดับ 10 ค่าใช้จ่าย เช่น ค่าเทอม ชุดนักเรียน หนังสือ อุปกรณ์การเรียน 45.09%

2. สิ่งที่อยากฝากถึง “สถานศึกษา” คือ

อันดับ 1 กำหนดมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ให้ชัดเจนและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด 45.74%
อันดับ 2 ดูแลเอาใจใส่เด็กอย่างใกล้ชิด เช่น สวมหน้ากาก ล้างมือ รักษาระยะห่าง 32.27%อันดับ 3 จัดรูปแบบการเรียนการสอนให้เหมาะสม ทันสมัย ปลอดภัยมากที่สุด 16.08%
อันดับ 4 รักษาความสะอาด พ่นยาฆ่าเชื้อทั่วบริเวณก่อนเปิดเรียนและหลังเลิกเรียน 15.13%
อันดับ 5 ครูต้องเป็นแบบอย่างที่ดี แนะนำ ให้ความรู้เพื่อห่างไกลจากโรคโควิด-19 6.50%

3. สิ่งที่อยากฝากถึง “รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” คือ

อันดับ 1 มีมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังโรคโควิด-19 ที่ชัดเจน เข้มงวด 42.40%
อันดับ 2 สนับสนุนงบประมาณ เครื่องมือ อุปกรณ์ ด้านการเรียนการสอนอย่างเต็มที่ 24.67%
อันดับ 3 จัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานศึกษาทุกแห่งโดยเคร่งครัด สม่ำเสมอ 17.20%อันดับ 4 สนับสนุน ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง เช่น ค่าเล่าเรียน ค่าเดินทาง 12.80%
อันดับ 5 การออกมาตรการต่างๆต้องคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมาด้วย 9.07%

* หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ)

ทั้งนี้ “สวนดุสิตโพล” ระบุว่า จากการสำรวจ พบว่า สิ่งที่ประชาชนวิตกกังวลเกี่ยวกับการเปิดภาคเรียน (วันที่ 1 กรกฎาคม 2563) มากที่สุด คือ มาตรการป้องกันโควิด-19 ของสถานศึกษา ร้อยละ 73.68 รองลงมาคือ การเรียนของบุตรหลาน การเรียนผ่านสื่อออนไลน์ ร้อยละ 70.04 และการดูแลตัวเองของบุตรหลานที่สถานศึกษา ร้อยละ 69.83
 
สิ่งที่อยากฝากถึง “สถานศึกษา” คือ ควรกำหนดมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ให้ชัดเจนและปฏิบัติอย่างเคร่งครัด  ร้อยละ 45.74 ควรดูแลเอาใจใส่เด็กอย่างใกล้ชิด เช่น สวมหน้ากาก ล้างมือ รักษาระยะห่าง ร้อยละ 32.27 และจัดรูปแบบการเรียนการสอนให้เหมาะสม ทันสมัย คำนึงถึงความปลอดภัยให้มากที่สุด ร้อยละ 16.08

สิ่งที่อยากฝากถึง “รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง” คือ มีมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังโรคโควิด-19 ที่ชัดเจน เข้มงวด ร้อยละ 42.40 สนับสนุนงบประมาณ เครื่องมือ อุปกรณ์ ด้านการเรียนการสอนอย่างเต็มที่ ร้อยละ 24.67 และจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบสถานศึกษาทุกแห่งโดยเคร่งครัด สม่ำเสมอ ร้อยละ 17.20

จากผลการสำรวจดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าผู้ปกครองที่เป็นกลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่กังวลเรื่องของมาตรการในการป้องกันโควิด-19 จึงอยากให้สถานศึกษากำหนดมาตรการในการป้องกันโควิด-19 ในสถานศึกษาให้ชัดเจน และควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ยังอยากให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการในภาพรวมที่ชัดเจน และทุกคนทุกฝ่ายควรปฏิบัติตามอย่างเข้มงวดด้วย



https://www.naewna.com/local/501936

ข่าวดีต้อนรับเปิดเทอมค่ะ

ถ้าจะให้เข้มก็ต้องคงพ.ร.ก.ฉุกเฉินไว้นะคะ....ท่านผู้ปกครอง....😄😄😄😄😄

ข่าววันนี้ยินดีมากค่ะ....😊😊😊😊😊


แก้ไข....เพิ่มตารางภาพจากโพลค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 26




รายงานข้อมูลสถานการณ์การติดเชื้อโควิด-19  ณ วันอาทิตย์ที่ 28 มิถุนายน 2563
ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่ และไม่มีผู้เสียชีวิต

