= ชีวิตและการผจญภัยของนักโทษผู้หลบหนี และ รอดชีวิตยาวนานกว่า 32 ปี ในออสเตรเลีย =

ชีวิตและการผจญภัยของวิลเลี่ยม บัคลีย์
The Life and Adventures of William Buckley

นักโทษในออสเตรเลียสมัยก่อน หากใครหลบหนีเข้าป่า ก็มักจะไม่รอดด้วยสภาพแวดล้อมอันโหดร้ายของประเทศออสเตรเลีย แต่ก็มีอยู่คนหนึ่งที่หลบหนีไปแล้วมีชีวิตรอดอย่างยาวนาน จนมีการนำมาเขียนเป็นหนังสือและใช้เป็นคำแสลงท้องถิ่นของคนออสว่า “You've got Buckley's Chance” แปลว่าคุณนะโชคดีแบบน่าเหลือเชื่อ คนนั้นก็คือนายวิลเลี่ยม บัคลีย์ ซึ่งต่อไปผมจะเรียกสั้นๆว่า ตาบัค


ในสมัยช่วงที่ประเทศอังกฤษเป็นยุคปฎิวัติอุตสาหกรรม มีผู้คนตกงานจำนวนมาก ด้วยความหิวโหย ผู้คนบางคนจึงก็คดีลักเล็กขโมยน้อย และกฎหมายในสมัยนั้นหากใครขโมยของที่มีมูลค่าเกิน 2 ชิลลิ่ง (ราวค่าแรง 1 วัน ในสมัยนั้น) รวมถึงบรรดาคนที่ขโมยปศุสัตว์ จะถูกจับเข้าคุกทั้งหมด ทำให้คุกในอังกฤษเต็มไปด้วยนักโทษ จนต้องใช้เรือเดินสมุทรเก่ามาทำเป็นคุกกลางน้ำ แต่ก็ยังไม่เพียงพอต่อปริมาณนักโทษอยู่ดี ในที่สุดรัฐบาลอังกฤษในขณะนั้นจึงใช้วิธีเนรเทศบรรดานักโทษสถานเบาเหล่านี้ ไปเป็นแรงงานไปบุกเบิกพื้นที่ในอาณานิคมอย่าง ออสเตรเลีย 

นักโทษที่ถูกส่งมายังออสเตรเลีย ด้วยความที่เป็นนักโทษคดีสถานเบาจึงไม่ค่อยก่อเหตุหรือวุ่นวายมากเท่าที่หลายคนคิด เพราะโดยเนื้อแท้ก็ไม่ใช่คนเลวร้าย ด้วยสภาวะเศรษฐกิจและตกงานจึงก่อเหตุลักเล็กขโมยน้อย แต่โทษของการขโมยขนมปังก้อนเดียวยุคนั้นก็ถูกเนรเทศได้  รวมถึงบางคนก็ถูกรังแกยัดข้อหาทางการเมือง เช่น ชาวไอริช ที่เรียกร้องเอกราชจากอังกฤษช่วงนั้น ก็ล้วนถูกจับลงเรือเนรเทศมาออสเพื่อทำงานแรงงาน



ในภาพคือนักโทษที่ขึ้นฝั่งที่นิวเซาท์เวล และกองทหารที่ถูกส่งมาคุม โดยที่นักโทษคนไหนมีความประพฤติดีก็จะถูกปล่อยตัว ส่วนนมากก็จะมาตั้งรกราก สร้างชุมชนในดินแดนแห่งนี้แทน

และการหลบหนีไปในดินแดนใหม่ที่ไม่รู้จักเป็นเรื่องบ้าเกินไป มีสัตว์พิษร้ายมากมาย คนพื้นเมืองที่อาจมาทำร้าย และสภาพแวดล้อมที่โหดร้ายกว่ายุโรป จึงไม่ค่อยมีคนกล้าหนีเท่าไร

กลับมาที่นายบัคลีย์ หรือตาบัค พระเอกของเรา แกเป็นคนอังกฤษแท้ๆ เกิดที่เชอเชียร์ ตอนใต้ของเมืองลิเวอร์พูล พออายุได้ 19 ปี แกเป็นหนึ่งในคนที่ถูกส่งเป็นทหารไปรบกับกองทัพนโปเลียนที่สมรภูมิในเนเธอร์แลนด์ แต่พอจบสงครามและย้ายมาอยู่ที่ลอนดอน


แกถูกจับข้อหาขโมยเสื้อผ้า ซึ่งตาบัคแกก็บอกว่า ผมไม่ได้ขโมย แค่มีผู้หญิงคนหนึ่งฝากให้ช่วยถือและผมก็ไม่รู้ว่ามันถูกขโมยมา แต่ในยุคนั้นคนธรรมดาช่างไร้สิทธิ์ไร้เสียง โทษของการขโมยแม้เพียงน้อยนิดก็ถูกเนรเทศ คุณงามความดีที่เคยไปรบเป็นทหารผ่านศึกก็ไม่ช่วยอะไร เขาถูกลงโทษเนรเทศมายังออสเตรเลียในปี คศ. 1803

