Train to Penang : กรุงเทพ-ปีนัง นั่งรถไฟต่อเฟอร์รี่เกือบ 24 ชม. เพื่อไปไต่เชือกชมวิวบนตึก Komtar | Go Alone Around

Bangkok - Penang

6 - 8 March 2020 (Before COVID-19 Lockdown)



สวัสดีค่าทุกคน กลับมาพบกับการเดินทางของนิวกันอีกแล้วน้า
ครั้งนี้นิว backpack ไปปีนัง ประเทศมาเลเซีย ช่วงวันที่ 6-8 มีนาคม 63
ซึ่งเป็นช่วงที่ COVID-19 ระบาดในไทยแล้ว แต่ในมาเลเซียยังพบผู้ติดเชื้อน้อยกว่า
นิวก็เลยตัดสินใจไป โดยเมื่อกลับจากทริปนี้มาก็ต้องกักตัวตามระเบียบ 14 วันค่ะ

ทริปนี้นิววางแผนตั้งแต่ช่วงสิ้นปีที่แล้ว ว่าอยากจะไปเที่ยวปีนัง
เพราะเป็นที่ๆ สามารถใช้เวลาแค่เสาร์อาทิตย์ก็เที่ยวได้หมดแล้ว
ถึงเวลาจะน้อย แต่ก็อยากลองท้าทายตัวเองอีก จึงเดินทางไปปีนัง
โดยไม่นั่งเครื่องบินไป !  เหลือเวลาเที่ยวในปีนังแค่ 1 วันเต็มๆ
แล้วค่อยบินกลับในวันอาทิตย์รอบเย็น
ดูจะเป็นการเดินทางที่เหนื่อย และเหลือเวลาเที่ยวน้อย
แต่สำหรับนิว มันได้ประสบการณ์อะไรต่างๆ มากมาย
และเก็บที่เที่ยวได้ตามที่ต้องการเลยแหละ 
ถ้าใครสนใจอยากจะลองเดินทางไปเที่ยวแบบนี้ดู
เดี๋ยววันนี้นิวจะมาเล่าให้ฟังแบบละเอียดยิบ สำหรับทริปปีนังนี้เลยค่ะ

เชิญทุกท่านชม Vlog กันก่อนนะค้า 
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ต้องขอบอกทุกคนก่อนว่าทริปนี้นิวเดินทางไปคนเดียวนะคะ
ถ่ายวิดีโอ ตัดคลิป ถ่ายรูป แต่งรูป ทำเองทุกอย่างเลย 55555
อยากให้เพื่อนๆ ดู โดยเฉพาะสาวๆ ที่กังวลเรื่องการเที่ยวคนเดียว
ว่าจริงๆแล้ว ไปเที่ยวคนเดียวไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิดเลยนะ ยิ้ม


BUDGET : ค่าใช้จ่ายทั้งหมด 4,900 THB 

ตั๋วรถไฟกรุงเทพ-หาดใหญ่ = 1,105 THB
ตั๋วรถไฟหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ = 50 THB
ตั๋วรถไฟปาดังเบซาร์-บัตเทอร์เวิร์ธ = 11.4 RM (85 THB)
ตั๋วเรือเฟอร์รี่ = 1.2 RM (10 THB)
ค่าเครื่องบินขากลับ = 1,290 THB
ค่ากิจกรรม The Gravityz = 149 RM (1,090 THB)
ค่า cable car ขึ้น Penang Hill = 30 RM (220 THB)
ค่าที่พัก 1 คืน = 75.8 RM (550 THB)
ค่าเดินทาง+ค่ากินในปีนัง = 500 THB



- from Bangkok to Penang -

การเดินทางด้วยรถไฟ 3 ขบวน + เรือเฟอร์รี่ 1 ครั้ง
ใช้เวลาเกือบ 24 ชั่วโมง จะเป็นยังไงมาชมคลิปเต็มๆ กันก่อนเลย