ประเทศไทย
ผู้ติดเชื้อสะสม 3,162 ราย ใน 68 จังหวัด (ไม่มีรายงานผู้ติดเชื้อรายใหม่)
   -ไม่มีผู้ติดเชื้อรายใหม่จากภายในประเทศ ติดต่อกันเป็นวันที่ 34
   -และไม่มีผู้ติดเชื้อในกลุ่มผู้ที่กลับจากต่างประเทศใน State quarantine
เสียชีวิตรวม 58 ราย (ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นในวันนี้)
รักษาหายป่วยแล้ว 3,053 ราย (96.55%) (ไม่มีผู้ป่วยกลับบ้านเพิ่มขึ้น)

สถานการณ์โลกวันนี้จำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลกมากกว่า 10 ล้านรายแล้ว และมีผู้เสียชีวิตทั่วโลกมากกว่า 5 แสนราย โดยมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทั่วโลก 176,568 ราย และมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นกว่า 4,547 ราย

ทั้งนี้ วช. ได้ปรับรูปแบบการรายงาน โดยจะรายงานรวมทั้งในส่วนประเทศไทย อาเซียน และต่างประะเทศ ในรอบรายงานเดียวกัน และยกเลิกการรายงานในรอบเย็น

ประมวลข้อมูลโดย กรมควบคุมโรค และศูนย์ปฏิบัติการด้านนวัตกรรมการแพทย์ และการวิจัยและพัฒนา สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) กระทรวงการอุดมศึกษาฯ (อว.)
https://www.facebook.com/nrctofficial/posts/2889242124534674


ยอดผู้ใช้ไทยชนะ ประจำวันที่ 27 มิถุนายน 2563
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/157904592494540


ยอดผู้ติดเชื้อวันนี้เป็น 0
ในประเทศไม่มีผู้ติดเชื้อติดต่อกัน 34 วัน
ขอบคุณทุกความร่วมมือ
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/157886725829660


ส่วนที่สำคัญที่สุด ในการจัดการกับปัญหา COVID-19​ คือ
เราต้องพยายามหาความสมดุลที่ดี เพื่อที่จะทำให้เรามีผู้ป่วยน้อยที่สุด

ไม่เกินระดับที่เรารักษาได้ ในขณะเดียวกันไม่ก็ให้เกิดผลกระทบต่อวิถีชีวิต เศรษฐกิจ และสังคม มากจนเกินไป
และตอนนี้เราจัดการทั้งสองส่วนได้เป็นอย่างดี

ทั้งนี้ยังคงต้องอาศัยความร่วมมือป้องกันโควิดกับพี่น้องประชาชนต่อไป
เพื่อไม่ให้เกิดระบาดอีกในอนาคต

นพ.ธนรักษ์​ ผลิ​พัฒน์
รองอธิบดี​กรมควบคุม​โรค
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/157600819191584

ชูหลัก “ตอบสนอง ฟื้นตัว ยืดหยุ่น” พัฒนาเศรษฐกิจอาเซียน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวถ้อยแถลงในการพบหารือระหว่างผู้นำอาเซียน กับผู้แทนสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน (ASEAN-BAC) ผ่านระบบประชุมทางไกล โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้ความสำคัญของการมีส่วนร่วมจากภาคเอกชนในการรับมือกับโควิด-19 พร้อมที่จะสนับสนุนภาคเอกชนเพื่อให้ภูมิภาคอาเซียนขับเคลื่อนได้อย่างเข้มแข็งและยังยืน ด้วยหลักความร่วมมือใน 3 ระยะ หรือ 3R ได้แก่

1. “Responsiveness - ตอบสนอง” การตอบสนองต่อผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะการอำนวยความสะดวกการขนส่งสินค้า และรักษาความเชื่อมโยงในห่วงโซ่อุปทาน รวมทั้งหารือเชิงรุกกับประเทศสมาชิกอาเซียน
2. “Recovery - ฟื้นตัว” การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างแข็งแรง รักษาตลาดที่เปิดกว้างสำหรับการค้า การลงทุน ใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรีที่มีอยู่ และเพิ่มความตกลงกับประเทศที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะความตกลงทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP)
3. “Resilience - ยืดหยุ่น” การยืดหยุ่นในการรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านสาธารณสุขในอนาคต เร่งพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัล และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิก https://www.thaigov.go.th/news/contents/details/32838
https://www.facebook.com/informationcovid19/posts/157602072524792