มีการบันทึกลักษณะของตาบัค เป็นภาพวาดตอนที่เขามายังออสเตรเลีย โดย 1 ในผู้ก่อตั้งเมืองเมลเบิร์นอย่าง John Pascoe Fawkner ตอนนั้น Fawkner เพิ่งอายุ 11 ปี เดินทางมาในเรือพร้อมกันกับตาบัค เขาบรรยายว่าตาบัคเป็นคนร่างสูงใหญ่สูงราว 195 ซม. ตาเล็ก จมูกบี้ ลักษณะเหมือนขอทานหรือฆาตกร (แอบคิดว่าอาจเพราะลักษณะท่าทางของตาบัค จึงทำให้ตำรวจยุคนั้นมองว่า เจ้านี้ขโมยของแน่นอน ตัวใหญ่หน้าตาเหมือนผู้ร้าย ส่งมันไปออสเตรเลียซะเลย)


หลังจากตาบัคพร้อมกลุ่มนักโทษชุดเดียวกันขึ้นฝั่งที่ซิดนีย์ได้ไม่นาน เป็นช่วงปลายปี ค.ศ.1803 ช่วงนั้นทางรัฐบาลอาณานิคมที่ซิดนีย์ มีความกังวลว่าพื้นที่แถบที่เป็นเมลเบิร์นในปัจจุบันนี้ยังไม่มีใครครอบครองและอาจถูกฝรั่งเศสมาแย่งไปได้ จึงส่งพันเอก David Collins คุมกองทหารพร้อมนักโทษอีก 300 คน มาตั้งรกรากจริงจังที่บริเวณนี้ ซึ่งตาบัครวมถึงเจ้าหนู Fawkner ก็ถูกส่งมาในชุด 300 คนนี้ 



แต่เมื่อพันเอก Collins ได้ตั้งรกรากที่ the Mornington Peninsula ในปัจจุบันซึ่งอยู่ติดอ่าว  Port Philip ใกล้เมลเบิร์นอันเป็นช่วงธันวาคมปลายปี 1803 เขาพบว่าที่บริเวณนี้มีปลาวาฬและสิงโตทะเลให้ล่าค่อนข้างน้อย ไม่คุ้มแก่การตั้งรกรากแถมยังขาดแคลนน้ำจืดอีก ดินก็แย่เพาะปลูกไม่ได้ ตัวผมเองแอบแปลกใจทำไมท่านพันเอกไม่เข้าลึกไปในทวีป อีกนิดนึงก็ถึงบริเวณเมลเบิร์นที่อุดมสมบูรณ์แล้ว อยู่แต่ชายฝั่งจะมีน้ำจืดได้ไง และดินชายฝั่งมันจะเพาะปลูกได้ดีได้ไง

พันเอก Collins จึงวางแผนจะพากลุ่มคนที่มาจากนิวเซาท์เวลล์เหล่านั้น ข้ามไปตั้งรกรากที่เกาะแทสมาเนียแทนในต้นปี 1804 ซึ่งอยู่อีกฝากของช่องแคบ ซึ่งมีพื้นที่น่าจะเหมาะสมกว่า มีวาฬและสิงโตทะเลให้ล่าเอาไขมันได้ และน่าจะมีพื้นที่เพาะปลูกที่ดีกว่า  


ระหว่างที่กำลังจะอพยพย้ายถิ่นฐานไปตั้งรกรากบนเกาะแทสมาเนีย ได้มีนักโทษกลุ่มหนึ่งจำนวน 4 คนประกอบด้วย ตาบัคและพรรคพวกอีก 3คน โดยพวกเขาได้ตระเตรียมและขโมยข้าวของบางส่วนจากผู้คุมที่เมามายในคืนวันคริสต์มาส

ในขณะที่พวกเขากำลังจะหลบหนีเข้าป่านั้นผู้คุมดันเริ่มรู้ตัวและยิงใส่ผู้หลบหนี มีหนึ่งในพรรคพวกตาบัคถูกผู้คุมยิงและล้มลง ส่วนตาบัคและพรรคพวกที่เหลืออีก 2 คนหนีรอดจากผู้คุมไปได้ แต่ความน่ากลัวของสภาพภูมิประเทศเพิ่งจะเริ่มต้น ซึ่งบรรดาผู้คุมก็ไม่ได้ออกติดตามอะไร เพราะคิดว่ายังไงพวกนักโทษก็น่าจะไม่รอดและพากลุ่มนักโทษที่เหลือย้ายถิ่นฐานไปยังเกาะแทสมาเนียในต้นปีค.ศ. 1804
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่