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

ส่วนนี่คือตั๋วเดินทางทั้งหมดจ้า


ต่อที่ 1 : กรุงเทพ - หาดใหญ่

ด้วยขบวนรถไฟด่วนพิเศษทักษิณารัถย์ ขบวนที่ 31
กรุงเทพ-ชุมทางหาดใหญ่ ระยะทาง 946 กม.
ใช้เวลาประมาณ 10 ชม. (2.45 PM - 7.00 AM)
ซึ่งราคาแต่ละที่นั่งจะไม่เท่ากันนะ เช็คได้จากที่นี่

เราซื้อตั๋วแบบชั้น 2 เป็นตู้แบบ lady car ซึ่งมีแต่ผู้หญิงน้า
เดินทางคนเดียวก็ต้องเน้นความปลอดภัยก่อนเป็นอันดับแรก
และก็เลือกแบบเตียงล่าง เพื่อที่เวลานอนจะได้มีหน้าต่างเห็นวิว
แนะนำว่า ควรซื้อตั๋วไว้ล่วงหน้า โดยเฉพาะตู้นอน
แล้วยิ่งเป็นวันหยุดหรือเทศกาล ที่นั่งอาจจะเต็มได้

ภายในตู้ lady นั่งกันสงบเรียบร้อยมากจ้า

รีวิวห้องน้ำก็มา ส่วนนี้จะเป็นอ่างล้างมือ ล้างหน้านะ

ภายในห้องน้ำ สะอาดมากกกกกกขอบอก
ซึ่งห้องน้ำจะอยู่ระหว่างโบกี้รถไฟ จะมี 3 ห้องนะ 
เป็นห้องชาย 1 หญิง 2
แต่สำหรับตู้ lady พนักงานจะปิดห้องน้ำชายไปเลย

สำหรับสิ่งนี้ ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง
ของอร่อยประจำสถานีรถไฟราชบุรี "ก๋วยเตี๋ยวแห้ง"
กล่องละ 10 บาทเท่านั้น !!! ไม่อิ่มหรอก ต้องซื้อ 3 กล่องขั้นต่ำ
ช่วงที่รถไฟวิ่งถึงสถานีราชบุรี จะมีพ่อค้าแม่ค้าวิ่งมาขายถึงหน้าบันไดรถไฟเลย
บางคนถึงกับเดินขึ้นมาในโบกี้ สามารถเลือกซื้อของกินของฝากกันได้จ้า
แนะนำว่าควรซื้อของกินตุนไว้ เพราะว่าของกินบนรถไฟแพงมาก

อะนี่แหละ ตู้เสบียง แหล่งอาหารบนรถไฟ
ส่วนใหญ่เป็นเมนูข้าวกล่องเอามาเวฟ ซึ่งแพงมากๆ
เราเลยซื้อแต่ขนมกิน 5555555

พอช่วงเย็น พนักงานรถไฟก็จะเริ่มมาปูที่นอนให้แล้ว
อันนี้เตียงล่างของเราเอง ก็จะมีหน้าต่างชมวิวได้

ส่วนเตียงบนก็จะเป็นแบบนี้เลย
ไม่มีหน้าต่าง และเวลานอนไฟอาจจะแยงตาได้

เช้าแล้วยังอยู่บนที่นอน ไม่ถึงซักที T^T
ช่วงเช้าที่ตื่นมา แสงแรกของวันจะอยู่ในพื้นที่ จ.พัทลุง
ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีว่าอีกประมาณไม่เกิน 1 ชั่วโมง
รถไฟก็จะพาเราไปถึงสถานีปลายทางชุมทางหาดใหญ่แล้วจ้า
เตรียมตัวเก็บข้าวของกันได้เลย