ภารกิจที่ไทยผลักดันและให้ความสำคัญ ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนปี 2562 มีความคืบหน้าและประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม

ประเทศไทยได้ดำรงตำแหน่งประธานอาเซียนในปี 2562 โดยได้จัดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 และ 35 รวมถึงการประชุมที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ ตลอดปี 2562

ในการเป็นประธานอาเซียนไทยได้ผลักดันประเด็นต่าง ๆ ทั้งด้านการเมืองและความมั่นคง เศรษฐกิจ และสังคมและวัฒนธรรม ซึ่งหลายประเด็น มีความคืบหน้าและประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรม
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/posts/304749130910416


สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ไทยและประชาคมโลกอยู่ในช่วงกำลังปรับตัวกับชีวิตวิถีใหม่ และในขณะเดียวกันก็กำลังรับมือกับสภาพภูมิรัฐศาสตร์โลกที่ผันผวนมากขึ้นส่งผลต่อความมั่นคงและเสถียรภาพระหว่างประเทศ ซึ่งอาเซียนควรร่วมมือกันเสริมสร้างระบบภูมิภาคนิยมให้เข้มแข็ง และส่งเสริมการช่วยเหลือกันในระดับโลก

ในการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 36 ผ่านระบบการประชุมทางไกล นายกรัฐมนตรีได้เสนอ 3 แนวทาง เพื่อขับเคลื่อนอาเซียนในยุคหลังโควิด-19

1. เร่งดำเนินการตามแผนแม่บทว่าด้วยความเชื่อมโยงระหว่างกันในอาเซียน (MPAC) 2025 และส่งเสริมความเชื่อมโยงและการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว เพื่ออาเซียนที่เชื่อมโยงกันมากขึ้นอย่างแท้จริง นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีเห็นว่า อาเซียนควรเริ่มพิจารณาแนวทางการผ่อนคลายมาตรการที่เป็นอุปสรรคต่อการเดินทาง เพื่อช่วยฟื้นฟูธุรกิจและการเดินทางระหว่างกันของประชาชน

2. เร่งขับเคลื่อนบูรณาการทางเศรษฐกิจอย่างแข็งขัน และเร่งลงนาม RCEP ภายในปีนี้ เพื่อสร้างความเข้มแข็งจากภายในช่วยให้อาเซียนฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว และส่งเสริมการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล เพราะเศรษฐกิจดิจิทัลจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะเพิ่มมูลค่าจีดีพีของอาเซียนให้สูงขึ้น ตลอดจนต้องต่อยอดจุดแข็งด้านความหลากหลายทางชีวภาพโดยอาศัยเทคโนโลยีและนวัตกรรมตาม “โมเดลเศรษฐกิจ BCG”

3. เร่งเตรียมความพร้อมต่อความผันผวน และความท้าทายที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีขึ้นในระยะยาว โดยนายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้คณะมนตรีประชาคมอาเซียนทั้งสามเสาหลัก เริ่มจัดทำแผนฟื้นฟู เพื่อวางแนวทางให้แก่อาเซียนในอนาคต โดยต่อยอดจากความสำเร็จต่าง ๆ และควรครอบคลุมประเด็นความมั่นคงทางสาธารณสุข เสริมสร้างความมั่นคงทางอาหาร เสริมสร้างความมั่นคงของมนุษย์ และการป้องกันแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชน ซึ่งประเทศไทยได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ด้วย

อาเซียนต้องเร่งดำเนินการเชิงรุกเตรียมการในทุกมิติ ต้องยึดมั่นแนวทางการมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง และให้ความสำคัญกับการดูแลประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ซึ่งรวมถึงแรงงานข้ามชาติ โดยในตอนท้าย นายกรัฐมนตรีได้ร่วมรับรอง “วิสัยทัศน์ผู้นำอาเซียนว่าด้วยอาเซียนที่แน่นแฟ้นและตอบสนอง” พร้อมแสดงความมุ่งมั่นของไทยที่จะร่วมเสริมสร้างความร่วมมือและความเป็นปึกแผ่นในอาเซียน ควบคู่ไปกับการแสวงหาความเป็นหุ้นส่วนกับภาคีภายนอก
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/posts/304577097594286


อยากให้คนในสังคมคิดถึงผู้อื่นก่อนตนเอง โดยเฉพาะคนที่มีความพร้อมและมีศักยภาพสามารถช่วยคนอื่นได้