7 โมงเช้า ก็ถึงสถานีปลายทาง ชุมทางหาดใหญ่แล้ววว


ต่อที่ 2 : หาดใหญ่ - ปาดังเบซาร์

เมื่อถึงหาดใหญ่ก็ให้รีบไปซื้อตั๋วรถไฟไปปาดังเบซาร์ต่อเลยนะ
ราคาตั๋ว 50 บาท เป็นขบวนรถไฟแบบด่วน ขบวนที่ 947
หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 43 กม.
ใช้เวลา 55 นาที (7.30 AM - 8.25 AM)
แต่รถไฟจะออกกี่โมงก็ขึ้นกับความพร้อมของขบวนรถไฟด้วย
กว่าเราจะได้ออกจากหาดใหญ่ก็ 8 โมงกว่าแล้ว เพราะรถไฟเสีย

รถไฟเมื่อไรจะออก !!!

ขึ้นมาบนรถไฟเลือกนั่งตรงไหนก็ได้เลยที่ว่าง
ถึงแม้ในตั๋วจะระบุที่นั่งไว้ เพราะคนไม่เต็ม

รับลมธรรมชาติไปเลยเต็มๆ ทีนี้ 55555

หวังว่าเสียงเพลงจะกลบเสียงรถไฟฉึกฉักได้

เมื่อถึงสถานีปลายทางปาดังเบซาร์ รถไฟจะจอดที่ฝั่งไทยก่อน
ไม่ต้องลง เพราะรถไฟจะวิ่งต่อไปฝั่งมาเลเซียให้เราเลย
ถ้าเผลอลงต้องเดินหรือหารถต่อไปเองนะ

ต่อที่ 3 : ปาดังเบซาร์ - บัตเทอร์เวิร์ธ

เมื่อรถไฟไทยข้ามมาปาดังเบซาร์ฝั่งมาเลเซียแล้ว
เราต้องทำเรื่องผ่านแดนที่สถานีรถไฟได้เลย ต้องใช้ passport ด้วยนะ
ผ่านง่าย ไม่ถามไรเยอะ และซื้อซิมมือถือได้ที่นี่เลย จะมีคนมาขาย
หลังจากนั้นก็ขึ้นไปเคาท์เตอร์ชั้น 2 เพื่อซื้อตั๋วรถไฟต่อ 
ราคา 11.4 RM (85 บาท) มีทั้งหมด 14 รอบต่อวัน 
ตั๋วรถไฟใบเล็กๆ นี้ ห้ามทิ้งนะ เพราะเมื่อถึงปลายทาง
จะมีเจ้าหน้าที่เก็บอีกที ถ้าหายเสียค่าปรับ 30 RM
เรามาถึงตรงนี้ประมาณ 10 โมง (เวลามาเลเซียเร็วกว่าไทย 1 ชม.นะ)

มารอรถไฟที่ชานชาลาที่ 2 หรือสังเกตจอว่า B'WORTH ว่าอยู่ชานชาลาไหน

รถไฟเป็นแบบ commuter ปรับอากาศ 
ระยะทาง 170 กม.จากปาดังเบซาร์ไปบัตเทอร์เวิร์ธ
ใช้เวลาประมาณ 2 ชม.

แอร์เย็นฉ่ำ ต่างจากรถไฟไทยมาก 

ต่อที่ 4 : บัตเทอร์เวิร์ธ - ปีนัง

เป็นการต่อเรือเฟอร์รี่ข้ามฝั่ง ราคา 1.2 RM (10 บาท)
ใช้เวลาประมาณ 15 นาที

มาถึง Butterworth แล้วเดินตามป้าย Feri ไปเลยจ้า

เคาท์เตอร์ซื้อตั๋วเรือเฟอร์รี่

รอๆๆๆ เรือก็ยัง Delay 

นั่นไง เกาะปีนัง ฉันกำลังจะถึงแล้วนะ หัวเราะ
แล้วนิวจะพาไปเที่ยวไหนในปีนังบ้าง รอติดตามกันต่อเลยจ้า


แสดงความคิดเห็น
อ่านกระทู้อื่นที่พูดคุยเกี่ยวกับ  Backpack ท่องเที่ยว ปีนัง รถไฟ เที่ยวต่างประเทศ
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่