การพัฒนาคนต้องเริ่มตั้งแต่ต้นทาง คือสถาบันครอบครัว กลางทาง สถาบันการศึกษาทั้งระบบ ไปจนถึงปลายทาง การผลิตคนออกไปสู่สังคมในอาชีพต่างๆ

รัฐบาลพร้อมทำงานอย่างเต็มที่ “รวมไทยสร้างชาติ” ดึงภาคประชาชน เข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเพื่อให้มีคนดี คนเก่ง และคนกล้า ได้รับโอกาสเข้าสู่สังคมพัฒนาชาติไทยอย่างยั่งยืนในทุกมิติ
https://www.facebook.com/PMOCNEWS/posts/304195140965815


ผลเจรจาธุรกิจออนไลน์ไทย – เกาหลีใต้...ผ่านฉลุย

#ไทยคู่ฟ้า มีข่าวดีมาบอก! โครงการเจรจาธุรกิจออนไลน์สินค้าผลไม้ ผลไม้แปรรูป อาหารและเครื่องดื่ม และสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงกับประเทศเกาหลีใต้ ผลการเจรจาธุรกิจสำเร็จตามเป้าหมาย หลังจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงโซลได้จัดกิจกรรมเจรจาจับคู่ธุรกิจออนไลน์ไปแล้ว 2 ครั้ง คาดว่าจะมีการซื้อขายระหว่างกันกว่า 495 ล้านบาท

สำหรับผลการจัดเจรจาธุรกิจครั้งแรก มุ่งจำหน่ายผลไม้โดยผู้ซื้อคือ JooA Mango และ JALE Mango ได้เจรจาธุรกิจกับผู้ส่งออกไทยจำนวน 10 ราย สามารถตกลงซื้อมะม่วงมูลค่า 488,700,000 บาทต่อปี และครั้งที่ 2 เจรจาธุรกิจสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง ผลไม้ ผลไม้แปรรูป อาหารและเครื่องดื่มโดยผู้ซื้อคือ Lotte Mart ได้เจรจาธุรกิจกับผู้ส่งออกไทย 14 ราย คาดว่าจะมีการซื้อขายได้ประมาณ 7,336,155 บาท

ล่าสุดบริษัท Sky International ผู้นำเข้าผลไม้รายใหญ่อันดับ 2 ของประเทศเกาหลีใต้มีความต้องการเจรจากับผู้ส่งออกผลไม้ไทยโดยเฉพาะ “ทุเรียนไทย” ที่มีความต้องการกว่า 10,000 กล่องคิดเป็นมูลค่า 38.5 ล้านบาท ทั้งนี้ สคต.ณ กรุงโซลจะร่วมกับสำนักตลาดพาณิชย์ดิจิทัลจะนัดเจรจาการค้าออนไลน์โดยเร็วที่สุด

Cr. กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP)
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/945028182629655


เพิ่มอีก 2 สินค้า GI…“หอมแดง – กระเทียม” จากศรีสะเกษ

#ไทยคู่ฟ้า ของดีจากจังหวัดศรีสะเกษ “หอมแดง - กระเทียม” วันนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ หรือ สินค้า GI เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เนื่องจากหอมแดง และกระเทียมของจังหวัดศรีสะเกษมีกลิ่น และรสชาติที่โดดเด่นแตกต่างจากสินค้าประเภทเดียวกันที่มาจากแหล่งอื่น โดยหอมแดงมีเปลือกแห้งมัน สีแดงเข้มปนม่วง หัวมีลักษณะกลมกลิ่นหอมอร่อยเป็นเอกลักษณ์ ส่วนกระทียมมีเปลือกนอกสีขาวแกมม่วง เปลือกบาง หัวแน่น กลิ่นฉุน รสเผ็ดร้อน สามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่ฝ่อ

ปัจจุบันประเทศไทยมีสินค้าที่ขึ้นทะเบียน GI แล้วรวม 126 รายการ จาก 76 จังหวัดทั่วประเทศ โดยที่ผ่านมาสินค้า GI สร้างมูลค่าทางการตลาดให้กับชุมชนท้องถิ่นไปแล้วกว่า 5,300 ล้านบาท สำหรับประชาชนที่ต้องการเลือกซื้อสินค้า GI สามารถเข้าไปเลือกและชมสินค้าได้ที่ Facebook Fanpage : GI Thailand ซึ่งจะเป็นการช่วยกันผลักดันสินค้าท้องถิ่นที่มีคุณภาพไปสู่ตลาดทั้งใน และต่างประเทศต่อไป
https://www.facebook.com/ThaigovSpokesman/posts/944277916038015
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่